กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย
เรื่องเล่าประสบการณ์ => รูปถ่าย หลักฐานและสิ่งของหายาก ของหลวงพ่อกวย => ข้อความที่เริ่มโดย: weerawat26 ที่ เมษายน 02, 2012, 10:35:39 am
-
ผมได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับหลวงพ่อมาให้ทุกท่านได้พิจารณากันครับ
๑. วันเดือนปีเกิดของหลวงพ่อ
๒. ฉายาของหลวงพ่อ "ชุตินฺธโร"
๓. บันทึกลายมือของหลวงพ่อ
ข้อสังเกตทั้งสามประการนี้ ผมอยากให้ศิษย์ของหลวงพ่อลองสังเกตดูนะครับว่า มีความสัมพันธ์กันหรือขัดแย้งกัน
-
น่าเสียดายที่ท่านไม่ได้กล่าวถึงว่าท่านเกิดในวันขึ้นแรมกี่ค่ำ ??? ??? ???
-
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 เวลา 6:00 น. ชัยนาท
ตรงกับวันพุธ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง จ.ศ.1267 ค.ศ.1905
วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 เวลา 6:00 น. ชัยนาท
ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง จ.ศ.1267 ค.ศ.1905
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 เวลา 6:00 น. ชัยนาท
ตรงกับวันพุธ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง จ.ศ.1267 ค.ศ.1905
วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 เวลา 6:00 น. ชัยนาท
ตรงกับวันพุธ แรม 4 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง จ.ศ.1267 ค.ศ.1905
วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 เวลา 6:00 น. ชัยนาท
ตรงกับวันพุธ แรม 11 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง จ.ศ.1267 ค.ศ.1905
วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 เวลา 6:00 น. ชัยนาท
ตรงกับวันพุธ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 1 ปีมะเส็ง จ.ศ.1267 ค.ศ.1905
จากวันเดือนปีที่ยกมาทั้งหมดนี้ ท่านทั้งหลายคิดเห็นเป็นประการใดครับ
-
ฉายาของท่าน "ชุตินฺธโร" นั้น ตั้งตามอักษรของวรรคอังคาร คือ ขึ้นต้นด้วย "ช" ตามปกติการตั้งนามฉายาของสงฆ์มักนิยมใช้อักษรวรรคบริวารคือวันเกิดนำมาขึ้นต้น
การนำอักษรวรรคบริวารมาใช้ขึ้นต้นนามฉายานั้นมีสาเหตุ ๒ ประการคือ เพื่อต้องการให้รู้ว่าพระภิกษุรูปนั้นเกิดวันอะไร และเพื่อต้องการให้มีบริวารมาก ๆ เพื่อจะได้ปฏิบัติธรรมตามกัน
ซึ่งต่างกับผู้ชายที่เป็นฆราวาสที่ต้องการอำนาจจึงใช้อักษรวรรคเดชขึ้นต้นชื่อ ตัวอย่างการตั้งนามฉายาโดยใช้เกณฑ์วันเกิด เช่น ผู้บวชเกิดวันอังคาร มีอักษรวรรคบริวารเป็น จ ฉ ช ฌ ญ มีวรรคกาลกิณีเป็น ก ข ค ฆ ง จึงตั้งนามฉายาว่า "โชติปญฺโญ" ซึ่งหมายถึง ผู้มีปัญญารุ่งเรือง
-
หลวงพ่อกวย (2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2448 - 12 เมษายน พ.ศ. 2522) ยอดพระคณาจารย์อีกรูปหนึ่งของชัยนาท ท่านเป็นที่เคราพนับถือของผู้คนทั่วประเทศเพราะพระเครื่องของท่านสร้างไว้ก่อปาฏิหารย์มากมายเหลือนับ ช่วยปกป้องคุ้มครองให้โชคลาภ ทั้งความสุขความเจริญนานาประการตามแต่จะอธิษฐาน วัตถุมงคลของท่านจึงมีค่านิยมสูงมากในปัจจุบันเช่น พระปรกโพธิ์เก้าใบ พระแหวกม่าน เหรียญรุ่นแรก มีดหมอ เป็นต้น ท่านมักเจริญพรให้ลูกศิษย์อยู่เสมอว่า จงอย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าเขา ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา รวมทั้งศึกษาจากตำราสมุดข่อยโบราณอยู่ในโพรงไม้ ซึ่งมีอาถรรพ์แรง
หลวงพ่อกวย ชุตินธโร ท่านเกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2448 ตรงกับปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ณ บ้านแค ใกล้กับวัดโฆสิตาราม บิดาชื่อ นายตุ้ย มารดาชื่อ นางต่วน เดชมา มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง บิดามารดาของท่านำไปฝากไว้กับหลวงปู่ขวด วัดบ้านแค และพระอาจารย์ดำ วัดหัวเด่น เพื่อศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทยและขอม เรียนสูตรสนธินามและวิชาการต่างๆ อุปสมบทเมื่อมีอายุครบ 20 ปีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2468 ในปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ วัดโบสถ์ จังหวัดชัยนาท
โดยมีพระชัยนาทมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปา วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์หริ่ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า ชุตินธโร ซึ่งแปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง ท่านเป็นคนพูดน้อย ถือธุดงควัตรและฉันเอกา (มื้อเดียว) มีความเมตตาต่อลูกศิษย์เสมอกัน ไม่ว่าจะยากดีมีจนแค่ไหน
ชุตินธโร ซึ่งแปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง
-
ชุตินฺธโร ซึ่งแปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง
-
ชุตินฺธโร ซึ่งแปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง
-
วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 เวลา 6:00 น. ชัยนาท
ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง จ.ศ.1267 ค.ศ.1905
-
วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 เวลา 6:00 น. ชัยนาท
ตรงกับวันพุธ แรม 11 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง จ.ศ.1267 ค.ศ.1905
-
ร่วมแชร์ครับ
1.รูปปฏิทินปี 2448 ในเดือน พฤศจิกายน
2.วิธีการนับวันที่เกิด ของปฏิทินทางจันทรคติไทย
การนับวันที่เกิดทางจันทรคติ นั้นสมัยโบราณจะใช้วิธีมองที่ฝ่ามือ ถ้าเห็นเส้นลายมือเมื่อใด ก็จะถือว่าเป็นวันใหม่ ทางโหราศาสตร์จึงใช้เวลา 6.00 น.เป็นเวลาของวันใหม่ หลวงพ่อกวยท่านเกิดจริง ๆ แล้วก่อนเวลา 6.00 น. ซึ่งอยู่ในคืนวันพุธครับผม ถ้าเกิดตั้งแต่เวลา 6.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเช้าของวันพฤหัสบดี จึงจะถือเป็น คนที่เกิดวันพฤหัสบดี ตามปฏิทินทางจันทรดติครับ
ตัวอย่าง ถ้าเกิดวันอาทิตย์ก็จะเริ่มนับเวลาเกิดจาก 06.00น. ของเช้าวันอาทิตย์ไปจนถึง 05.59 น.ของวันจันทร์ ยังคงนับเป็นวันอาทิตย์อยู่ เมื่อถึง 06.00น. ของเช้าวันจันทร์เมื่อใดจึงถือเป็นวันจันทร์ เช่น ตามสูติบัตร บอกว่าท่านเกิดอาทิตย์เวลา 04.13น. แต่เมือนับตามปฏิทินจันทรคติไทยจะถือว่าเป็นวันเสาร์อยู่ เพราะยังไม่เลย 06.00น. ซึ่งเป็นช่วงย่างเข้าวันอาทิตย์จริงๆ ตามจันทรคติ , ตามสูติบัตร บอกว่าท่านเกิดพฤหัสบดีเวลา 05.13น. แต่เมือคิดตามหลักปฏิทินจันทรคติถือว่าเป็นวันพุธอยู่ เพราะยังไม่เลย 06.00น. และเป็นวันพุธกลางคืนเพราะอยู่ช่วงเวลา 18.00น.-05.59 น.
การนับรอบวันจันทรคติ จะมีวันพุธที่แยกย่อยออกไปอีกคือ เกิดวันพุธช่วงเวลา 06.00 น.-17.59 น. จะเรียกว่าวันพุธกลางวัน แต่ถ้าเกิดช่วงเวลา 18.00น.-05.59 น. จะเรียกว่าวันพุธกลางคืนหรือวันราหู
เห็นแบบนี้ผมดูดวงเป็นนะครับ 555+ ;D
-
หมายความว่า
หลวงพ่อกวยท่านเกิดในคืนวันพุธ ช่วงเวลา 24.00 - 05.59 น. ซึ่งเป็น วันพุธกลางคืน ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง ตามปฏิทินทางจันทรคติไทย และหลวงพ่อกวยใช้วันตามจันทรคติคือ วันพุธ ครับ
-
หมายความว่า
หลวงพ่อกวยท่านเกิดในคืนวันพุธ ช่วงเวลา 24.00 - 05.59 น. ซึ่งเป็น วันพุธกลางคืน ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง ตามปฏิทินทางจันทรคติไทย และหลวงพ่อกวยใช้วันตามจันทรคติคือ วันพุธ ครับ
ยอดเยี่ยมมากครับคุณโอ๋ ไปเอาปฏิทินที่ไหนมาครับมหัศจรรย์จริง ๆ
แสดงว่า คุณโอ๋เชื่อว่าหลวงพ่อท่านเกิดในวันที่ ๒ พ.ศ.๒๔๔๘ ระหว่างเวลา ๐๐.๐๑ น. - ๐๕.๕๙ น.
ถ้าได้ ขึ้น แรม มายืนยันด้วยก็น่าจะชัดเจนยิ่งขึ้นนะครับ ส่วนตัวแล้วผมเองก็เชื่อตามที่คุณโอ๋กล่าวมา
-
ชุตินฺธโร ซึ่งแปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง
ข้อสงสัยของผมก็คือว่า เหตุใด ฉายาของท่านจึงตั้งด้วยอักษรวรรคอังคาร ??? ??? ???
