กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย

พระเครื่อง วัตถุมงคล หลวงพ่อเชื้อ วัดบำเพ็ญบุญ => โชว์ พระเครื่อง วัตถุมงคล หลวงพ่อเชื้อ วัดบำเพ็ญบุญ => ข้อความที่เริ่มโดย: บอล อุทัย ที่ มกราคม 13, 2012, 11:23:40 pm

หัวข้อ: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญ
เริ่มหัวข้อโดย: บอล อุทัย ที่ มกราคม 13, 2012, 11:23:40 pm
(http://sitluangporguay.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=14834.0;attach=50956;image)

(http://sitluangporguay.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=14755.0;attach=53912;image)


ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ สุกกวัณโณ (พระครูสุชัยบุญญาคม)
                               หลวงพ่อเชื้อ สุกฺกวณฺโณ พระครูสุชัยบุญญาคม (สุกสดใสประดุจกับทองคำ) เดิมชื่อ
นายเชื้อ ปานขวัญ ท่านเป็นชาวห้วยกรด โดยกำเนิด เกิดเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ ปีมะโรง
ณ บ้านห้วยกรด หมู่ที่ ๑ ตำบลห้วยกรด อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท เป็นลูกชาวนาตระกูล "ปานขวัญ"
โยมบิดา ชื่อ นายไปล่ โยมมารดา ชื่อ นางมี ปานขวัญ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๘ คน คือ
       ๑.นางเผื่อน ปานขวัญ
       ๒.นายนาก ปานขวัญ
       ๓.หลวงพ่อเชื้อ สุกวัณโณ
       ๔.นางฟื้น ปานขวัญ
       ๕.นางชั้น ปานขวัญ
       ๖.นางหมา ปานขวัญ
       ๗.นางกลม ปานขวัญ
       ๘.นางกริม ปานขวัญ
       หลวงพ่อเชื้อท่านเป็นคนขยันขันแข็ง ช่วยโยมบิดา-โยมมารดา ทำไร่ทำนา ฐานะทางครอบครัวอยู่ในฐานะพอมีพอกิน ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยเรียบง่าย สุภาพเรียบร้อย ในวัยเยาว์นับว่าท่านเป็นผู้อยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ ท่านคอยปรนนิบัติ รับใช้พระอยู่เสมอ พอท่านอายุได้ ๑๐ ปี มีพระซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มาเยือน วัดบำเพ็ญบุญ ชื่อว่าพระอาจารย์แสวง เมื่อพระอาจารย์แสวงได้พบเด็กชายเชื้อ ก็เกิดความรักความเมตตา อยากจะอุปการะจึงไปขอจากนายไปล่ และนางมี ผู้เป็นบิดามารดา ก็ยินยอมให้ไปโดยหวังว่าจะได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนหนังสือต่าง ๆ เด็กชายเชื้อจึงได้ไปอยู่ที่วัดผักไห่ จังหวัดอยุธยา และได้ศึกษาเล่าเรียนจนแตกฉาน แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปได้ ๕ ปี พระอาจารย์แสวงก็ลาสิกขาบท


       เด็กชายเชื้อซึ่งเริ่มจะเป็นหนุ่มจึงต้องกลับสู่ตำบลห้วยกรด บ้านเกิดอีกครั้งหนึ่ง และด้วยความเคยชินที่อยู่กับพระที่วัดมาโดยตลอด ทำให้เด็กชายเชื้อเข้ามาคลุกคลีอยู่ในวัดใหม่บำเพ็ญบุญ และได้มีโอกาสปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อคง ยสถิโร ที่วัดใหม่บำเพ็ญบุญอีกด้วย


    ครั้นเมื่ออายุครบบวช พ่อไปล่ และแม่มี ก็จัดการอุปสมบทให้ ณ พัทธสีมาวัดใหม่บำเพ็ญบุญ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖  โดยมีพระสมุห์คง  ยสถิโร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เตี้ย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์พรหม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุกกวัณโณ” แปลว่า “สุกสดใสประดุจกับทองคำ”


