กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย
ทั่วไป => อักขระ เลขยันต์ คาถา ต่าง ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: บอล อุทัย ที่ มกราคม 21, 2009, 10:39:58 pm
-
เหรียญหลวงพ่อกวย รุ่นแรก จัดสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๔ เนื้อเหรียญเป็นทองฝาบาตรรมทอง จำนวนการสร้างประมาณ ๕,๐๐๐ เหรียญ จัดสร้างเพียงครั้งเดียวเท่านั้นโดยวิธีการปั๊ม ลักษณะด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อนั่งเต็มองค์ ด้านบนมีข้อความว่า "หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม" ส่วนด้านหลังบรรจุพระมหายันต์ที่ศักดิ์สิทย์ยิ่ง คือ"ยันต์มงกุฏพระพุทธเจ้า" ผูกด้วยหัวใจพระคาถาพระไตรปิฏก หัวใจพระคาถาไตรรัตน์
และยันต์องค์พระอยู่โดยรอบ เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญที่มีทั้งรอยจารและไม่มีรอยจาร ซึ่งเหรียญที่มีรอยจารจะหายากกว่ามาก
เหรียญรุ่นแรกนี้สมัยนั้นหลวงพ่อให้ทำบุญเหรียญละ ๒๐ บาท ไม่มีวางจำหน่าย ต้องไปทำบุญกับท่านเองจึงจะได้
พระคาถาที่ใช้กำกับเหรียญรุ่นนี้
คือ พระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า "อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ"
พระคาถาไตรปิฎก "มะ อะ อุ"
พระคาถาไตรรัตน์ "อิ สวา สุ"
เลขยันต์และ ยันต์องค์พระ
หมายเหตุ... ต้องขอโทษพี่ ๆ ทุกท่าน เรื่องการเขียน อักขระทับกระดูกยันต์ด้วยครับ ซึ่งการเขียนอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ นั้น
หากจะเขียนให้ถูกต้องตามหลักแล้วจะต้องไม่เขียนอักขระเลขยันต์ทับกระดูกยันต์
แต่เพื่อความสวยงามและเพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา พี่ ๆ ก็คงไม่ว่ากันนะครับ
-
พระคาถานี้ ท่านเรียกว่า พระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า มีสรรพคุณคุ้มครองอันตรายจากอาวุธทั้งปวง ภาวนาทุกวันมิตกนรก
เสกน้ำล้างหน้าทุกวันกันโรคภัยไข้เจ็บคุณไสยทั้งมวล คาถานี้อานุภาพสูงส่งมาก มีอยู่ในตำราพิชัยสงครามใช้ได้สารพัด กำบังได้ แคล้วคลาดได้
ขับผีได้ แก้อาถรรณ์ต่าง ๆ ก็ได้ หลวงพ่อกวยท่านได้เคยย้ำกับศิษย์ใกล้ชิดเสมอว่า ถ้าคับขันให้ว่าคาถานี้ แม้จะทำการใดก็สำเร็จ
คาถานี้มี ๒ บท แต่บทที่นำมาลงไว้ที่เหรียญรุ่นแรกก็คือ พระคาถาบทแรก
ถ้าจะให้มีตบะเดชะให้ภาวนาทุกวัน เกิดสง่าราศีเป็นที่เมตตาแก่คนทั้งหลาย ให้ภาวนาแล้วแผ่เมตตาให้คนทั้งปวง
ใครคิดร้ายก็ต้องมีอันเป็นไป
ถ้าปรารถนาสิ่งใดให้ภาวนาคาถานี้ ๑๘ คาบ เป็นไปได้ ดังใจนึก