-
ชุตินฺธโร ซึ่งแปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง
ผมเองก็สงสัยอีกว่า เหตุใดห้องที่ตั้งโลงแก้วของหลวงพ่อจึงตกแต่งด้วยผ้าม่านสีชมพู อันเป็นสีของวันอังคาร ??? ??? ???
-
ชุตินฺธโร ซึ่งแปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง
ผมเองก็สงสัยอีกว่า เหตุใดห้องที่ตั้งโลงแก้วของหลวงพ่อจึงตกแต่งด้วยผ้าม่านสีชมพู อันเป็นสีของวันอังคาร ??? ??? ???
-
??? ??? ???
-
??? ??? ???
งง ใช่มะน้องโก้ ;D ;D ;D
-
มารอศึกษาครับ ;D ;D ;D
-
มารอศึกษาครับ ;D ;D ;D
ผมเองก็มีข้อมูลเท่าที่เห็นครับ ;D
-
....(http://www.peugeot4you.com/public/style_emoticons/default/thanks.gif)
-
....(http://www.peugeot4you.com/public/style_emoticons/default/thanks.gif)
หากมีข้อมูลดีดีมาแชร์กันได้นะครับ ;D ;D ;D
-
การตั้งนามฉายาพระภิกษุ ทำได้ 4 ลักษณะครับ โดยดูจาก
1.วันเกิด / (หลวงพ่อกวยเกิดวันพุธ ช่วงเวลา 24.00 นาฬิกา 1 วินาที ถึง 05.59 นาฬิกา 59 วินาที) ชุตินฺธโร ช.ช้าง นำ เป็นมูละ = ทรัพย์สิน ร่ำรวย ความเจริญรุ่งเรือง ร.เรือ ปิดท้าย เป็นบริวาร ที่ตามมาครับ อักษรแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญมาก ๆ)
2.วันบวช / (หลวงพ่อกวย บวชวันที่ 5 กรกฎาคม 2468 ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปี ฉลู ตรงกันวันอาฬหบูชา ไม่น่าเกี่ยวกับนามฉายา)
3.ชื่อ / (ชื่อเดิม นายกวย ปั้นสน คำว่า กวย แปลว่า ตะกร้า (ภาษาท้องถิ่น) หรือ อีกความหมายหนึ่ง เป็นชาติ ข่า ในตระกูลมอญ ไม่น่าเกี่ยวข้อง)
4.ชื่อ และนามสกุล รวมกัน / ( ชื่อเดิม กวย ปั้นสน ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เช่นกัน )
ส่วนย่อยอื่น ๆ ก็มีครับ เช่น พิจารณาให้คล้ายหรือผสมกับชื่อและฉายาพระอุปฌาย์ (อาจจะมีส่วน คือ พระชัยนาทมุนี = ชุตินฺธโร)
แต่ผมเชื่อว่า หลวงพ่อกวยท่านเกิดในวันพุธแน่นอน ซึ่งท่านเขียนด้วยตัวท่านเอง และ เกิดในช่วงคืนวันพุธ เวลา หลังเที่ยงคืน จนถึงก่อนหกโมงเช้าวันพฤหัสบดี ในหลักฐานการบันทึกทางราชการก็เป็นเหตุให้สนับสนุนเช่นกัน คือ ช่วงเวลานี้จะบันทึกเป็น วันที่ 2 พฤศจิกายน 2448 ครับ
หมายเหตุ อักษร ช.ช้าง เป็นกาลกิณี ของวันพฤหัสบดี ;)
และผู้ที่บูชาพระหลวงพ่อกวย จะมีความเจริญรุ่งเรืองด้วย มูละ คือ ช.ช้าง นำหน้านามฉายา และมากมายด้วย บริวาร คือ ร.เรือ ปิดท้าย ครับผม ;D
-
แถมวันที่หลวงพ่อกวยท่านอุปสมบทครับ ;)
-
และประการหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ ที่หลวงพ่อกวยจะเกิดวันอังคาร เพราะ วันอังคารมีอักษร ก ข ค ฆ ง เป็นกาลกิณีครับ
ก.ไก่ ขึ้น ตัวแรกของชื่อ คนโบราณถือมากตอนตั้งชื่อให้เด็กที่เกิดใหม่ ;)
-
วันพุธราหู (พุธกลางคืน) มีตัวอักษร บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม เป็นกาลกิณีครับ ซึ่งจะไม่มีในชื่อของ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร เลย