       ในระหว่างที่บวชอยู่นั้น ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรม และความรู้ต่าง ๆ ด้วยความสนใจ แต่ท่านบวชอยู่ได้เพียง ๕ พรรษา ท่านก็ได้ลาสิกขาบทไปสู่เพศฆารวาส เพราะไม่มีคนช่วยบิดามารดา ทำนาเนื่องด้วยพี่น้องของท่าน ๘ ที่มีด้วยกันทั้งหมดนั้น เป็นผู้ชายเพียง ๒ คน ซึ่งก็คือ พี่ชายของท่าน และตัวหลวงพ่อเชื้อเอง แต่เมื่อท่านลาสิกขาบทแล้ว ไม่นานท่านก็ล้มป่วยลงอย่างหนัก ซึ่งหมอต่าง ๆ ก็ไม่สามารถรักษาท่านได้ แต่ด้วยบุญกุศลท่านยังมีอยู่ จึงไปหาหลวงพ่อโม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดจันทนาราม (วัดห้วยกรด) สมัยนั้น เพื่อให้หลวงพ่อโมช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยของท่าน และท่านได้ตั้งจิตอธิฐานปวารณาตัวต่อหลวงพ่อโมว่า หากตนหายจากอาการป่วยไข้ และแข็งแรงดีแล้วท่านจะบวชพระให้ ๑ พรรษา และนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ไม่นานอาการป่วยไข้ของท่านก็หายเป็นปกติด้วยการรักษาพยาบาลของหลวงพ่อโม


       เมื่อสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว ซึ่งขณะนั้นท่านอายุได้ ๒๗ ปี ท่านจึงเข้าสู่การอุปสมบทอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ ๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๗๓ ณ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ โดยมีหลวงพ่อคง ยศถิโร เป็นพระอุปฌาชย์
พระอาจารย์โม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์พรหม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “สุกกวัณโณ” แปลว่า “สุกสดใสประดุจกับทองคำ” เหมือนครั้งแรกนั้นเอง แม้ว่าการอุปสมบทครั้งที่สอง จะเป็นการอุปสมบทเพื่อแก้บนที่ท่านหายจากอาการป่วยไข้ก็ตาม แต่พระเชื้อก็ได้พยายามศึกษาหาความรู้ทั้งทางธรรมะ และทางแพทย์แผนโบราณ จนเป็นที่เลื่อมใสของอุบาสกอุบาสิกา ครั้นเมื่อครบ ๑ พรรษา ท่านก็คิดจะลาสิกขาบทอีก แต่ยังไม่ทันลาสิกขาบทก็เกิดอาการป่วยไข้ขึ้นมาอีก ร่างกายที่เคยแข็งแรง กลับเจ็บป่วยต้องล้มหมอนนอนเสื่ออีกครั้ง ขณะที่ท่านนอนป่วยนั้นภวังค์จิตของท่านเกิดความคิดขึ้นมาว่า ตัวท่านนั้นคงเกิดมาเพื่อครองเพศบรรพชิตเท่านั้น เพราะเมื่อคอดจะลาสิกขาบทเมื่อใดก็มีอันล้มป่วยลงทันที เมื่อท่านคิดได้ดังนี้แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจ และตั้งปณิธานว่า จะขอบวชเป็นสง์เช่นนี้โดยไม่คิดลาสิกขาบทอีกต่อไป อยู่มาไม่นานท่านก็หายป่วย และมีสุขภาพแข็งแรงดีเช่นเดิม


       เมื่อท่านได้ตั้งปณิธานว่าจะบวชไม่สึก และหายจากอาการป่วยไข้แล้ว หลวงพ่อเชื้อท่านก็หันมาตั้งใจปฏิบัติธรรม ศึกษาหาความรู้ใส่ตน ในปีต่อมาท่านได้ศึกษาปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นตรี
ในพรรษาที่ ๒ ได้ย้ายไปศึกษาพระปริยัติธรรม ณ สำนักศรัทธาราษฏร์ ประตูท่าแห อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท จนสอบได้นักธรรมชั้นโท


        พ.ศ. ๒๔๗๕ ท่านได้กลับมาอยู่ ณ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ และได้ศึกษาทางด้านวิปัสนาธุนะและไสยเวทย์จากหลวงพ่อคง วัดใหม่บำเพ็ญบุญ ผู้เป็นอุปัชฌาย์ นอกจากนี้หลวงพ่อเชื้อยังได้ถือธุดงค์เป็นกิจวัตรแสวงหาความสงบในที่ต่าง ๆ อีกหลายแห่งจนถึงประเทศลาว มีสานุศิษย์ทางภาคอีสาน และฝั่งเวียงจันทร์ระหว่างธุดงค์อยู่ได้พบปะกับพระอาจารย์อีกหลายรูป บางรูปก็ขอแลกวิชากัน หลังจากนั้นได้มาศึกษาวิชาอาคมต่อกับ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เจ้าตำรับมีดหมอและสิงห์งาแกะ ซึ่งต่อมาหลวงพ่อได้ทำมีดหมอชื่อ มีดเทพศาสตรา จนปรากฏชื่อเสียง เป็นพระปฏิบัติที่ได้ชื่อว่ามีเมตตาสูงผู้หนึ่ง หลวงพ่อมีจริยวัตรที่น่าเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง แก่ผู้ที่พบเห็นอยู่