ถ้าจะให้เป็นมหาจังงัง ให้ภาวนาคาถานี้ ๘ คาบ เป็นมหาจังงังแล
ถ้าจะให้เป็นมหาละลวยให้ภาวนา ๙ คาบ
ถ้าช้างม้าวัวควายสัตว์ที่ดุร้ายทั้งหลาย ให้เสกหญ้าเสกของให้มันกิน กลับใจอ่อนรักเราแล
ถ้าภูตพรายมันเข้าอยู่คน เสกข้าวให้มันกินออกแล
ถ้าปรารถนาจะให้เสียงเพราะ ให้เสกสีผึ้งสีปากเสกหมากกิน
ถ้าไปเทศนาสวดร้องเป็นที่พอใจคนทั้งหลาย ให้เสกแป้งผัดหน้า เสกมงกุฎรัดเกล้า เป็นสง่าราศีใครเห็นใครรักทุกคน
ถ้าไปณรงค์สงครามให้เอาใบลานหรือกระดาษว่าวมาลงคาถานี้ทำเป็นมงคลเสกด้วยตัวเอง สารพัดกันศาส ตราอาวุธทั้งหลายเป็นวิเศษนัก พระคาถาบทนี้ พระมหากษัตริย์ แต่เก่าก่อนทรงใช้ประจำทุกพระองค์แล
วิธีการบริกรรม ให้บริกรรมพระคาถานี้ เอาหัวแม่มือทั้งสอง ลากเส้นจากตรงศูนย์อุณาโลมหน้าผาก วนไปรอบศีรษะ
ไปบรรจบกันทางด้านหลัง แล้วลากกลับมาใหม่ บริกรรมพระคาถานี้ สักสามครั้งหรือเจ็ดครั้ง สร้างมโนภาพสมมตินึกเอาว่า
เป็นพระมหาพิชัยมงกุฎของพระพุทธเจ้า มาคุ้มครองอยู่ยนศีรษะ ป้องกันอันตรายทั้งมวล
-
กระดูกยันต์ เลขยันต์ และยันต์องค์พระ
(http://prakrueangsiam.com/images/19/12.jpg)
การลงเลขบรรจุใส่ในยันต์ต่าง ๆ นั้น เป็นการย่อรวมของอักขระอีกทีหนึ่ง ด้วยเหตุที่ว่า การที่จะลงอักขระ
ลงไปให้ครบถ้านนั้น จะทำให้สิ้นปลืองเนื้อที่มาก ๆ จึงอาศัยย่อรวมลงเป็นตัวเลขแทน
(http://prakrueangsiam.com/images/19/13.jpg)
-
;D ;D ;Dสุดยอดข้อมูลครับ ขอขอบคุณมากๆครับ ;D ;D ;D
-
รูปสวยมากๆๆๆ
ขอบคุณครับสำหรับวิทยาทาน ;D
-
พระคาถานี้ รัชการที่5 ท่านทรงใช้ปราบม้าพยศ ครับ
-
เป็นประโยชน์จริงๆครับ กระทู้นี้ :D
-
:Dสุดยอดครับท่านผู้ใหญ่ ;D
-
ได้ความรู้ดีมากเลยครับหมวด :D :D
หามาให้ศึกษากันอีกนะครับจะคอยติดตาม...ขอบคุณครับ :D
-
สุดยอดครับหมวด
อยากได้ลายยันต์หนุมานหลวงพ่อ แบบนี้จังเลยครับ ;)
-
โอ้...โห..ซึ้ง
ช่างเป็นบุคคลากรของประเทศที่น่ายกย่องในรอบหลายปีที่ศึกษาและสะสมพระมาเลยเนี่ย...
วันหลังต้องทุบกระปุก...ไปขอแบ่งพระและความรู้จากคุณหมวด ซะแล้ว
เพราะว่าเหรียญรุ่นหนึ่งของผมเนี่ย...เห็นยันต์รางๆ(แทบจะไม่ห็น)
แต่จากหมวดอธิบายแล้ว...truely & Fully understanding
มิน่าหล่ะ...เวลาขับรถไปทางไหนดูมันปรอดโปร่งตลอด..จอดรถได้ง่ายและสะดวก
เวลา จะ U-turn หรือเลี้ยวออกจากซอย..มักส่วนใหญ่จะมี รถคอยมาบังให้ตลอด
และแค่นึกถึงบางอย่างไม่ค่อยสะดวกใจ...สักพักเวลานั้นมาถึง...กลับมีคนมาสนับสนุนและแก้ไขอย่างอัศจรรย์
ไม่เคยถอดออกจากคอเลย.....