ส่วน ข้อ สงสัยของคุณ weerawat26 คือ นามฉายา "ชุตินธโร" อักษรนำ คือ ช.ช้าง ซึ่งเป็น อักษรบริวารของคน เกิดวันอังคาร หลวงพ่อกวยน่าจะเกิดวันอังคาร นั้น เป็นไปได้ครับ แต่ ชื่อ "กวย" มี ก.ไก่ เป็นอักษรนำ ซึ่ง เป็นอักษร กาลกิณี ของคนเกิดวันอังคาร ก็ทำให้ไม่น่าจะใช่เกิดวันอังคารแน่นอนเพราะ ชื่อ "กวย" มาก่อน "ชุตินฺธโร" และนามฉายาสามารถที่จะตั้งได้โดยใช้อักษรอื่นที่ไม่ใช่อักษรบริวารนำ แต่ ร.เรือ ที่เป็นอักษรปิดท้ายก็ยังเป็นบริวารอยู่ ซึ่งในหลักการตั้งชื่อนั้น ตัวหน้าสำคัญที่สุด และตัวสุดท้ายก็สำคัณเป็นอันดับสองเหมือนกันครับ อาจะมีนัยสำคัญ อีกอย่างนึง คือ ช.ช้าง เป็น มูละ ของคนเกิดวันพุธกลางคืน ท่านที่คล้องบูชาพระหลวงพ่อกวย ถ้าทำดี ส่วนมากจะร่ำรวยขึ้นกันทุก ๆ คนเลยเท่าที่สุงเกตุดูนะครับ
ท่านใดมีข้อมูลอื่นร่วมกันแชร์ได้นะครับ ;)
-
:) :) :) อาจจะมาหลายสาเหตุ
-
:) :) :) อาจจะมาหลายสาเหตุ
เช่น ยังไงบ้างครับ
-
:) :) :) อาจจะมาหลายสาเหตุ
เช่น ยังไงบ้างครับ
:) :) :)ผมหมายถึงเหตุผลที่พี่ๆพูดมารวมกัน
-
:D เข้ามาขอศึกษาครับ
-
และประการหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ ที่หลวงพ่อกวยจะเกิดวันอังคาร เพราะ วันอังคารมีอักษร ก ข ค ฆ ง เป็นกาลกิณีครับ
ก.ไก่ ขึ้น ตัวแรกของชื่อ คนโบราณถือมากตอนตั้งชื่อให้เด็กที่เกิดใหม่ ;)
ปัญหาจึงมีอยู่ว่า ชื่อของท่าน "กวย" นั้น ใครเป็นคนตั้ง หากพิจารณาดูจากชื่อ ใช้อักษรวรรคจันทร์ หากท่านเกิดวันอังคารชื่อนี้ย่อมเป็นกาลกิณี หากท่านเกิดวันพุธชื่อนี้ย่อมเป็นมนตรีโดยมีอักษรวรรคราหูคือ ว ย อันเป็นอักษรวรรคศรีเข้ามาผสมกับอักษรวรรคมนตรี
ขอบคุณ คุณโอ๋มากนะครับที่มาร่วมแชร์
-
การตั้งนามฉายาพระภิกษุ ทำได้ 4 ลักษณะครับ โดยดูจาก
1.วันเกิด / (หลวงพ่อกวยเกิดวันพุธ ช่วงเวลา 24.00 นาฬิกา 1 วินาที ถึง 05.59 นาฬิกา 59 วินาที) ชุตินฺธโร ช.ช้าง นำ เป็นมูละ = ทรัพย์สิน ร่ำรวย ความเจริญรุ่งเรือง ร.เรือ ปิดท้าย เป็นบริวาร ที่ตามมาครับ อักษรแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญมาก ๆ)
2.วันบวช / (หลวงพ่อกวย บวชวันที่ 5 กรกฎาคม 2468 ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปี ฉลู ตรงกันวันอาฬหบูชา ไม่น่าเกี่ยวกับนามฉายา)
3.ชื่อ / (ชื่อเดิม นายกวย ปั้นสน คำว่า กวย แปลว่า ตะกร้า (ภาษาท้องถิ่น) หรือ อีกความหมายหนึ่ง เป็นชาติ ข่า ในตระกูลมอญ ไม่น่าเกี่ยวข้อง)
4.ชื่อ และนามสกุล รวมกัน / ( ชื่อเดิม กวย ปั้นสน ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เช่นกัน )
ส่วนย่อยอื่น ๆ ก็มีครับ เช่น พิจารณาให้คล้ายหรือผสมกับชื่อและฉายาพระอุปฌาย์ (อาจจะมีส่วน คือ พระชัยนาทมุนี = ชุตินฺธโร)
แต่ผมเชื่อว่า หลวงพ่อกวยท่านเกิดในวันพุธแน่นอน ซึ่งท่านเขียนด้วยตัวท่านเอง และ เกิดในช่วงคืนวันพุธ เวลา หลังเที่ยงคืน จนถึงก่อนหกโมงเช้าวันพฤหัสบดี ในหลักฐานการบันทึกทางราชการก็เป็นเหตุให้สนับสนุนเช่นกัน คือ ช่วงเวลานี้จะบันทึกเป็น วันที่ 2 พฤศจิกายน 2448 ครับ
หมายเหตุ อักษร ช.ช้าง เป็นกาลกิณี ของวันพฤหัสบดี ;)
และผู้ที่บูชาพระหลวงพ่อกวย จะมีความเจริญรุ่งเรืองด้วย มูละ คือ ช.ช้าง นำหน้านามฉายา และมากมายด้วย บริวาร คือ ร.เรือ ปิดท้าย ครับผม ;D