       ครั้นเมื่อหลวงพ่อคง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่บำเพ็ญบุญมรณภาพลง พระมหาโชติได้เป็นเจ้าอาวาสแทน และหลวงพ่อเชื้อได้เป็นรองเจ้าอาวาส ต่อมาพระมหาโชติได้ลาสิกขาบทไป อุบาสกอุบาสิกาได้อาราธนาให้ หลวงพ่อเชื้อ สุกกวัณโณ เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา หลวงพ่อเชื้อเป็นพระที่มีพรหมวิหาร ปกครองพระลูกวัดด้วยความเมตตากรุณา อนุเคราะห์อุบาสกอุบาสิกา ในการรักษาพยาบาลด้วยวิชาแพทย์แผนโบราณที่ท่านได้เล่าเรียนมา แม้ผู้ป่วยบางรายมาหาท่านที่วัดไม่ได้ ท่านก็อุตส่าห์ไปให้การรักษาถึงที่บ้านทั้งกลางวันและกลางคืน ค่ำมืดดึกดื่นอย่างไรท่านก็ไปรักษาให้ ถ้าใครทุกข์กายมาหาท่าน ท่านก็รักษาให้ หากใครทุกข์ใจมาหาท่าน ท่านก็ให้ธรรมะรักษาจิตใจ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมล้นด้วยเมตตากรุณา จนเป็นที่เคารพรักและนับถือของประชาชนทั่วไป


       หลวงพ่อเชื้อท่าน ไม่สะสมปัจจัยทุกอย่างที่มีคนมาถวายตามศรัทธา หลวงพ่อจะนำมาใช้ประโยชน์ในทางบำรุงพระพุทธศาสนา จึงมีชีวิตอยู่อย่างง่ายๆ ตามแบบพระสงฆ์ที่ควรกราบไหว้ ทั่วไป หลวงพ่อชอบสันโดษ สมถะแม้แต่การฉันหรือการอยู่อาศัย ได้มีผู้ศรัทธาสร้างกุฏิใหญ่โต สะดวกสบายทุกอย่าง แต่หลวงพ่อกลับไม่สนใจ หลวงพ่อได้อาศัยมุมหนึ่งของศาลาวัดเป็นที่จำวัตร หลวงพ่อให้เหตุผลว่าที่ชอบนอนศาลาวัดก็เพราะว่า สบายดี แจ้งโล่งดี ใครไปมาหาสู่ก็พบเห็นง่าย ใครไปหาเมื่อใดก็พบเมื่อนั้นนอกเสียจากท่านติดกิจนิมนต์


                            การสร้างพระเครื่องวัตถุมงคลต่าง ๆ ของหลวงพ่อเชื้อ ส่วนมากแล้วจะเน้นทางด้าน
วิชาเมตามหานิยม สังเกตุได้ว่ายันต์ต่าง ๆ ที่หลวงพ่อเชื้อ ท่านใช้เป็นประจำนั้น ส่วนมากแล้ว เน้นเมตตาหมหานิยมแทบทั้งสิ้น การบูชาพระเครื่องวัตถุมงคลของท่านจึงมีจุดมุ่งหมายไปในทางเดียวกันคือ สร้างความรักและเมตตาต่อกัน ไม่ให้เบียดเบียนกันเป็นวิชาที่มุ่งสันติธรรม จึงไม่เป็นเดรัจฉานวิชา เพราะเมตตาคือสัจจธรรม หลวงพ่อก็มีเมตตาธรรมเป็นประจำใจ จนกลายเป็นนิสัย นั่นคือการสงเคราะห์ แก่บุคคลทั่วๆไป น้ำพระพุทธมนต์ของหลวงพ่อเชื้อนั้น นอกจากส่งเสริมความเมตตาปราณี ต่อกันแล้วยังป้องกันภูตผีปีศาจ และคุณไสย์ เช่นบ้านใดครอบครัวใดมีความเดือดร้อนทะเลาะวิวาทกันจนเป็นประจำ เมื่อขอน้ำพระพุทธมนต์ของท่าน ไปประพรมภายในครอบครัว ก็มีความรักสมัครสมานสามัคคีกันดี ไม่มีการทะเลาะวิวาท ไม่ค่อยเจ็บป่วยทำมาหากินก็เจริญรุ่งเรือง หากแต่เรื่องเล่าและประสบการณ์ต่าง ๆ จากพระเครื่อง และวัตถุมงคลของท่านส่วนมากแล้ว
จะได้ยินได้ฟังทางด้านคงกระพันมหาอุตม์เป็นส่วนใหญ่ เพราะเรื่องคงกระพันแคล้วคลาด เป็นสิ่งที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องสังเกตุใด ๆ ก็สามารถรับรู้ได้โดยตาเนื้อ แต่เรื่อง เมตาตาโชคลาภ เมตตามหานิยมนั้น
ผู้ห้อยบูชาต้องมีการสังเกตุตัวเอง และบุคคลรอบข้างอยู่ตลอดเวลา หากไม่สังเกตุก็น้อยคนนักที่จะเห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น แสดงให้เห็นว่าพระเครื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อเชื้อ มีพุทธคุณครอบคลุมทุก ๆ ด้าน จริง ๆ