-
:o :o :o ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม มากๆเลยครับ ท่าน " ผู้ใหญ่บ้าน " ชอบมากๆครับ ขอขอบคุณคร..าบ :o :o :o ;D ;D ;D
-
เยี่ยมมากๆ เลยครับ...สุดยอดจริงๆ เอาแค่นั่งคัตพื้นเหรียญแล้วเขียนตัวหนังสือลงไปอย่างเดียวก็เห็นถึงความพยายามแล้ว
ขอบคุณท่านผู้ใหญ่บ้านมากมายครับ....
-
ยอดเยี่ยมครับหมวดบอล ตอนเช้าต้องเพิ่มคาถาอีกบทหนึ่งก่อนออกทำงานซะแล้ว และที่สำคัญต้องรีบอัญเชิญเหรียญ รุ่นนี้ซะไวๆ ขอพรหลวงพ่อช่วยด้วยคร้าบ
-
ข้อมูลแน่นครับแต่งภาพสวยมาก หมวดอธิบายได้ละเอียดดีแล้วครับเสริมเรื่องพระคาถาละกันครับ
ว่ากันตามโบราณก็ต้องตอนล้างหน้าตอนเช้าตักน้ำใส่ขัน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ถือขันด้วย ๒ มือระดับอกในท่าพนมมือ ท่องพระคาถานี้ให้พอดีกับการสูดลมหายใจเข้า ตอนลมหายใจออกให้เป่าไปที่น้ำในขัน ซึ่งวิธินี้ก็ถือเป็นการเสกด้วยตัวเองแล้วนำน้ำซึ่งขณะนี้ก็เป็นน้ำพระพุทธมนต์แล้วล้างหน้าให้ทุกเช้าจะเป็นราศีมีมงคลแก่ตัวครับ
ปัจจุบันล้างหน้าในห้องน้ำอณุโลมได้ตามสะดวกจะเป็นขันหรือแก้วหรือน้ำในอุ้งมือก็เป่าเสกกันตามสมควรครับ
-
คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า มีอีกชื่อหนึ่งว่า อิติปิโสเรื่อนเตี้ย
เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเรียกชื่อแบบนี้
บังเอิญไปเจอบทความท่อนหนึ่งในหนังสือรายปักษ์
ผมเลยเอามาลงให้อ่านเพิ่มเติมครับ
คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ยนี้ เป็นคาถาที่หวังผลทางด้านสมานแฉันท์
หรือใช้ทำให้คนที่กระด้างกระเดื่อง เห็นผิดเป็นชอบยอมลดทิฐิมานะลงได้
ขนาดที่ว่าทำให้หลังคาเรือนเตี้ยต่ำลง เพื่อให้คนที่มีมานะทิฐิไม่ยอมก้มหัวให้ใคร
เมื่อเดินเข้าเรือนเจ้าของบ้านที่ใช้คาถานี้ ต้องยอมก้มหัวลง ไม่สามารถเดินยืดหัวตัวตรงได้
เพราะไม่เช่นนั้น จะต้องชนกับขื่อบ้าน จึงเหมือนเป็นการบังคับให้ทำความเคารพเจ้าบ้านไปในตัว
ดังตัวอย่างพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จยุโรป หลวงปู่เอี่ยมก็ให้ใช้มนต์บทนี้ปราบม้าพยศ
พระคาถานี้เข้าใจว่าคงมีใช้กันมานานแล้ว แต่ที่ มีหลักฐานที่สามารถสืบสายวิชาเห็นได้ชัดๆ
ก็คือ สมเด็จโต เพราะเป็นพระคาถาที่ท่านลงในสมุดขาว ของท่านดังจะเห็นได้จากผ้ายันต์ปี2500