สมัยก่อน นั้น การจดบันทึกคงจะยากนะครับที่จะจดเป็นโมงเป็นนาทีได้อย่างละเอียดเหมือนสมัยนี้ ยิ่งสมัยก่อนคลอดกับหมอตำแยด้วยแล้วการจดบันทึกคงจะต้องใช้ประมาณเอา เช่นเกิดเวลาพระบิณฑบาต เป็นต้น การจดมักจดว่าเกิดวันอะไร ขึ้นแรมเท่าไหร่ เดือนอะไร ปีอะไร การตั้งนามฉายาของพระสงฆ์ไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อนมากนัก เพราะ ส่วนใหญ่ทั่วประเทศมักนิยมใช้อักษรวรรคบริวารคือวันเกิดนำมาใช้ขึ้นต้นนำหน้าชื่อ ช ช้าง เป็นอักษรวรรคอังคาร ถือว่าเป็นอักษรวรรคกาลกิณีของวันพุธ ข้อนี้เองที่ทำให้ผมสงสัย ผมเองก็เชื่อว่าหลวงพ่อท่านเกิดวันพุธเพราะท่านเป็นผู้เขียนด้วยลายมือของท่านเอง แต่มีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ วิชาหนุมาน ของท่านนั้นเป็นที่กล่าวขานถึงก็น่าสนใจนะครับว่า หนุมาณ นั้นเกิดวันอังคาร ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีขาล
ขอบคุณ คุณโอ๋มากนะครับที่มาร่วมแชร์
-
หลวงพ่อท่านยังเขียนไว้ได้เพียงแค่ พ.ศ.๒๔๔๘ เท่านั้นเอง ท่านมิได้จดว่าท่านเกิดวันที่เท่าไร เดือนอะไร คนสมัยก่อนที่เกิดก่อน พ.ศ.๒๕๐๐ มักจะระบุไว้เพียงแค่ปี พ.ศ.ไว้เท่านั้น เพราะข้อมูลข่าวสาร การจดบันทึกไม่ทันสมัยสมบูรณ์เหมือนยุคหลังปี พ.ศ.๒๕๐๐ ดันนั้น หลวงพ่อท่านจึงจดเอาไว้แต่เพียงว่า ท่านเกิดวันพุธ เดือน ๑๒ ปีมะเส็ง พ.ศ.๒๔๔๘ เท่านั้น หาดแต่เพียงขึ้นแรม และเวลาตกฟากเท่านั้น
-
:) :) :) เข้ามาดูครับ ผมไม่เป็นเลยเรื่องชื่อ อักษร
-
:) :) :) เข้ามาดูครับ ผมไม่เป็นเลยเรื่องชื่อ อักษร
http://203.131.210.88/lartswiki/lib/exe/fetch.php?media=am.pdf (http://203.131.210.88/lartswiki/lib/exe/fetch.php?media=am.pdf)ลองอ่านศึกษาดูครับ
-
:) :) :) เข้ามาดูครับ ผมไม่เป็นเลยเรื่องชื่อ อักษร
http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/snamcn/Amnat_Paksasuk/Chapter4.pdf (http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/snamcn/Amnat_Paksasuk/Chapter4.pdf)ลองอ่านดูครับ
-
รวบรวมข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานปรากฏเป็นข้อๆ แล้วจะสรุปผลได้ครับ
1.หลวงพ่อกวยเกิดปีมะเส็ง เดือน 12 วันพุธ
2.ชื่อเดิม นายกวย ปั้นสน ชื่อพระ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร
3.วันพุธ เป็นวันเดียวที่แบ่งเป็น 2 วัน คือ วันพุธกลางวัน นับเวลาตามโบราณ คือ (พระอาทิตย์ขึ้นของเช้าวันพุธ ถึง พระอาทิตย์ตกตอนเย็นวันพุธ) เวลามาตรฐานคือตั้งแต่ 6.00 - ก่อน 18.00 น.ของวันพุธ / วันพุธกลางคืน นับเวลาตามโบราณ คือ (ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินหลังเย็นวันพุธ ถึง ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเช้าวันพฤหัสฯ) เวลามาตรฐาน คือตั้งแต่ 18.00 น.- ก่อน 06.00 น.ของเช้าวันพฤหัส) ข้อนี้ชัดเจนเพราะเป็นหลักของวันตามจันทรคติ
ได้ 3 ข้อแล้วเดี๋ยวมาต่อ เพราะเตรียมเข้าประชุมกรุงเทพวันนี้ครับ แหะๆ
-
:) :) :) เข้ามาดูครับ ผมไม่เป็นเลยเรื่องชื่อ อักษร
http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/snamcn/Amnat_Paksasuk/Chapter3.pdf (http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/snamcn/Amnat_Paksasuk/Chapter3.pdf)ลองอ่านดูครับน้องโก้
