ผู้เขียน หัวข้อ: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลังจารเฑาะว์ และ นะ มะ อะ อุ  (อ่าน 316889 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #540 เมื่อ: มกราคม 10, 2014, 06:32:29 pm »
ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๓๗๔
วันที่ ๕ มี.ค. – ๑๕ มี.ค.๒๕๓๗
หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ภาคพิเศษว่าด้วย อภินิหารและปฏิทา




เหรียญรุ่นสุดท้าย


เรื่องที่ ๕ เกิดขึ้นวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๔ หมอเรียม บ้านอยู่หนองปลาดุก ได้ขับรถกระบะไปธุระที่ จังหวัดนครสวรรค์ ตอนขากลับตรงสามแยก เข้าพยุหะได้มีรถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว วิ่งตัดหน้า ได้ชนรถหมอเรียมกระเด็นตกลงข้างทาง รถกลิ้งหลายตลบ ปรากฎว่ารถพังใช้ไม่ได้เลย เละเลย แต่ตัวหมอเรียมไม่เป็นอะไรเลย ในคอมีเหรียญทองแดงโล่เพียงเหรียญเดียว ตำรวจมาดูเหตุการณ์ยังยืนงง หมอเรียมเดินได้เป็นปกติ คนมาถามมามุงดูกันใหญ่เลย

เรื่องที่ ๘ วันนี้ขอเหมาเรื่องรถชนกันสักวัน นายอินทร์ เดชมา กับพระอาจารย์เกลียวเจ้าอาวาส วัดหนองแขม อ.สรรคบุรี ได้เดินทางไปธุระที่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยขี่มอเตอร์ไซค์ไป ขับไปเร็วมากเพราะทางไกล ระหว่างทางได้มีวัววิ่งตัดหน้า นายอินทร์เบรกไม่ทัน ได้ชนวัวอย่างแรง ผลปรากฎว่าวัวไม่เป็นอะไร แต่รถกระเด็นตกคลองบิดเบี้ยว ขับไม่ได้เลย ส่วนนายอินทร์กับอาจารย์เกลียวตกลงไปในคลองเช่นกัน แต่ไม่เป็นอะไรเลย ไม่เจ็บเลยแต่เปียกน้ำ นายอินทร์คล้องเหรียญหนุมานอันเดียว อาจารย์เกลียวมีเหรียญหนุมานเหน็บอยู่ในย่ามเหรียญเดียวเช่นกันแปลกมาก อาจารย์เกลียวอายุมากแล้วตก ๗๐ ปี แต่ไม่เป็นอะไรเลย เขาว่าหลวงพ่อสำเร็จวิชาหินเบา

เรื่องที่ ๙ เกิดขึ้นวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๑ เจ้าของเรื่องชื่อถวิล เป็นคนบ้านแคได้ไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี นายถวิลได้ขี่รถจักรยานยนต์ไป พอถึงสี่แยกบางระจัน นายถวิลได้ขี่รถเข้าแยกสิงห์บุรี ไม่มองซ้ายมองขวา รถเก๋งวิ่งมาจากสายบ้านจ่าด้วยความเร็ว ได้ชนรถนายถวิลอย่างแรงมากรถเละเลย นายถวิลได้กระเด็นข้ามรถเก๋งไปตก ๕ เมตร นายถวิลไม่เป็นอะไรเลย ในคอคล้องเหรียญหนุมานยกธงรบเพียงเหรียญเดียว แปลกมาก ไม่เป็นอะไรเลย คนมาดูกันเต็มนายถวิลได้มาบวชให้หลวงพ่อ ๑ พรรษา

เรื่องที่ ๑๐ วันนี้เหมาเรื่องรถชนกันสักวัน เจ้าของเรื่องชื่อพูนวัฒน์ นาคทอง อยู่บ้านเลขที่ ๑๒๔/๑ ถ.นิพัทธ์อุทิศ ๓ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ๙๐๑๑๐ คุณพูนวัฒน์ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปธุระ ขากลับไม่รู้ว่ารถบรรทุกวิ่งมาแต่ไหน ตรงสี่แยกพอดี ชนรถเขาอย่างแรงรถเละเลย ตัวเขากระเด็นไปข้างทางปรากฎว่าคุณพูนวัฒน์ไม่เป็นอะไรเลย อีกครั้งหนึ่งคุณพูนวัฒน์ไปธุระเช่นกันรถกระบะวิ่งสวนมาด้วยความเร็วเสียหลักด้วย ได้ชนรถคุณพูนวัฒน์เละเลย คุณพูนวัฒน์กระเด็นไปข้างทางไกลมาก เขาไม่เป็นอะไรเลย เขาใช้เหรียญทองแดงรูปโล่ ๑ องค์กับสมเด็จสีชานหมาก เขารอดตายมาได้ ๒ ครั้ง เขาเชื่อและนับถือหลวงพ่อเป็นชีวิตจิตใจท่านเก่งจริง ๆ เขาไม่เจ็บเลย

เรื่องที่ ๑๑ เรื่องนี้เป็นเรื่องเตือนใจสมควรบันทึกเอาไว้ มีศิษย์ของหลวงพ่อรุ่นหลังคนหนึ่ง คล้องเหรียญหนุมานประจำ ชื่อพิณ(ชื่อจริง ๆ) เป็นคนทางแม่น้ำน้อย วันหนึ่งนายพิณได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาที่โพธิ์งาม รถใหม่ด้วยได้มีนักจี้ชิง ๒ คนซ้อนรถกันมา นายพิณรู้สึกตัวได้ขี่หนี แต่โจร ๒ คนก็พยายามขี่รถปาดหน้าให้รถเสียหลัก นายพิณได้ขี่รถหนีจนสุดชีวิต คนร้ายได้ชักปืนออกมายิงนายพิณ ๓ นัด ไม่ออกเลย นายพิณใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง แต่คนร้ายก็ร้ายสมชื่อได้ขี่รถปาดหน้าจนได้ รถได้เสียหลักจนล้มลง คนร้ายได้ปล้ำแย่งรถ นายพิณฮึดสู้คนขับคือโจรคนแรกเข้าปล้ำ คนซ้อนคือโจร(มือปืน) ได้สติ สั่งให้เพื่อนกระตุกสร้อยในคอออก พอสร้อยขาด มือปืนคนซ้อนได้ยิงนายพิณนัดเดียวตายเลย ข้อคิดเรื่องนี้เป็นเรื่องเตือนใจ สัญชาตินักเลงต้องมีเครื่องรางหลายแบบและควรมีเขี้ยวเล็บด้วย

เรื่องที่ ๑๒ สมัยก่อนนี้ นักเลงมักจะพกอาวุธแปลก ๆ เช่น มีดเสือซ่อนเล็บ เป็นมีด ๒ เล่มใช้ด้ามเป็นฝักใช้ฝักเป็นเป็นด้ามบางคนหมัดไม่หนักก็พกสนับมือ เป็นโลหะทองเหลืองใส่นิ้ว ๔ นิ้วต่อยคนถึงเจ็บ บวม หรือแตกได้ทันที บางคนพกเหล็กขูดชาร์ป มีด้ามเป็นไม้รูปเหล็กทรงมะเฟือง ๔ แฉก ใช้ขูดเศษโลหะที่โรงกลึง เขาว่าถ้าแทงคนแล้วเลือดจะไม่ไหลออก จะไหลลงช่องท้องถึงตายได้