ของวัดกัลยา ก็คัดลอกมาจากสมุดขาวนี้ อีกรูปที่มีหลักฐานแน่นอนว่าใช้พระคาถานี้ หลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง
ยุคต่อมาก็คือสายวัดพระปรางค์หลวงปู่ศรี และถ่ายทอดสู่หลวงพ่อกวยครับ
-
คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า มีอีกชื่อหนึ่งว่า อิติปิโสเรื่อนเตี้ย
เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเรียกชื่อแบบนี้
บังเอิญไปเจอบทความท่อนหนึ่งในหนังสือรายปักษ์
ผมเลยเอามาลงให้อ่านเพิ่มเติมครับ
คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ยนี้ เป็นคาถาที่หวังผลทางด้านสมานแฉันท์
หรือใช้ทำให้คนที่กระด้างกระเดื่อง เห็นผิดเป็นชอบยอมลดทิฐิมานะลงได้
ขนาดที่ว่าทำให้หลังคาเรือนเตี้ยต่ำลง เพื่อให้คนที่มีมานะทิฐิไม่ยอมก้มหัวให้ใคร
เมื่อเดินเข้าเรือนเจ้าของบ้านที่ใช้คาถานี้ ต้องยอมก้มหัวลง ไม่สามารถเดินยืดหัวตัวตรงได้
เพราะไม่เช่นนั้น จะต้องชนกับขื่อบ้าน จึงเหมือนเป็นการบังคับให้ทำความเคารพเจ้าบ้านไปในตัว
ดังตัวอย่างพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จยุโรป หลวงปู่เอี่ยมก็ให้ใช้มนต์บทนี้ปราบม้าพยศ
พระคาถานี้เข้าใจว่าคงมีใช้กันมานานแล้ว แต่ที่ มีหลักฐานที่สามารถสืบสายวิชาเห็นได้ชัดๆ
ก็คือ สมเด็จโต เพราะเป็นพระคาถาที่ท่านลงในสมุดขาว ของท่านดังจะเห็นได้จากผ้ายันต์ปี2500
ของวัดกัลยา ก็คัดลอกมาจากสมุดขาวนี้ อีกรูปที่มีหลักฐานแน่นอนว่าใช้พระคาถานี้ หลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง
ยุคต่อมาก็คือสายวัดพระปรางค์หลวงปู่ศรี และถ่ายทอดสู่หลวงพ่อกวยครับ
มีบทความเต็มๆมั๊ยครับ ศิษย์พี่ จะได้ศึกษาบ้างครับ เรื่องประวัติศาสตร์นี่ น่าสนใจครับ ถ้ามี e-mail มาให้หน่อยนะครับ ;D
-
น่าสนใจมากครับพี่ ผมก็ใช้คาถานี้อยู่ทุกวัน ถ้ามีแบบเต็มๆก้ดีนะครับ อยากศึกษา
-
เลข ๙ เป็นการย่อ หัวใจพระพุทธคุณ
พระพุทธคุณ 9 ประการนี้ ย่อเหลือพระคุณละ 1 อักษร ดังนี้ คือ.-
1)อะ (อรหัง)-เป็นพระอรหันต์ ไกลจากกิเลส.....
2)สัง(สัมมา สัมพุทโธ)-ตรัสรู้ความจริงด้วยพระองค์เอง โดยถูกต้อง.......
3)วิ(วิชชา จรณะสัมปันโน)-ทรงสมบูรณืด้วยวิชาสมบัติและจริยาสมบัติ........
4)สุ(สุคโต)-เสด็จไปดี......