-
รวบรวมข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานปรากฏเป็นข้อๆ แล้วจะสรุปผลได้ครับ
1.หลวงพ่อกวยเกิดปีมะเส็ง เดือน 12 วันพุธ
2.ชื่อเดิม นายกวย ปั้นสน ชื่อพระ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร
3.วันพุธ เป็นวันเดียวที่แบ่งเป็น 2 วัน คือ วันพุธกลางวัน นับเวลาตามโบราณ คือ (พระอาทิตย์ขึ้นของเช้าวันพุธ ถึง พระอาทิตย์ตกตอนเย็นวันพุธ) เวลามาตรฐานคือตั้งแต่ 6.00 - ก่อน 18.00 น.ของวันพุธ / วันพุธกลางคืน นับเวลาตามโบราณ คือ (ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินหลังเย็นวันพุธ ถึง ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเช้าวันพฤหัสฯ) เวลามาตรฐาน คือตั้งแต่ 18.00 น.- ก่อน 06.00 น.ของเช้าวันพฤหัส) ข้อนี้ชัดเจนเพราะเป็นหลักของวันตามจันทรคติ
ได้ 3 ข้อแล้วเดี๋ยวมาต่อ เพราะเตรียมเข้าประชุมกรุงเทพวันนี้ครับ แหะๆ
ขอบคุณมากครับคุณโอ๋ เป็นไปได้ครับ หากว่าตั้งชื่อหลวงพ่อว่า "กวย" เพราะว่าหลวงพ่อท่านเกิดวันพุธกลางคืน หมายถึง วันราหู ดังนั้น นามของท่านคือ "กวย" นั้น ตั้งตามอักษรวรรคจันทร์อันเป็นวรรคศรีของวันพุธกลางคืน เป็นไปได้ว่า ฉายาของท่าน "ชุตินฺธโร" น่าจะตั้งเพราะเป็นมูละของราหู แต่ก็ไม่แน่ใจตรงจุดนี้เท่าไรนัก
-
4.วันเกิดหลวงพ่อกวย คือ 2 พฤศจิกายน 2448 ซึ่ง ปฎิทันตามสุริยะคติ (ใช้ในปัจจุบัน) นับวันตามเวลามาตรฐาน เริ่มต้นของวันที่ ตั้งแต่ 24.00 ของวันพุธ - ก่อนเที่ยงคืน 24.00 ของวันพฤหัสฯ ถ้าเกิด คืน วันพุธหลังเที่ยงคืน จะบันทึกราชการเป็นวันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน 2448 (ข้อนี้ใครที่เกิดแบบนี้ลองดูครับ เกิดวันพฤหัสฯ แต่เวลาตั้งชื่อดูดวงต้องใช้วันพุธกลางคืน)
-
5.เราจะตัดวันที่ หลวงพ่อกวย ไม่ได้เกิดวันนี้แน่นอน ตามหลักทักษาปกรณ์ คือ
5.1 วันอังคาร เพราะ มี ก.ไก่ เป็นกาลกิณี
5.2 วันพุธกลางวัน เพราะ มี ช.ช้าง เป็นกาลกิณี
5.3 วันพฤหัสบดี เพราะ มี ต.เต่า, น.หนู และ ธ.ธง เป็กาลกิณี
5.4 วันศุกร์ เพราะ มี ว.แหวน และ ย.ยักษ์ เป็นกาลกิณี
ทีนี้ก็จะเหลือ แค่ 4 วัน คือ วันอาทิตย์ / วันจันทร์ / วันเสาร์ / วันราหู (วันพุธกลางคืน)
-
เรื่องของวัตถุมงคลประเภทเหรียญ เหรียญรุ่นแรกจะมีอำนาจต้านอาวุธได้สูง แต่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ เหรียญรุ่น 2 จะดีทางแคล้วคลาดกำบัง หลวงพ่อเคยสักยันต์เป็นคาถานะโมตาบอดไว้ให้ศิษย์ที่ท้องแขน ซ้ายและขวา หลวงพ่อเคยเขียนไว้ในสมุดคาถาไว้ ท่านเขียนว่ารุ่น1 เก่ง รุ่น 2 ดี แต่ไม่เคยเขียนถึงรุ่นที่ 3 แต่เมื่อมีศิษย์มาถามท่านท่านจะตอบว่า เสกให้ดีครอบจักรวาล ผู้เขียนไม่รู้ว่ารุ่นไหนดีกว่ากัน แต่ศิษย์ใกล้ชิดเล่าตรงกันไว้ว่า เวลาศิษย์ที่คล้องเหรียญรุ่นที่ 3 โดนยิง ท่านจะรับอำนาจของลูกกระสุนปืนไว้ครึ่งหนึ่ง ผู้เล่าเล่าไว้ต่างกรรมทางวาระ มีคุณหมอเฉลียว เดชมา, อาจารย์สมาน อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวเด่น, คุณลุงทอด คนบ้านแค เล่าเอาไว้แต่ว่า ขณะคุยกัยอยู่กับหลวงพ่อตอนกลางคืน อยู่ๆจะเห็นหลวงพ่อมีอาการสะดุ้งคล้ายๆเจ็บ สักพักท่านจะพูดว่า ไอ้คนนั้น ไอ้คนนี้ โดนยิง คือยิงออก ยิงโดนแต่ไม่เข้า ทางหมอเฉลียว, อ.