วันหนึ่งงานวัดของหลวงพ่อทางโรงเรียนมักจัดรำวงกับมวย ส่วนวัดจัดภาพยนตร์ ลิเก ปัจจุบันนี้รำวง มวยที่จังหวัดอื่นเขาเลิกจัดกันแล้ว แต่ทางโรงเรียนของหลวงพ่อยังจัดได้ ปีนั้นทางวัดและโรงเรียนมีงานประจำปี คนมาเที่ยวกันมาก โดยมากจะมาปิดทองรูปหล่อของหลวงพ่อกันก่อน นายยอด รุ่งเรือง ลูกชายหลวงตายอด รุ่งเรือง ก็มากราบหลวงพ่อด้วยมาคนเดียว เดินเพลิน ๆ อยู่ มีคนมาสะกิดสีข้างแล้วแทงด้วยเหล็กขูดชาร์ป แทง ๓-๔ ที ล้มลงไป คนมามุงดูกันเต็มคิดว่าตายแล้ว ปรากฎว่าแทงไม่เข้าแม้ทีเดียว คนมาขอดูเหรียญที่คอกันเต็มไปหมด ปรากฎว่าในคอนายยอด คล้องเหรียญทองแดงโล่ รุ่น ๓ พ.ศ.๒๕๒๑ เพียงเหรียญเดียว

เรื่องที่ ๑๓ เจ้าของเรื่องชื่อละมัย เดชมา เป็นคนหมู่ ๑๐ ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี ได้ไปเที่ยวที่วัดดอนตาลเสี้ยน หลังวัดดอนไร่ ไปเที่ยวกับนายปี ไปเจอเจ้าถิ่นเข้าเขาไม่พอใจ นายปีได้เข้าไปห้าม เลยโดนตีด้วยขวดเหล้าขวดแตกเลย แต่นายปีไม่เป็นอะไร เมื่อตีนายปีแล้ว เจ้าถิ่นก็รุมตีนายละมัย เดชมา ตีจนสลบ พักใหญ่มีคนไปบอกตำรวจ นายละมัยได้ฟื้นขึ้นมาปรากฎว่าไม่แตกเลยกลับบ้านได้ คนมาขอดูพระกันใหญ่ ปรากฎว่าในคอนายละมัยคล้องเหรียญทองแดง รุ่น ๓ พ.ศ.๒๕๒๑ เพียงเหรียญเดียว นายปีคล้องเหรียญหนุมาน เหรียญเดียวเช่นกัน นายปีปัจจุบันอายุมากแล้ว พูดจานักเลง บวชเป็นพระอยู่วัดหนองตาแก้ว อ.เดิมบางนางบวช นายปีนามสกุล มั่นปาน บ้านเดิมอยู่ ๑๙ ม.๑๐ ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ๑๗๑๔๐

ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #541 เมื่อ: มกราคม 10, 2014, 06:33:06 pm »

เรื่องที่ ๑๘ อาจารย์ชรัท สุขเอี่ยม เป็นครูสอนโรงเรียนวัดสามเอก เป็นโค้ชกีฬาที่เก่งคนหนึ่ง วันหนึ่งได้นำเหรียญทองแดงโล่มาคล้องให้ลูกชาย ลูกชายอายุประมาณ ๑๒-๑๓ ขวบ ชอบพระเหมือนพ่อ วันหนึ่งเปิดเทอมภาคฤดูร้อน มีการบวชเณรกัน ลูกชายอาจารย์ชรัท ก็อยากจะบวชด้วย อาจารย์ชรัทได้ไปซื้อใบมีดโกนมาโกนผมให้ลูก ปรากฎว่าโกนไม่เข้าขูดใบมีดโกนลงไป ผมขาดเพียง ๒-๓ เส้นเท่านั้น โกนอย่างไรก็โกนไม่ได้ จึงอาราธนาหลวงพ่อออกจากคอจึงโกนเข้า นับว่าอัศจรรย์มาก เรื่องนี้เข้าใจว่าคงเกิดขึ้นเป็นบางครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกัน ผมไม่ยืนยัน เพราะตัวผมเอง อย่าว่าแต่เส้นผมเลย ไปหาหมอ หมอแทงผมฉึกเข้าทุกที

อีกเรื่องหนึ่งลุงชม คนสามเอกติดต่อหนองบอน ได้มาปิดทองฝังลูกนิมิตตอนกลางวัน แดดก็ร้อน ขากลับได้แวะที่หนองแขมเพราะอากาศร้อน ขณะกำลังพักมีคนมาถามว่า เช่าอะไรมาบ้าง ลุงชมก็ตอบว่า เช่าเหรียญทองแดงมา ๑ องค์ เหรียญหนุมานมา ๑ องค์ นายระเบียบก็ถามว่า จะขอลองได้ไหม ลุงชมเลยหยิบให้ลองดูโดยให้ลองเหรียญทองแดง คือกลัวว่าเหรียญหนุมานถ้าออกจะเสียของเพราะเช่ามาแพง เลยให้ลองเหรียญทองแดง นายระเบียบได้ทดลองยิง ๒ นัดไม่ออกเช่นกัน พอตกเย็นคนสามเอก หนองแขม หนองปลาดุก หนองบอน เดินกันมาเช่าของเต็มถนนไปหมด

อีกเรื่องหนึ่ง นายเกลี้ยงได้ไปทำงานที่ตลาดอ่างทองไปกันหลายคน ลุงเกลี้ยงเป็นคนหนองหิน อ.สรรคบุรี นายชาติคนหนองหินคนหนึ่งได้ไปทำงานเช่นกัน เกิดเขม่นกันกับเจ้าถิ่น วันเกิดเหตุเกิดในตลาดเลย เจ้าถิ่นได้ล็อคคอนายชาติแล้วยิง ปัง ปัง ๒ นัด กลางตลาดเลย นายชาติทรุดฮวบลงไป มือปืนหนีตามระเบียบ คนเต็มไปหมด นายเกลี้ยงได้เข้าไปดูตัวนายชาติคิดว่าตายแล้ว ปรากฏว่าเสื้อขาดเฉย ๆ คนขอดูเหรียญกันเต็มตลาดไปหมด นายเกลี้ยงเขาเป็นคนมีอายุมากหน่อย ฉลาดรอบตัว ได้นำเหรียญรุ่นนี้ไปจำหน่ายในราคา ๔๐๐ - ๕๐๐ บาท ปีนั้นทั้งปีไม่ต้องทำนา จำหน่ายเหรียญรุ่นนี้ได้ไปหลายหมื่นบาท

วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๓๓ นายยอด แซ่อึ้ง คนหัวเด่น ติดกับบ้านแค วัดหลวงพ่อ ได้ขี่จักรยานยนต์ไปกับหลาน ๒ คน จะไปธุระที่ใกล้วัดใหม่ ขากลับมีรถไถนาวิ่งสวนมาฝุ่นเต็มถนน มองอะไรไม่เห็น พอดีรถปิคอัพยี่ห้อมิตซูบิชิวิ่งสวนมาด้วยความเร็วสูง ได้ชนรถจักรยานยนต์ของนายยอด รถกระเด็นเละเลย หลาน ๒ คนตายทันที นายยอดสลบไป ไปฟื้นที่โรงพยาบาลหมอประเจิดสิงห์บุรี หมอบอกสงสัยไม่รอดเพราะช้ำในมาก เนื้อตัวไม่ถลอกเลย แต่พอฟื้นแล้วเมื่อตรวจดูก็ไม่เป็นอะไร กลับบ้านได้ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก นายยอดใช้เหรียญหนุมาน กับ แหวนนิ้ว ๑ วงเท่านั้น เดี๋ยวนี้ก็ยังใช้ประจำ เขานับถือมาก