   หน้าที่การงานและสมณศักดิ์
    - พ.ศ. ๒๔๗๔ สอบได้นักธรรมชั้นตรี
    - พ.ศ. ๒๔๗๕ สอบได้นักธรรมชั้นโท
   - พ.ศ. ๒๔๘๑ เป็นเจ้าอาวาส วัดบำเพ็ญบุญ
   - พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นผู้ช่วยเจ้าคณะตำบลห้วยกรด
   - พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นพระสมุห์ฐานานุกรมของเจ้าคณะอำเภอ
   - พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นพระครูชั้นประทวน
   - พ.ศ. ๒๕๑๘ รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตร พระครูสุชัยบุญญาคม

       หลวงพ่อเชื้อ เป็นผู้สร้างความเจริญรุ่งเรือง ให้ก่วัดใหม่บำเพ็ญบุญเป็นอย่างมาก ท่านเป็นประธานจัดสร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ สร้างซ่อมแซมกุฏิสงฆ์ ปฏิสังขรพระอุโบสถ และที่สำคัญท่านเป็นผู้ดำริ และเป็นประธานสร้าง เมรุ และศาลาธรรมสังเวช ซึ่งนับเป็นแห่งแรกของตำบลห้วยกรด


       หลวงพ่อเชื้อ ท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดใหม่บำเพ็ญบุญตลอดมา จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต สุขภาพของท่านก็เริ่มทรุดโทรม เมื่อประมาณกลางเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๔ หลวงพ่อเชื้อ เริ่มอาพาธ อาการอาพาธของท่านไม่ดีขึ้นเลย แม้บรรดาศิษย์จะช่วยกันรักษาพยาบาลอย่างไร อาการมีแต่ทรุดลง ๆ
เวลา ๑๘.๔๖ นาฬิกา ของ วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๕ หลวงพ่อเชื้อ สุกกวัณโณ ได้มรณาภาพลง อย่างสงบดุจท่านได้หลับไป แต่เป็นการหลับที่ไม่มีการตื่นขึ้นมาอีกแล้ว สร้างความสลดโศกเศร้าให้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ใกล้ชิดตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง รวมสิริอายุได้ ๗๘ ปี  ๒๒ วัน ๕๗ พรรษา โดยอุปสมบทครั้งแรก ๕ พรรษา และครั้งหลังอีก ๕๒ พรรษา


       หลังจากหลวงพ่อเชื้อ สุกกวัณโณ มรณภาพลงแล้ว บรรดาศิษยานุศิษย์ ร่วมกันจัดสวดพระอภิธรรมหน้าศพเป็นเวลา ๑๕ วัน และบรรจุสรีระสังขารไว้ในโลงแก้ว และตั้งไว้ ณ ศาลาการเปรียร วัดบำเพ็ญบุญ เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้สักการบูชา และได้ร่วมกันจัดงานพระราชทานเพลิงศพ เมื่อ วันที่ ๒๕-๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๙ โดยทำพิธีพระราชทานเพลิง เวลา ๑๖.๓๐ น. ของวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๙






หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: จ่าเจ๋ง ศรีชัยนาท ที่ มกราคม 14, 2012, 07:36:00 am
เยี่ยมครับพี่บอล..เมื่อวานผมไปกราบท่านมาที่วัดตอนนี้ศาลาใกล้จะเสร็จแล้วอลังการมากครับ

มีภาพมาฝาก...ขออนุญาตินะครับ
หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: บอล อุทัย ที่ มกราคม 14, 2012, 09:17:27 am
เยี่ยมครับพี่บอล..เมื่อวานผมไปกราบท่านมาที่วัดตอนนี้ศาลาใกล้จะเสร็จแล้วอลังการมากครับ