5)โล(โลกวิทู)-ทรงรู้เท่าทันโลกทั้ง 3..........
6)ปุ(อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ)-ทรงเป็นสารถี ฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้ ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน.......
7)สะ(สัตถา เทวมนุสสานัง)-ทรงเป็นครูสอนทั้งเทวดาและมนุษย์........
8)พุ(พุทโธ)-ทรงเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใส.......
9)ภะ(ภควา)-เป็นผู้ทรงแจกพระอมตะมรดก.......
เลข ๗ เป็นการย่อ หัวใจพระธรรม๗คัมภีร์ คือ
สัง มาจาก พระสังคีณี ( กุสลา ธมฺมา....... )
วิ พระวิภังค์ ( ปัญจักขันธา รูปักขันโธ .....)
ธา พระธาตุกถา ( สังคะโห อะสังคะโห......)
ปุ พระปุคคะละปัญญัตติ (ฉะ ปัญญัตติโย ขันธะปัญญัติ ......)
กะ พระกถาวัตถุ(ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สัจฉิกัต...)
ยะ พระยมก ( เยเกจิ กุสลาธมฺมา....... )
ปะ พระมหาปัฏฐาน ( เหตุปัจจโย....... อวิคจปัจจโย )
-
กุศโลบายของโบราณจารย์ในอดีตช่างแยบคายยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นคาถา อักขระ เลขยันต์ หรือแม้แต่เครื่องรางของขลัง ล้วนแฝงไว้ด้วยนัยยะแห่งพระสัทธรรมแทบทั้งสิ้น
อักขระที่หมุนเวียนไปตามช่องตารางของยันต์มงกุฏพระพุทธเจ้า เสมือนหนึ่งการหมุนวนอยู่ในสังสารวัฏฏ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตัว"อิ"ที่อยู่ตรงกลางเปรียบดัง ธาตุรู้ ไม่ดับไม่ตายเป็น"อมตธรรม" นี่แหละจึงว่าโบราณจารย์ในกาลก่อนนั้นมิได้มุ่งแต่จะให้เห็นผลทางด้านอิทธิฤทธิ์แต่เพียงถ่ายเดียว แม้พระสัทธรรมที่ลึกซึ้งลงไปก็ได้แสดงไว้อย่างครบถ้วน
ส่วนตัวเลขที่รายล้อมดวงยันต์อยู่นั้นเป็นการผูกกลบทตามแบบฉบับ"ตรีนิสิงเห"อีกสัมทับหนึ่ง ซึ่งสังเกตได้ว่าตำแหน่งของเลข 5 จะกระจายอยู่ทั้ง 4 ตำแหน่งเป็น 4 มุมแบบสี่เหลี่ยมจตุรัส
และระหว่างมุมทั้ง 4 นั้นจะบวกกันแล้วได้เท่ากับ 10 เสมอ เช่น 3+7,4+6,1+9,2+8 (สามารถเปรียบเทียบได้กับยันต์ตรีนิสิงเหแบบสี่เหลี่ยมซึ่งมี 4 มุมแต่ละมุมแบ่งเป็น 2 ช่อง และทุกๆมุมจะบวกได้เท่ากับ 10 เสมอเช่นเดียวกัน
ส่วนเลข 1,2,3,4นั้นก็จะกระจายออกเป็น 4 ทิศคือ ด้านล่าง-ด้านซ้าย+ด้านบน+ด้านขวา เป็นลักษณะเหลี่ยมขนมเปียกปูนตัดกันกับสี่เหลี่ยมจตุรัสที่ประกอบไปด้วยเลข 5 ดังกล่าวไปแล้วข้างต้น จึงรวมทั้งหมดเป็น 8 มุมครบ 8 ทิศหรือสวัสดิกะ
และระหว่างเลข 1 ถึงเลข 2 นั้นจะบวกกันแล้วได้เท่ากับ 14