อีกเรื่องหนึ่ง คุณสมชาย อภินันทาภรณ์ มีเหรียญหนุมาน ๑ เหรียญ ปลัดปรอท ๑ ตัว ไปกับเพื่อน ๒ คน เพื่อนเป็นจิ๊กโก๋ห้วยขวางสักทั้งตัว เขาว่าหนังเหนียวมาก ไปนั่งกินอาหารที่ห้องอาหารห้วยขวาง เจอวัยรุ่น ๗ คนเกิดไม่พอใจกันขึ้น ได้มีการชกต่อยตีกันขึ้น ๒ ต่อ ๗ เพื่อนคุณสมชายสักทั้งตัวเลือดทั้งตัวเช่นกัน แต่คุณสมชายโดนรุมตีไม่แตก ไม่มีเลือดเลย พอดีตำรวจมาจับได้ ไปตกลงกันที่เขตห้วยขวาง ฝ่ายที่รุมตีคุณสมชายกับเพื่อนได้ชดใช้ค่าทำขวัญให้ ๑๒,๐๐๐ บาท คุณสมชายเลยแบ่งกับเพื่อนคนละครึ่ง เงิน ๕,๐๐๐ บาทเอาไปซื้อสร้อยคล้องเหรียญหนุมาน เงิน ๑,๐๐๐ บาทเอาไปเลี่ยมปลัด

อีกเรื่องหนึ่ง นายเทียบ กับนายชาย เป็นคนบ้านหัวเด่น อ.สรรคบุรี ได้ดื่มเหล้าวงเดียวกัน เกิดขัดคอกันกลางวงเหล้า นายเทียบได้ชกนายชายก่อน นายชายเลยกลับบ้านไป อีกสักพักหนึ่งนายเทียบนึกขึ้นได้ว่าทำผิดไป คือชกเพื่อนรุนแรงไปแล้ว เลยตามไปบ้านนายชายเพื่อปรับความเข้าใจกัน คือขอโทษ พอนายเทียบมาบ้านนายชาย นายชายคิดว่านายเทียบจะมาต่อยต่อคงคิดว่ายังไม่หายมัน นายชายคิดว่าจะมากไป เลยหยิบมีดพกมาข้างหลัง พอมาถึงก็ฟันนายเทียบ นายชายได้ฟันนายเทียบหลายแห่ง นายเทียบได้วิ่งหนีไป ผลคือไม่เข้าเลย ในตัวนายเทียบคล้องเหรียญทองแดงหลังยันต์เหรียญเดียว

อีกเรื่องหนึ่ง นายมานิตย์ ยิ้มจู บ้านอยู่หนองแขม จ.ชัยนาท อ.สรรคบุรี ไปทำงานที่พระประแดง จ.สมุทรปราการ ครั้งหนึ่งไปทานอาหารเข้าใจว่าเหล้าด้วย ที่พระประแดง มีวัยรุ่นเจ้าถิ่นมาหาเรื่อง เกิดชกต่อยกันขึ้น วัยรุ่นเจ้าถิ่นสู้นายมานิตย์ไม่ได้ถูกต่อยล้มลงไป วัยรุ่นคนนั้นได้ชักปืนมายิงนายมานิตย์ ๑ นัด นายมานิตย์ล้มลงไปวัยรุ่นวิ่งหนี ไทยมุงเต็มไปหมด นายมานิตย์ยืนขึ้นดูที่อกไม่เป็นอะไร เสื้อขาด ๑ รู ไม่เข้า นายมานิตย์คล้องเหรียญหนุมานยกธงรบเพียงเหรียญเดียว

อีกเรื่องหนึ่ง คุณสามารถ หมวกอิ่ม เป็นคนเดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เขาขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ขนาด ๑๕๐ ซีซี รุ่นเก่าคันใหญ่ ขี่มาที่ตลาดอำเภอหันคา ชัยนาท ด้วยความเร็วสูง ได้วิ่งชนรถอีแต๋น รถอีแต๋นนี่เป็นรถไถนานำมาติดกับลี่ใช้บรรทุกของ รถอีแต๋นก็วิ่งมาด้วยความเร็ว ปรากฏว่ารถอีแต๋นวิ่งตัดหน้า คุณสามารถได้บีบแตรและเบรกแต่เบรกไม่อยู่ เขาระลึกถึงหลวงพ่อกวยให้ช่วย หลวงพ่อก็อยู่ไกลไม่รู้จะช่วยได้อย่างไรท่านไม่ได้เป็นคนขับด้วย ปรากฏว่ารถคุณสามารถวิ่งชนรถอีแต๋นด้วยความแรงมาก แรงขนาดข้อต่อลี่ขาดเลย คุณสามารถกระเด็นไปข้างทางไม่เป็นอะไรเลย แต่รถเละใช้ไม่ได้เลย คุณสามารถศรัทธาหลวงพ่อมาก เขาคล้องเหรียญหนุมานยกธงรบ อันเดียว เขาได้มาบวชให้หลวงพ่อที่วัด ๑ เดือน ผมเคยถ่ายรูปเขาไว้ ถ่ายรูปคู่นายปาน ศิษย์ของหลวงพ่อ

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องเปรียบเทียบ คุณสุทธิวรรณ ปั้นสน บ้านอยู่หนองแขม ใกล้วัดหนองแขม นามสกุลเดียวกับหลวงพ่อ ถ้าจำไม่ผิดอาจจะเป็นน้องสาวท่านอาจารย์สำรวย ได้ไปทัศนศึกษาที่ภาคเหนือ ขณะที่รถวิ่งอยู่บนดอยตุง จ.เชียงราย ความที่คนขับรถทัศนศึกษาไม่ชำนาญทาง ได้ตกลงเหว บนดอยตุง คุณสุทธิวรรณได้ระลึกถึงหลวงพ่อร้องสุดเสียงเลย ปรากฏว่ารถตกลงไปด้านล่างด้วยความแรงมาก คนตายและบาดเจ็บเต็มไปหมด มีเพียงคุณสุทธิวรรณเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ไม่สลบด้วย ในคอเขาคล้องเหรียญทองแดงโล่เพียงอันเดียว ดอยตุงนี้สูงมาก รถที่ตกลงไปด้านล่าง คนโอกาสรอดชีวิตมีน้อยมาก มีไม่ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์

ก็ขอสมมุติยุติจบเรื่องเหรียญรุ่นสุดท้ายไว้เพียงนี้ เหรียญรุ่นนี้หลังงานฝังลูกนิมิตยังมีเหลืออยู่มากทีเดียว ก่อนหลวงพ่อจะมรณภาพ หลวงพ่อได้ปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้ไว้ให้ยาวนานเหมือนเป็นการสั่งลา และมอบสิ่งที่ดีให้ศิษย์เป็นครั้งสุดท้าย ปัจจุบันที่วัดยังมีเหลือตกค้างอยู่ มีทั้งชนิดทองแดงโล่ และอัลปาก้าโล่ ผมรับประกันให้ สำหรับวันนี้อภินิหารมีมากนำมาเล่าไม่หมด เอาเฉพาะอภินิหารที่ชัดแจ้งเท่านั้น