สมาน, ลุงทอด ได้ถามเหตุผลว่า ทำไมหลวงพ่อถึงต้องแบ่งรับความเจ็บของศิษย์เกเรครึ่งหนึ่ง ท่านไม่ยอมพูด คุณหมอเฉลียว,อ.สมาน ได้แต่คิดว่าถ้าหลวงพ่อทำอย่างนี้ ท่านคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน พวกเขาจึงรีบสร้างรูปหล่อเท่าองค์จริง และท่านก็มรณะภาพในปีถัดมา เรื่องเหรียญหนุมานที่ท่านบอกว่าท่านสร้างไว้กู้ชาติ ในปี2521 และ 2522 ท่านก็มีโอกาสได้แจกในสมรภูมิเขาค้อบ้างเหมือนกัน ท่านพูดทำนองว่า เหรียญหนุมานนี้กูก็เสกให้ดีแล้ว สุดฝีมือแล้ว แต่จะให้เก่งเหมือนพระผงคงไม่ได้ แต่ท่านได้พูดเว้นวรรคไว้ว่า ถึงชะตาขาด ก็ต้องกลับบ้านได้ และก็เป็นความจริง ศิษย์ของท่านสามารถกับจากสมรภูมิเขาค้อได้อาการครบ 32 แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ท่านสะเทือนใจจนได้ สมควรบันทึกไว้
ท่านจะรับอำนาจของลูกกระสุนปืนไว้ครึ่งหนึ่ง/// ได้ถามเหตุผลว่า ทำไมหลวงพ่อถึงต้องแบ่งรับความเจ็บของศิษย์เกเรครึ่งหนึ่ง ท่านไม่ยอมพูด
จากบทความข้างต้นนี้ พอจะกล่าวได้ว่า ท่านเกิดวันพุธ จึงมีอังคารเป็นกาลกิณี ความหมายของอังคาร ก็คือศาสตราวุธทั้งปวง การใช้วันราหูเพื่อทดแทนวันพุธกลางคืนนั้นส่วนใหญ่แล้วไม่นิยมใช้กัน มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่กำหนดว่าเป็นวันราหู
-
เข้ามาดูต่อครับ ก็เป็นเรื่องน่าคิดว่าท่านเกิดวันไหน แต่สุดท้ายหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร ก็เป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และเป็นอาจารย์ของผม และ พี่ๆทุกท่าน (ถึงจะเกิดไม่ทันก็เถอะ) :D :D :D :D
-
อย่าคิดอะไรมากครับ เป็นศิษย์หลวงพ่อกวย คล้องพระหลวงพ่อกวย เชื่อในสิ่งที่หลวงพ่อกวยบอก ท่านเขียนว่าเกิดวันพุธ ผมก็เชื่อว่าวันพุธ และหาเหตุผลที่แท้จริงว่า วันพุธกลางคืน เพราะว่า วันที่ 2 พฤศจิกายน 2448 เป็นวันพฤหัสในทางสุริยะคติ แต่ถ้าช่วง หลังเที่ยงคืนถึงก่อนหกโมงเช้าวันพฤหัส จะเป็นวันพุธกลางคืนชัวร์ครับซึ่งก็ตรงกับที่หลวงพ่อกวยเขียนว่าเกิดปีมะเส็งเดือน 12 วันพุธ นั่นเองครับ
-
คุ้มค่าการอ่านจริงๆครับทั้งพี่วีและพี่โอ๋ ยอดเยี่ยมจริงๆครับ
-
อย่าคิดอะไรมากครับ เป็นศิษย์หลวงพ่อกวย คล้องพระหลวงพ่อกวย เชื่อในสิ่งที่หลวงพ่อกวยบอก ท่านเขียนว่าเกิดวันพุธ ผมก็เชื่อว่าวันพุธ และหาเหตุผลที่แท้จริงว่า วันพุธกลางคืน เพราะว่า วันที่ 2 พฤศจิกายน 2448 เป็นวันพฤหัสในทางสุริยะคติ แต่ถ้าช่วง หลังเที่ยงคืนถึงก่อนหกโมงเช้าวันพฤหัส จะเป็นวันพุธกลางคืนชัวร์ครับซึ่งก็ตรงกับที่หลวงพ่อกวยเขียนว่าเกิดปีมะเส็งเดือน 12 วันพุธ นั่นเองครับ
ตามนั้นเลย
-
อย่าคิดอะไรมากครับ เป็นศิษย์หลวงพ่อกวย คล้องพระหลวงพ่อกวย เชื่อในสิ่งที่หลวงพ่อกวยบอก ท่านเขียนว่าเกิดวันพุธ ผมก็เชื่อว่าวันพุธ และหาเหตุผลที่แท้จริงว่า วันพุธกลางคืน เพราะว่า วันที่ 2 พฤศจิกายน 2448 เป็นวันพฤหัสในทางสุริยะคติ แต่ถ้าช่วง หลังเที่ยงคืนถึงก่อนหกโมงเช้าวันพฤหัส จะเป็นวันพุธกลางคืนชัวร์ครับซึ่งก็ตรงกับที่หลวงพ่อกวยเขียนว่าเกิดปีมะเส็งเดือน 12 วันพุธ นั่นเองครับ