ระหว่างเลข 2 ถึงเลข 3 นั้นจะบวกกันแล้วได้เท่ากับ 13
ระหว่างเลข 3 ถึงเลข 4 นั้นจะบวกกันแล้วได้เท่ากับ 12
ระหว่างเลข 4 ถึงเลข 1 นั้นจะบวกกันแล้วได้เท่ากับ 11 รวมกันทั้งสิ้นได้ 50
ทั้งหมดต่างมีความสัมพัทธ์ สัมผัส สอดคล้อง กันอย่างลงตัวและซ่อนไว้ด้วยธรรมปริศนาอันล้ำลึก กล่าวถึง ตรีนิสิงเหนี้เป็นอีกหนึ่งวิชาที่ใช้ในการลบผงซึ่งล้วนมีความสลับซับซ้อนและประณีตละเอียดอ่อนยิ่งนัก สูตรตรีนิสิงเหนี้ยังสามารถถอดกลบท ยักย้ายถ่ายเทให้เป็นไปได้อีกหลายกลบทแต่แม้ในที่สุดแล้วก็จบลงที่ สูญญังนิพพานังปรมังสูญ ทั้งสิ้น หากพิจารณาในแง่ธรรมมะแล้วไซร้จักได้เห็นพระสัทธรรมตามกฎไตรลักษณ์อย่างครบถ้วนกระบวนความ คือนับตั้งแต่การเกิดก่อ ต่อตั้ง ปรวนแปร แลดับสูญ เข้ากับทุกขัง อนิจจัง อนัตตาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนไปไหน โบราณจารย์จึงกำหนดวิชาตรีนิสิงเห ปถมัง มหาราช อิทธิเจ เหล่านี้เป็นกองกรรมฐานให้บัณฑิตผู้สนใจได้เจริญสมาธิ พากเพียร ไตร่ตรองตราบจนบรรลุถึงเจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ เป็นที่สุดแห่งกองกรรมฐานแล
เสริมอีกนิดว่าเลข 5 นั้นไม่ได้หมายถึง นะโมพุทธายะ อย่างเดียวแต่ยังเป็นได้อีกถึง 4 สถานคือ
1.ปา อะ กา มุ สุ (ศีล 5) ปาณา อทินนา กาเม มุสา สุรา
2.เก โล นะ ทะ ตะ (กรรมฐาน 5) เกษา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ
3.รู เว สะ สัง วิ (ขันธ์ 5) รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
4.โส สะ อะ อะ นิ (อริยะ 5 ) โสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ นิพพาน
และอื่นๆอีกได้ตามแต่คติแห่งคณาจารย์นั้นๆ
-
ขอบคุณมากสำหรับกระทู้นี้ นับว่าเป็นที่สุดแล้ว ซึ่งสามารถแชร์ความรู้ให้แก่กันและกันได้มากทีเดียว ต้องขออนุญาตเซฟข้อมูลและรูปภาพที่ลงในกระทู้นี้เก็บไว้อ่านจนกว่าจะจำได้ขึ้นใจนะครับ
ชอบมากๆครับ ขอบอก.... ;D ;D ;D
-
อ่านแล้วขนแขนสแตนอัพเลยครับพี่แหล่มมมมม :D :D :D
-
::)เป็นบทเดียวกันกับ อิติปิโสแปดทิศ ไม่แน่ใจ.. เพียงแต่ไล่จากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบน จากซ้ายไปขวากลับไปมา(ยันต์เกราะเพชร) ใช่รึเปล่าครับ :-[
-
ขอบคุณครับ
-
นอกจากเรียกว่า"ยันต์มงกุฏพระพุทธเจ้า"แล้ว ยังเรียกอีกอย่างว่า"ยันต์บัวแก้ว"
-
ฝันไว้ว่า อยากได้สักเหรียญ ;D
-
ฝันไว้ว่า อยากได้สักเหรียญ ;D
....คิดเหมือนผมเลยครับ! :D