หมายเหตุ เรื่องของหลวงพ่อนี้ มีอภินิหารที่เด็ดขาดและมีมาก มีหลายคนไม่เชื่อ สงสัย บางคนคิดว่าผมเขียนเชียร์ ได้ถามผมมาว่าจริงแค่ไหน ผมได้ตอบเขาไปว่า ถ้าผมตอบว่าจริงคุณก็คงไม่เชื่อ เพราะคุณเป็นคนสงสัย อีกอย่างหนึ่งคุณจะมาเชื่อผมได้อย่างไร ผมเป็นใครมาแต่ไหนคุณก็ไม่รู้ ทำไมคุณไม่มาวัด มาสืบดูล่ะ ว่าเรื่องที่ผมเขียนน่ะจริงแค่ไหน เช่น เรื่องของนายนบ เจียมพลับ ที่ต่อสู้กับคน ๓ คน ปืน ๓ กระบอก ยิงไม่ออกเลยแม้นัดเดียว ไม่ออกเลยสักกระบอก บ้านเขาก็อยู่ไม่ไกลวัด เรื่องคุณลุงเมือง มั่นปาน ที่โดนยิงนับครั้งไม่ถ้วน ไม่เข้าเลยมีรอยลูกปืนเต็มตัวไปหมด บ้านเขาก็อยู่ไม่ไกล เรื่องของกำนันหิ้ง เรื่องของคนตาบอด แขนด้วน ขาด้วน ปืนแตก ฯลฯ มีให้สอบถามรอบ ๆ วัดมากมาย ให้มาถามเขาดูดีกว่าที่จะมาถามผมว่าจริงหรือไม่จริง เรื่องที่ผ่านมาแล้วแต่คนเห็นเหตุการณ์ยังอยู่ หลาย ๆ เรื่องเราก็นำมาพิจารณาดูว่า ควรจะเชื่อได้หรือไม่ได้ บางคนอาจไม่เชื่อเพราะไม่เห็นกับตา ถ้าอย่างนั้นก็เรียนประวัติศาสตร์ไม่ได้ เรียนโบราณคดีไม่ได้ มีบางคนได้มาคุยกับผม คือเขาไม่เชื่อเพราะไม่เห็นกับตา ผมได้ถามเขาไปว่าคุณรู้ได้อย่างไรว่าคุณเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อแม่คุณ ผมสงสัยว่าคุณจะเป็นเด็กวัดสระแก้ว คุณรู้ได้อย่างไรเพราะตอนคุณเกิดคุณก็จำความไม่ได้ เขานั่งอึ้งไป ผมก็ตอบเขาไปว่า เราก็พิจารณาจากเหตุผลหลาย ๆ อย่าง เช่น รูปร่าง ความห่วงใย ข้อมูลหลาย ๆ อย่าง เรื่องนี้ไม่มีอะไร ผมเล่าให้ฟังเปรียบเทียบเฉย ๆ พอดีได้รับจดหมายของท่าน พ.ต.ท.สถาพร  นรินทรสรศักดิ์ สวญ.สภ.อ.พระประแดง เขียนมาเล่ายืนยันถึงเหรียญหนุมาน พร้อมรูปถ่ายคนถูกยิงไม่เข้า มีรูปให้ดู มีคดีอยู่บนโรงพัก ถ้าไม่เชื่ออีกผมก็จนใจ

ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #542 เมื่อ: มกราคม 15, 2014, 08:39:53 am »
ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๓๗๕
วันที่ ๑๕ มี.ค. – ๒๕ มี.ค.๒๕๓๗
หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ภาคพิเศษว่าด้วย อภินิหารและปฏิทา



พระพิมพ์สรรค์

ต่อไปจะขอเล่าอภินิหารของพระพิมพ์สรรค์ของหลวงพ่อเอาไว้สักเล็กน้อย

เรื่องนี้เป็นเรื่องวิบากกรรม เป็นกรรมใหม่ที่ตามมาทัน มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง คู่หนึ่งก็ ๒ คน ผัวชื่อเพชร เมียชื่อจันทร์ บ้านอยู่ดงเทพรัตน์ อำเภอสรรคบุรี ได้มากราบหลวงพ่อและขอเครื่องรางไปคุ้มตัว นายเพชรและนางจันทร์เล่าเรื่องแต่เบื้องหลังของนางจันทร์ ผู้เป็นเมียเล่าไปด้วยความรู้สึกละอายใจ ไม่ยอมเงยหน้า เรื่องเก่าเป็นอย่างนี้ เดิมนางจันทร์มีอาชีพเป็นหมอตำแย ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากแม่หมอตำแย คือหมอทำคลอด อยู่ต่อมามีคนมาติดต่อให้แกไปเอาเด็กออก คือผู้หญิงท้องไม่มีพ่อ(ความจริงมี) บางคนก็มีลูกมากแล้วไม่อยากมีอีก คือให้แกทำแท้งให้นั่นเอง ใหม่ ๆ แกก็ไม่เต็มใจทำให้ อยู่ต่อมาก็เคยชิน แถมค่าทำแท้งได้มากกว่าทำคลอดอีก วิธีทำแท้งแบบโบราณคือ บีบเค้นเอาเด็กออก เด็กบางคนแข็งแรงไม่ยอมออกต้องใช้วิธีหักคอ บางคนก็ตายทั้งลูกทั้งแม่ นางจันทร์ทำอาชีพนี้มานาน ทำจนเคยชิน ต่อมานางได้แต่งงานกับนายเพชร จนกระทั่งท้อง ตอนท้องนางมักจะไม่สบาย เป็นไข้แพ้ท้องนางมักจะฝันไปว่า นางได้เห็นวิญญาณเด็กหลายสิบคน มารุมล้อมนางจะเอาชีวิตนางจะไม่ให้นางมีลูก บางครั้งก็ฝันเห็นหญิงท้องแก่ที่ตายไปเพราะนางทำแท้ง หน้าตาเขียวคล้ำ แล้วนางก็จะเพ้อมีไข้ไม่ได้สติ เป็นลมสลบไป ฟื้นขึ้นมาตัวซีดเซียว หลายครั้งต้องไปตามหมอผีมาขับผีออกจากตัว หมอผีบอกว่า นางจันทร์มีผีแทรก หรือผีมาแฝงคือผีเข้า พอหมอผีมาผีก็ออก เป็นอยู่อย่างนี้ ต่อมานางก็แท้งลูก นางจันทร์ได้รับกรรมทันตาเห็น เป็นเวลาหลายปี แท้งลูกมา ๔ คน บางครั้งเสียเลือดมากไม่ได้สติ แทบจะเอาชีวิตไม่รอด

นายเพชรกับนางจันทร์ได้เล่าเรื่องให้หลวงพ่อฟังดังนี้ หลวงพ่อท่านไม่พูดว่าอะไร ไม่พูดแม้คำเดียว ท่านลุกขึ้นไปหยิบพระพิมพ์สรรค์มาส่งให้ นางจันทร์ ๑ องค์ ๒ ปีต่อมานายเพชรกับนางจันทร์ได้มากราบหลวงพ่ออีกครั้งพร้อมลูกชายตัวเล็ก นางเล่าว่าหลังจากที่นางนำพระพิมพ์สรรค์ติดตัว ตอนท้องไม่ปรากฎวิญญาณมารบกวนนางอีกเลย รู้สึกว่าจะนำเด็กให้หลวงพ่อตั้งชื่อให้ชื่อรอด หรือนี่ไงแหละ ตอนนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว


พระพิมพ์สรรค์

อีกเรื่องหนึ่ง ศิษย์รุ่นเก่าของหลวงพ่อคนหนึ่งชื่อยิ่ง ชาวบ้านเรียกแกว่าเสือยิ่ง บ้านอยู่ดงคอน อ.สรรคบุรี เสือยิ่งเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจสมัยก่อนของ สภ.อ.สรรคบุรี สภ.อ.ค่ายบางระจัน สภ.อ.เดิมบางนางบวช ๓ จังหวัดติดต่อกัน มีประสิทธิภาพสูง ปราบกันชนิดถึงพริกถึงขิงเลย โจรก็ร้ายตำรวจก็ร้าย จึงจะปราบกันได้ ตำรวจมือปราบสมัยก่อนนี่คัดกันมาชนิดเส้นมือขาดกันทั้งนั้น หลายครั้งที่เสือยิ่งหนีการจับกุมของตำรวจไปได้ ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด

โบราณว่าคนลิขิตไม่เท่าฟ้าลิขิต วันที่แกโดนล้อมจับ ล้อมยิงที่หนองบอน ปืนเป็นสิบ ๆ กระบอก ยิงแกไม่ถูก ยิงตรงยิงใกล้กับยิงไม่ออก ความที่แกชักจะมีอายุมากขึ้นตัวคนเดียว ไฟน้อยย่อมแพ้น้ำเป็นธรรมดา หนีมาก ๆ ก็หนีไม่ไหวโดนล้อมกรอบรอบทิศทาง โดนตีด้วยด้ามปืนคนละเปรี้ยงสองเปรี้ยงตายเลย ทางญาติได้มาดูศพนัยน์ตาเหลือกโพลง ตำรวจค้นในตัวไม่ปรากฎว่ามีวัตถุมงคลชนิดใด ทางญาติได้นำตัวมาเผาที่วัดบ้านกร่าง วัดนี้อยู่เลยวัดหลวงพ่อไปอยู่ใกล้ ๆ หนองตาแก้ว ความรีบร้อนได้เผาด้วยแกลบเผาไป ๒ คืนกับอีก ๑ วัน ปรากฎว่าเผาไม่ไหม้ ตัวดำปี๋เลยอ้าปากบ๋อ คนไปดูกันเต็มไปหมด บางคนว่าเสือยิ่งหวงร่าง บางคนก็ว่าเสือยิ่งมีของดี จะเป็นทางญาติหรือตำรวจผมไม่แน่ใจ เพราะนานมาแล้ว เกิดเอะใจขึ้นมา ได้ล้วงเข้าไปในปาก เจอพระพิมพ์สรรค์ พิมพ์นั่ง ๑ องค์ ชนิดพิมพ์เล็กเป็นของหลวงพ่อกวย แล้วได้ขอมาและเผาใหม่จึงไหม้

เรื่องคนแต่ก่อนอมพระนี่เป็นเรื่องจริงถึงจะมีคนทำเพียงไม่กี่คนแต่ก็มีคนทำ บางคนกินน้ำหมากของหลวงพ่อในกระโถน บางคนกินน้ำลายซึ่งคนเดี๋ยวนี้ไม่มีใครค่อยกล้าทำ เรื่องอมพระพิมพ์สรรค์ยังมีอีกคนหนึ่งชื่อบุญธรรม เป็นศิษย์รุ่นเก่าคนบ้านแคถ้ามาบ้านแคให้ถามถึงนายธรรม คือคนตายแล้วเขาจะเรียกสังนำหน้า มาจากคำว่าสาง นายบุญธรรมเคยโดนยิงใกล้ ๆ ยิงไม่ออก เคยโดนฟันก็ฟันไม่เข้า แกคงจะแสบทีเดียว ภายหลังโดนรุมตีตาย ทางญาติแหกปากดูเจอพระพิมพ์สรรค์นั่งพิมพ์เล็ก องค์หนึ่ง

เรื่องที่มีคนใช้พระหลวงพ่อแล้วตายนี่ บางคนอาจจะคิดว่างั้นพระหลวงพ่อกวยไม่เก่งจริงซิครับ โดนทุบก็ตาย คืออันนี้ขึ้นอยู่กับวิบากกรรม บางคนอ้อนจัด ๆ อ้อนไม่มีที่สิ้นสุดก็ตายได้ ใครว่าพระหลวงพ่อองค์นั้นองค์นี้เก่งคล้องแล้วไม่ตายโหงก็ลอง ๆ ไปบวกกับรถสิบล้อดูซิครับ หรือเอานิ้วแหย่ปลั๊กไฟดูก็ได้ ผมคิดว่าตายโหงแบบโดนทุบตายก็ยังมีศักดิ์ศรี ดีกว่าปุ้งเดียวดิ้นปัดๆๆๆสำลักเลือดคล๊อก ๆ ตายเลย

เรื่องพระพิมพ์สรรค์ของหลวงพ่อก็ขอจบเพียงเท่านี้ คนแต่ก่อนนี้เขารู้กันทั้งบ้านว่าพระหลวงพ่อเก่ง แต่เขาไม่สนใจเขาถือวิชา(คาถา) ส่วนศิษย์รุ่นหลังก็รู้ว่าเก่ง แต่ไม่ค่อยสนใจ เขามองดูแล้วไม่มีคุณค่าอะไร พระเนื้อดินธรรมดาหาค่าไม่ได้ สมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยากได้ก็ไปขอท่าน ท่านก็หยิบส่งให้แล้ว

สู้ได้ให้สู้ สู้ไม่ได้ให้หนี

มีคำพังเพยที่คนโบราณ พูดเอาไว้คำหนึ่งหรือบทหนึ่งคือ “น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ” ความหมายคือ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟมาก ไฟน้อยย่อมแพ้น้ำทำนองนี้ มีศิษย์หลวงพ่อที่ไปทำมาหากิน และเป็นคนจากสุโขทัยก็มีอยู่แถว ๆ ลานหอย หนองบัว อ.กงไกรลาศ ก็มี บางคนยังได้นำพระกรุใหม่จากลานหอย เอามาถวายหลวงพ่อ และที่มาเช่าหาตะกรุดจากหลวงพ่อไปก็มี ตามที่เคยได้อ่านข้อเขียนของคุณครูนิมิต ภูมิถาวร นักเขียนจากสุโขทัย ทำให้ทราบว่าสุโขทัย กรุงเก่านี้ก็เป็นดินแดนของคนดุเช่นกัน

ศิษย์หลวงพ่อคนหนึ่งชื่อ เจียด เป็นคนบ้านหนองบัว อ.กงไกรลาศ สุโขทัย ได้หลบหนีศัตรูมาจากสุโขทัย รู้สึกว่าจะฆ่าเขาตายมาด้วย ได้มาอาศัยอยู่กับญาติทางพักทัน อ.ค่ายบางระจัน และได้มอบตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อ ได้มาพักอาศัยอยู่ที่พักทันนานหลายปี แต่ความที่คิดถึงบ้านที่หนองบัว กงไกรลาศ แกได้เข้ามากราบลาหลวงพ่อ หลวงพ่อได้พูดกับนายเจียดว่า ให้อยู่ซะที่นี่ อย่ากลับไปเลย มันอันตราย แต่นายเจียดก็จะไปให้ได้ หลวงพ่อได้สั่งไว้เป็นคำสุดท้ายว่า “สู้ได้ให้สู้ สู้ไม่ได้ให้หนี” ความหมายคือถ้าเขาพวกมาก เราคนเดียวโด่เด่ เห็นว่าสู้ไม่ได้ให้หนี แล้วท่านได้ให้พิมพ์สรรค์ติดตัวไปองค์หนึ่ง

นายเจียดกลับไปสุโขทัยไม่นาน ก็โดนคู่อริแอบยิง จะเป็นด้วยดวงยังไม่ถึงคาดหรือยังไงไม่แน่ใจ หลายครั้ง แกโดนยิงออกมั่ง ไม่ออกมั่ง ครั้งที่สำคัญคือแกโดนรุมตีด้วยขวาน คนรุมตีก็ไม่ปรากฏแน่ชัดว่ากี่คน โดนหลายสิบทีตายสนิทเลย เมื่อญาติมาพบศพ บริเวณหัวที่โดนตีไม่แตก ไม่บวม กะโหลกไม่แตก แต่มีเลือดออกปากและจมูก เข้าใจว่าแกคงลืมคำพูดหลวงพ่อที่สั่งไว้ สู้ไม่ได้ให้หนี

เมื่อนายเจียดตายแล้ว คนทางสุโขทัยหลายคนยังสืบเสาะ มาหาของดีมากันถึงชีวิตหลวงพ่อ บางคนได้ตะกรุดไปยังประสบอภินิหาร หมอจอน บ้านโพธิ์งาม เล่าว่า ศิษย์หลวงพ่อคนหนึ่งอยู่สุโขทัย มีตะกรุดดอกเดียว โดนตีสลบไป พวกนึกว่าตายไปแล้วยังฟื้นขึ้นมาได้อีก

ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #543 เมื่อ: มกราคม 17, 2014, 12:45:57 pm »
ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๓๗๖
วันที่ ๒๕ มี.ค. – ๕ เม.ย.๒๕๓๗
หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ภาคพิเศษว่าด้วย อภินิหารและปฏิทา



เหรียญรุ่นสุดท้าย

อีกเรื่องหนึ่ง คุณสามารถ หมวกอิ่ม เป็นคนอำเภอเดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เขาขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ขนาด ๑๕๐ ซีซี รุ่นเก่าคันใหญ่ ขี่มาที่ตลาดอำเภอหันคาจังหวัดชัยนาท ด้วยความเร็วสูงได้วิ่งเข้าชนรถอีแต๋น รถอีแต๋นนี่เป็นรถไถนานำมาติดกับลี่ ใช้บรรทุกของ รถอีแต๋นก็วิ่งมาด้วยความเร็ว รถคุณสามารถก็เร็ว  ปรากฎว่ารถอีแต๋นวิ่งตัดหน้า คุณสามารถได้บีบแตร และเบรกแต่ไม่อยู่ เขาระลึกถึงหลวงพ่อกวยให้ช่วยหลวงพ่อก็อยู่ไกล ไม่รู้จะช่วยอย่างไรท่านไม่ได้เป็นคนขับด้วย ปรากฎว่ารถคุณสามารถวิ่งชนรถอีแต๋นลี่ขาดเลย คุณสามารถกระเด็นไปข้างทางไม่เป็นอะไร แต่รถเละใช้ไม่ได้เลยคุณสามารถศรัทธาหลวงพ่อมาก เขาคล้องเหรียญหนุมานยกธงรบอันเดียว เขาได้มาบวชให้หลวงพ่อที่วัด ๑ เดือน ผมเคยถ่ายรูปเขาไว้ ถ่ายรูปคู่นายปานศิษย์ของหลวงพ่อ

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องเปรียบเทียบ คุณสุทธิวรรณ  ปั้นสน  บ้านอยู่หนองแขม ใกล้วัดหนองแขม นามสกุลเดียวกับหลวงพ่อถ้าจำไม่ผิด อาจจะเป็นน้องสาวท่านอาจารย์สำรวย ได้ไปทัศนศึกษาที่ภาคเหนือ ขณะที่รถวิ่งอยู่บนดอยตุง จังหวัดเชียงราย ความที่คนขับรถทัศนศึกษาไม่ชำนาญทาง ได้ตกลงเหวบนดอยตุง คุณสุทธิวรรณได้ระลึกถึงหลวงพ่อ ร้องสุดเสียงเลย ปรากฎว่ารถตกลงไปด้านล่างด้วยความแรงมาก คนตายและบาดเจ็บเต็มไปหมด มีเพียงคุณสุทธิวรรณเพียงคนเดียวที่ไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ไม่สลบด้วย ในคอเขาคล้องเหรียญทองแดงโล่เพียงเหรียญเดียว ดอยตุงนี้สูงมาก รถที่ตกลงไปด้านล่าง คนที่จะมีโอกาสรอดชีวิตมีน้อยมากแทบไม่ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ก็ขอสมมุติยุติจบเรื่องเหรียญรุ่นสุดท้ายไว้เพียงเท่านี้ เหรียญรุ่นนี้หลังงานฝังลูกนิมิต ยังมีเหลืออยู่มากทีเดียว ก่อนหลวงพ่อจะมรณภาพ หลวงพ่อได้ปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้ไว้ให้ยาวนาน เหมือนเป็นการสั่งลา และมอบสิ่งที่ดีให้ศิษย์เป็นครั้งสุดท้าย ปัจจุบันที่วัดยังมีเหลือตกค้างอยู่ มีทั้งชนิดทองแดงโล่ และอัลปาก้า ผมรับประกันให้ สำหรับวันนี้อภินิหารมีมาก นำมาเล่าไม่หมด เอาเฉพาะอภินิหารที่ชัดแจ้งเท่านั้น

แดนอาถรรพณ์

แดนอาถรรพณ์ คือดินแดนหรือถิ่นที่เต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับ หรือภัยมืด คล้าย ๆ แดนสนธยา ซึ่งไม่มีใครยอมรับอย่างเต็มปากหรือไม่มีใครปฏิเสธอย่างเต็มเสียง เช่น ถ้าเราจะพูดถึงพรายน้ำ พรายไม้ เมืองลับแล หรือผีบังบด การพูดถึงสิ่งเหล่านี้ ถ้าพูดกันในเมืองอาจมองดูเป็นเรื่องสนุกตื่นเต้น แต่ถ้าพูดกันในป่าเขา ในถ้ำ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องตลกเลย เล่ากันว่าจิตวิญญาณของพรายน้ำ นางไม้ ผีบังบด หรือเจ้าป่าเจ้าเขานี้ เป็นจิตวิญญาณที่กล้าแข็งกว่าคนรุ่นนี้ เพราะจิตวิญญาณเหล่านั้นได้ตายมานานแล้ว บางพวกยังอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติด้วยซ้ำ

เขาว่าอำนาจจิตของพวกเจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าถ้ำ พรายน้ำ พรายไม้หรือนางไม้ ผีบังบด ฯลฯ นี่ เวทมนต์คาถาธรรมดาไม่อาจที่จะต่อสู้ได้หรือป้องกันได้ ต้องใช้ของอาถรรพณ์ด้วยกันเข้าแก้หรือป้องกัน เช่น มีดหมอ ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวัณ หรือไม่ก็ต้องอัญเชิญครูบาอาจารย์ให้ช่วย หรือเรียกอาจารย์ให้ช่วย จึงจะแก้อาถรรพณ์ได้

เกี่ยวกับเรื่องที่หลวงพ่อถอดจิตไปช่วยศิษย์ มีหลายครั้งหรือเรื่องที่หลวงพ่อส่งจิตไปช่วยศิษย์ก็มีเช่นกัน เรื่องเกี่ยวกับการส่งจิตไปช่วยศิษย์นี้ เป็นเรื่องที่แสดงถึงความมหัศจรรย์ทางจิตของหลวงพ่อ ซึ่งสมควรบันทึกเอาไว้ นายเปี๊ยก เกิดแก้ว บ้านอยู่วังคูลา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ไปได้ครอบครัวที่ข้างวัด ดงชะอม อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เคยไปทำไร่ที่จังหวัดอุทัยธานี เขาไปธุระที่ตลาด ขากลับบ้านปรากฏว่ามืดเสียก่อน ถิ่นที่นายเปี๊ยกทำไร่อยู่ เดิมเขาว่าเป็นเมืองลับแล มีคนเดินหลงทางเป็นประจำ แต่นายเปี๊ยกเขาไม่กลัวเพราะเขาชำนาญทาง ประกอบกับเป็นไร่ของเขาด้วย ของคนอื่นด้วย แต่เคยเห็นจำได้ แต่คืนนั้นนายเปี๊ยกพาภรรยามาด้วย ปรากฏว่าเดินหลงทางวนเวียนอยู่ในไร่ หาทางออกทางเข้าไม่เจอ เดินอยู่จนดึกดื่น เมื่อยล้าไปหมด แต่ก็เข้าไร่เข้าบ้านตัวเองไม่ได้ นายเปี๊ยกหมดหนทางนั่งลงพักกับภรรยา ๒ คน เพราะความเมื่อยล้า เหนื่อยอ่อน พอดีนึกขึ้นได้ว่าอาจโดนผีบังบด หรือเจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าที่เจ้าทาง ทำภาพลวงตาตนไม่ให้กลับบ้านถูกเป็นแน่ พอคิดได้อย่างนั้น นายเปี๊ยกเลยหยิบรูปถ่ายหลังจีวรออกมา พนมมือระลึกถึงหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค ผู้เป็นอาจารย์ บอกเล่าว่าถึงคราวตกอับแล้ว ขอเชิญหลวงพ่อช่วยลูกด้วย พออาราธนาระลึกถึงสักครู่ อัศจรรย์มีแสงประหลาด เป็นแสงสว่างพุ่งขึ้นจากพื้นดิน เป็นแนวเอียงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทางขวามือนายเปี๊ยกแสงนี้มีสีนวล พุ่งขึ้นอยู่นานคล้ายแสงจากไฟฉาย พอนายเปี๊ยกเห็นแสง แกมีอาการขนลุกนั่งนิ่งตกใจอยู่นาน พอได้สติจึงนึกได้ว่าต้องเป็นเพราะหลวงพ่อกวยส่งจิตมาช่วยเป็นแน่ จึงพาภรรยาลุกขึ้นเดินตามทิศทางของแสงนั้น แล้วแสงก็ค่อย ๆ หายไป พอเดินมาได้ไม่นานก็จำได้ว่าเป็นไร่ของตน จึงกลับเข้าบ้านได้ นายเปี๊ยกเล่าว่าถ้าไม่ได้หลวงพ่อกวย ผมแย่แน่ ๆ สงสัยเจ้าป่าจะแกล้งทำให้หลงทาง เกี่ยวกับหลวงพ่อส่งจิตไป หรือไปปรากฏตัวให้เห็นนี้ จะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป

เกี่ยวกับหลวงพ่อส่งจิตไป หรือไปปรากฏตัวให้เห็นนี้ จะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป เล่าเรื่องนายเปี๊ยกต่อ ครั้งหนึ่งแกไปธุระที่บ้านวังคูลาบ้านเกิดของเขา ขากลับโดนพวกลักยิงในระยะประชิด ๒ นัดหงายท้องลงไปคลุกฝุ่น ไม่ตาย เมื่อตรวจดูบาดแผลตรงหน้าอกมีรอยลูกปืน ๒ แห่ง ตะกั่วด้วย ๒ เม็ด ไม่เข้าเลย แต่มีรอยช้ำเล็กน้อย ตอนนั้น นายเปี๊ยกมีเหรียญหนุมานติดตัวเพียงเหรียญเดียว ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ รอยลูกปืนก็ยังอยู่ทั้ง ๒ รอย บ้านอยู่ใกล้วัดดงชะอม

ก็ขอจบเรื่องแดนอาถรรพณ์ไว้แต่เพียงเท่านี้ ถ้าศิษย์ของหลวงพ่อ จำเป็นจะต้องเข้าป่าเข้าดง ในยามค่ำคืน สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือมีดหมอ ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวัณ วัตถุมงคลของหลวงพ่อ หรือคาถาอาวุธ ๕ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ สวดมนต์ระลึกถึงหลวงพ่อ ขอบารมีของหลวงพ่อคุ้มครองในยามค่ำคืนด้วย จะดีที่สุด

คาถากำกับ ใช้คาถาอาวุธห้าประการ  ตามเเบบของคุณพ่อเดิม วัดหนองโพ

สักกัสสะวชิราวุธธัง เวสสุวัณณัสสะคธาวุธธัง ยะมะนัสสะนัยยะนาวุธธัง อะฬะวะกัสสะทุสาวุธธัง นรายัสสะจักราวุธธัง ปัญจะอาวุธธานัง เอเตสังอานุภาเวนะ ปัญจะอาวุธธา ภัคคะ ภัคคา วิจุณณัง วิจุณณาโลมังมาเมนะ ผุสสันติ


เข้าป่า เข้าไพร ก่อนนอน เอามีดหมอออกจากฝัก ปักไว้บนดิน ตรงหัวนอน กันภูตผีปีศาจ สัตว์ร้าย เจ้าป่าเจ้าเขารบกวนลงน้ำยามค่ำคืน ชักมีดออกจากฝัก ลุยน้ำ หรือถ้าว่ายหรือดำน้ำ ใช้ปากคาบมีดไว้ กันผีน้ำ ผีพรายเจอผี คุณไสย หลอกหลอน ชักมีดออก ว่าคาถา ฟันมีดไปตรงรูปที่เห็นหรือเสียงที่ได้ยิน สิ่งนั้นจะหายไปเจอคนถูกผีเข้า คนถูกของ ชักมีดออกว่าคาถาไล่ สู้กับปืนอย่าชักมีดออก มีดอยู่ในฝัก ปืนจะยิงไม่ออก

เป็นวิธีใช้พอคร่าวๆตามที่ได้ยินมาจากศิษย์เก่าๆ


คาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร
ใช้ภาวนาป้องกันภัยอันตรายทั้งปวงฯ คาถาพระพุทธเจ้าชนะมารศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

ตั้งนะโม 3 จบ แล้วภาวนา พระคาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร ดังนี้


ปัญจะ มาเร ชิโน นาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง

จะตุสัจจัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ

เอเต สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง


พระคาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร หมั่นภาวนาเป็นประจำสามารถใช้เป็น คาถาชนะคู่แข่ง จะเป็นมงคลกับชีวิต น้อมรำลึกถึงบารมีพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่มงคลสูงยิ่งนักแล

ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #544 เมื่อ: มกราคม 17, 2014, 12:47:07 pm »
ลองยิงคุณปลัด

จดหมายคุณ ณ เดช พรหมบันดาล
๔๒๑ ภูผาภักดี อ.เมือง จ.นราธิวาส
สวัสดีคุณเฒ่า สุพรรณ

ผมเป็นอีกผู้หนึ่งซึ่งได้พิสูจน์ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อกวย ขอส่งเรื่องมาร่วมเผยแพร่ดังนี้

คุณปลัด(ขิก) แคล้วคลาด

วันศุกร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๓๓ เพื่อนผมได้โทรศัพท์มาเรียกผมให้ไปยิงทดสอบของหลายชิ้นที่บ้านกูบู อ.ตากใบ จ.นราธิวาส วันที่ยิงคือวันเสาร์ ๘ กันยายน ๒๕๓๓ ไปกันทั้งหมด ๑๕ คน เป็นคนไทย ๗ คน มาเลเซีย ๘ คน คนลงมือยิงมี ๓ คน คือ
๑.ปริ๊นซ์ ออฟ การันตัง ยิงพระเครื่องและเครื่องราง
๒.จ.ส.ต.มานิต ยิงเครื่องราง
๓.นาย ณ เดช พรหมบันดาล ยิงเครื่องราง

ปืนที่ใช้ยิงเป็นปืนพกลูกโม่ .๒๒ แม็กนั่ม ของ สมิทธ์ แอนด์เวสสัน ลำกล้อง ๓ นิ้วครึ่ง กระสุน วินเชสเตอร์ ของที่นำมายิงมีประมาณ ๕๐ ชิ้น เป็นของมิสเตอร์จิมมี่เกือบทั้งสิ้น ของที่นำมายิงมีพระเครื่อง รูปเหมือน เหรียญ แหวน ตะกรุด ลูกอม ปลัดขิก งั่ง วิธียิง ใช้ยืนบ้าง นั่งบ้าง แล้วแต่ความถนัด โดยตอกตะปูหลายตัวที่ต้นมะพร้าวแล้วเอาของไปวาง ระยะยิงห่างไม่เกิน ๑ เมตร ส่วนใหญ่ระยะจากปากกระบอกกับของไม่เกิน ๒ นิ้ว ได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานด้วย