มีภาพมาฝาก...ขออนุญาตินะครับ

รูปบนเป็นรูปของศาลาหลังเก่า หากเราดูจากรูปจะเห็นบันได ซึ่งหากเราเดินขึ้นบันไดไป จะเห็นเป็นพื้นที่ด้านซ้าย

นั้นเป็นที่ ที่หลวงพ่อเคยอยู่ครับ

ส่วนรูปล่าง เป็นรูปของศาลาหลังใหม่ ซึ่งอลังการมาก ๆ ครับ มีรูปภายนอกไหมครับพี่
หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: เก่งโฮเด้ง ที่ มกราคม 19, 2012, 11:22:23 pm
ขอเข้ามาศึกษาประวัติหลวงพ่อ..ด้วยคนน่ะครับ ครั้งหน้าขึ้นไปชัยนาท จะไม่พลาด ไปชมวัดหลวงพ่อแน่นอน..
หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: บอล อุทัย ที่ มกราคม 22, 2012, 12:02:44 am
ประวัติ ของท่าน ผมนำมาจากหนังสือหลาย ๆ เล่ม มาประติดประต่อกัน (ซึ่งบางเล่มเคยลงไว้ตั้งแต่

เมื่อปี ประมาณ ๒๕๑๘ ซึ่งท่านยังไม่มรณภาพ) แต่ประวัติของท่านก็ยังไม่ครบถ้วน เช่น ชื่อญาติพี่น้องของท่าน

หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ประการใด ต้องขอรบกวน ช่วย ๆ กันด้วยนะครับ เพราะ เร็ว ๆ นี้ ไม่เกินกลางปี

หนังสือรวมเล่มวัตถุมงคลของท่าน จะออกแล้วครับ
หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: จ่าเจ๋ง ศรีชัยนาท ที่ มกราคม 22, 2012, 07:34:12 am
ใช่ครับพี่บอล...หากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ในเว๊บเราใครมีข้อมูลก็เอามาแชร์กันได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นรูปวัตถุมงคล หรือประสบการณ์ต่างๆ

อยากฟังครับ ผมเชื่อว่าประสบการณ์ท่านเยอะแน่นอนสำหรับผู้ที่ได้ครอบครองบูชา วัตถุมงคลของหลวงพ่อเชื้อ

สนับสนุนเรื่องหนังสือรวมวัตถุมงคลด้วยครับ...พี่บอล จะรอชมครับ

หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: SODA 405 ที่ มกราคม 29, 2012, 08:37:08 am

    ....มาประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญครับ (http://www.peugeot4you.com/public/style_emoticons/default/thanks.gif)
หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: เก่งโฮเด้ง ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2012, 07:00:04 pm
ตอนนี้หนังสือยังไม่ออก..จะเก็บวัตถุมงคลของหลวงพ่อท่าน ก็รีบเก็บให้ไวเลยน่ะครับพี่น้องงง..อย่ามัวชักช้า ลังเล ถ้าหนังสือออกมาเมื่อไหร่ ต้องได้เก็บในราคาแพงแน่ๆ.. ;)
หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: อู๋ ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2012, 08:33:43 pm
จะมีหนังสือออกมาด้วยหรอครับ
หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: โก้ จีนสาตร์ ที่ มีนาคม 29, 2012, 01:08:53 pm
ท่านเมตตาจริงๆ เป็นศิษย์มีครูดีด้วยครับ ขอฝากตัวเป็นศิษย์ท่านคนหนึ่ง  :D :D :D
หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: โจ้ ราชพฤกษ์ ที่ เมษายน 03, 2012, 11:35:36 am
ช่วงนี้ผมรอหนังสือรวมเล่มหลวงพ่อเชื้ออยู่ครับ เห็นบอกว่าจะออกประมาณปลายเดือนเมษานี้ ดีแล้วครับ คนที่จะศึกษาและสะสมที่ยังไม่ได้เล่นเว๊บจะได้มีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น พระหลวงพ่อจะได้สู่เวทีใหญ่ๆระดับประเทศซะที จะจัดส่งพระเข้าร่วมประกวดให้เต็มเลย อั้นมานานแล๊วอ่ะ 555555
 ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
เริ่มหัวข้อโดย: FAMEETA ที่ กรกฎาคม 12, 2012, 08:19:05 pm
ขอบคุณนะครับ :D
หัวข้อ: Re: ประวัติ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็
เริ่มหัวข้อโดย: บอล อุทัย ที่ ธันวาคม 14, 2013, 08:57:48 am
 ;) ;) ;) ;) ;) ;)