ของที่ยิงส่วนใหญ่จะแตกในนัดแรก บางอย่างถูกกระเด็นแต่ไม่มีรอยบุบสลาย บางอย่างไม่ถูกในนัดแรกพอนัดต่อมาแตกกระจาย แต่ที่ด้านไม่มี

เมื่อของที่เตรียมมาถูกลองยิงจนหมด เราก็เตรียมตัวกลับ แต่ มิสเตอร์จิมมี่ ได้มาบอกกับผมว่า ของที่ยิงทั้งหมดเป็นของที่ทางมาเลย์เอามา ขอให้ทางไทยเอามายิงบ้าง สักอย่างก็ยังดี อย่าให้อายเขา ผมใจหายวาบเลย เพราะไม่ได้เตรียมมา บังเอิญนึกได้ว่ามีคุณปลัดของหลวงพ่อกวยติดเอวอยู่ก็เลยปลดออกมาให้ยิง

ปริ๊นซ์ ออฟ การันตัน เป็นผู้ยิงโดยยืนยิงปากกระบอกปืนห่างจากคุณปลัดประมาณ ๒ ฟุต แล้วเสียงปืนก็ระเบิด โป้ง โป้ง โป้ง สนั่นหวั่นไหวไปหมดเสียงดังเท่าที่กระสุน .๒๒ แม็กนั่มจะดังได้
 
พอสิ้นเสียงปืน ผมก็ผวาเข้าไปดูคุณปลัดแทนที่จะเห็นคุณปลัดบุบหรืองอ อันเป็นเรื่องธรรมดาที่ของอ่อนอย่างตะกั่วควรเป็น แต่ปรากฎว่าที่ลำตัวตลอดหัวของคุณปลัดไม่เป็นอะไรเลย แม้แต่เชือกที่ร้อยก็ไม่มีริ้วรอย ทุกคนตื่นเต้นมากที่ได้เห็นกับตา

เป็นอันว่า ผมรอดพ้นจากหน้าแตกไปได้เพราะคุณปลัดของหลวงพ่อกวย ทั้ง ๆ ที่ในวันนั้นผมก็มีของไปให้ยิงเพียงอย่างเดียว
นับถือ

ณ เดช พรหมบันดาล
๔๒๑ ภูผาภักดี อ.เมือง จ.นราธิวาส ๙๖๐๐๐


ตอบ คุณ ณ เดช ต้องขอขอบคุณ คุณ ณ เดช อุตส่าห์เขียนมาเล่าให้ฟัง ถ่ายรูปมาให้ดูด้วย เพื่อยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ แต่ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อย่านำวัตถุมงคลของหลวงพ่อไปทดลองเลย ไม่ดีเลย ยังไงก็ต้องขอขอบคุณที่อุตส่าห์เขียนส่งข่าวมาจากแดนไกลมาให้เพื่อนอ่าน

นับถือ

เฒ่า สุพรรณ


จดหมายจากพระชัชวาล  กัลป์ยาณธัมโม
๑๘ กันยายน ๒๕๓๑

เจริญพร คุณเฒ่า  สุพรรณ

อาตมาภาพมีเรื่องที่จะเล่าให้คุณโยมฟัง ถ้าเห็นว่าสมควร มีประโยชน์ก็ให้โยมลงเผยแพร่ได้ คือเรื่องที่โยมน้องอาตมานับถือหลวงพ่อกวย นั้น มีสาเหตุจากโยมน้องอาตมาเป็นนางพยาบาล ประจำที่ ร.พ.มหาราช ประจำตึกสุจิณโณ ชั้น ๑๔ น้องอาตมาเล่าว่าระยะที่ผ่าน ๆ มานางพยาบาลถูกรบกวนจากวิญญาณต่าง ๆ โดยเฉพาะชั้น ๑๑ เฮี้ยนที่สุด ชั้น ๑๔ ก็ไม่น้อยหน้าว่างั้นเถอะ อาตมาเอง พอรู้ความก็สงสารน้องสาว ที่พบเห็นกับคนตายบ่อย ๆ และวิญญาณเหล่านั้นก็มักวนเวียนมาล้อเลียนอยู่บ่อย ๆ จึงตัดสินใจมอบพระสรรค์นั่งให้ไป ๑ องค์ โดยอาตมาบอกว่าพระเนื้อดินผสมทรายเสกนี้กันผีได้ โยมน้องจึงนำติดตัวไปทำงานเป็นประจำ จนกระทั่งวันเกิดเหตุเป็นเวรดึก มีคนไข้รายหนึ่ง มีอาการหนักมากใกล้ตาย เพ้อคลั่งไม่เป็นภาษามนุษย์ เห็นอะไรมั่วไปหมด คนนั้นก็จะมารับ คนโน้นก็จะเอาตัวไป มั่วไปหมด ขณะนั้นโยมน้องอาตมาก็เข้าเวรอยู่ด้วย แต่ยังไม่เสร็จงานที่เคาน์เตอร์ ได้แต่ได้ยินเสียงเพ้อ

พยาบาลก็ช่วยกันสอบถามอาการจะให้ช่วยอะไร บางคนก็รีบไปตามหมอ เพราะอาการหนักมาก โดยมากเพื่อน ๆ ก็ช่วยกันจับ และปลอบใจให้รอหมอ คนไข้ก็พูดไม่รู้เรื่อง พูดมั่วไปหมด คนโน้นมา คนนี้มารับ ไม่ไป ไม่ไป โยมน้องบอกถ้าเพ้อแบบนี้ตายทุกคน พอเสร็จงานเคาน์เตอร์ โยมน้องก็รีบเข้ามาดูอาการว่าควรจะช่วยอย่างไรดี หมอก็ยังไม่มา ตอนนี้ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น คือ พอโยมน้องอาตมาเดินเข้ามาในห้องเพื่อจะถามอาการ คนไข้รายนั้นก็หยุดอาละวาด หันขวับมามองทางประตูที่โยมน้องเดินมา แล้วหยุดเพ้อ เงียบเป็นปลิดทิ้งเลย ไม่ยอมสู้หน้าเลย เอาหน้าหลบซุกกับหมอน พยาบาลคนอื่นได้แต่มองหน้ากัน คืองงน่ะ

ความที่คนไข้รายนี้ไม่อาละวาด ไม่เพ้อ ทำให้โยมน้องของอาตมาระลึกถึงพระหลวงพ่อกวยขึ้นมาทันที คิดว่าคนไข้รายนี้คงเจอบารมีของหลวงพ่อกวยเป็นแน่ วิญญาณร้ายที่ห้อมล้อมอยู่คงจะอยู่ไม่ได้ แม้ยมทูตเองก็ไม่กล้ามารับวิญญาณ เพราะบารมีหลวงพ่อกวยเป็นแน่แท้ พอคิดได้ดังนั้น โยมน้องอาตมาเลยอยากจะทดลองดูซิว่าวิญญาณที่มาห้อมล้อม กับยมทูตจะเกรงบารมีพระหลวงพ่อกวยจริงหรือไม่ จึงคิดว่าจะออกจากห้องดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น

พอโยมน้องอาตมาเดินออกจากห้องแป๊บเดียว คนไข้รายนั้นตายเลย

เรื่องที่เกิดขึ้นเรื่องนี้โยมน้องของอาตมาจึงศรัทธาในหลวงพ่อกวยมาก ตั้งแต่เป็นพยาบาลมา แขวนพระมาหลายองค์ ไม่มีองค์ใดแน่เท่าพระหลวงพ่อกวยเลย ไม่เสียแรงที่ให้ความเคารพ

ขอให้คุณโยมมีความสุข ความเจริญ จบเลย

Follow members gave a thank to your post:


กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย

Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #544 เมื่อ: มกราคม 17, 2014, 12:47:07 pm »

 


Facebook Comments