ข้อนี้ผมเข้าใจครับ แต่อยากได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ท่านเขียนบอกด้วยลายมือของท่านเองว่าเกิดวันพุธ เดือน ๑๒ ต้องเชื่อท่าน เหตุที่ยังสงสัยก็เพราะว่า เดือน ๑๒ ไม่ได้มีวันพุธ เพียงพุธเดียว เพราะขาดวันขึ้นแรมที่ไม่ได้บอกเอาไว้ ถ้าท่านเกิดวันที่ ๒ พ.ย.๒๔๔๘ ก็หมายความว่า ท่านเกิดหลังเที่ยงคืน แต่ยังไม่ถึงเวลา ๐๖.๐๐ น. ข้อนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น และที่สงสัยก็คือฉายาของท่านนี่แหละเพราะเป็นฉายาของวันอังคาร ผมจึงต้ังข้อสังเกตนี้ขึ้นมาเผื่อว่าจะมีประโยชน์ต่อการศึกษาในแง่มุมนี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย และเผื่อว่าท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็จะช่วยให้ ข้อมูลตรงนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เรื่องของ ปฏิทิน จันทรคติ ของไทย
ปฏิทิน คือ การจัด วัน เดือน ปี ทางสุริยคติ และขึ้น แรม ทางจันทรคติ
ตามประเพณีนิยมของคนชาติไทย และถูกต้องกับบทบัญยัติทางพระพุทธศาสนาด้วย
เราคนไทย นับถือพระพุทธศาสนา เป็นส่วนมาก และเราก็มี
ประเพณีของชาติเราเอง ซึ่งมิได้เหมือนใคร
การคิดวันของชาติไทย มีดังนี้
สงฆ์ไทย ถือว่า รุ่งอรุณ (เห็นลายมือ) เป็นวันใหม่
แต่ทางราชการไทย ถือว่า เลย ๒๔.๐๐ น. เป็นวันใหม่
พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา มีดังนี้ คือ
สงฆ์ไทย ลงอุโบสถ สังฆกรรม ปวารณากรรม ในวันเพ็ญ
เข้าพรรษา หลังจากวันที่จันทร์เพ็ญ เสวยฤกษ์ อาสาฬห
(ฤกษ์ ๒๐ หรือ ๒๑) ล่วงไปแล้วไม่เกินวันหนึ่ง และวันออกพรรษา
ต้องเป็นวันที่พระจันทร์ กำลังเพ็ญ นี่คือ พระวินัย
ประเพณีของไทยมีดังนี้
สงฆ์ไทย จะเข้าพรรษา วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ (หรือ ๘ หลัง)
และออกพรรษา วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ นี่คือประเพณี
ฉะนั้น ปฏิทินไทย ต้องรักษาบัญญัติทางศาสนา และประเพณีของไทยไว้ด้วย
-
คุ้มค่าการอ่านจริงๆครับทั้งพี่วีและพี่โอ๋ ยอดเยี่ยมจริงๆครับ
คุณครับที่เข้ามาเยี่ยมชม ;D
-
เรื่องของ ปฏิทิน จันทรคติ ของไทย
ปฏิทิน คือ การจัด วัน เดือน ปี ทางสุริยคติ และขึ้น แรม ทางจันทรคติ
วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 เวลาเกิด 4:00 น. จ.ชัยนาท
ตรงกับวันพุธ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง จ.ศ.1267 ค.ศ.1905
การจัด วัน เดือน ปี ทางสุริยคติ คือ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2448
ขึ้น แรม ทางจันทรคติ คือ วันพุธ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง
-
ยอดเยี่ยมครับผม
-
ยอดเยี่ยมครับผม
ขอบคุณมากครับคุณโอ๋ ผมเลยสมมุติว่าหลวงพ่อท่านเกิดตอน ๐๔.๐๐ น. เลยก็แล้วกัน ;D
-
ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็น...คำวิจารณ์อันเป็นประโยชน์ของทุกท่านครับ ;) ;) ;)
-
เรื่องของวัตถุมงคลประเภทเหรียญ เหรียญรุ่นแรกจะมีอำนาจต้านอาวุธได้สูง แต่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ เหรียญรุ่น 2 จะดีทางแคล้วคลาดกำบัง หลวงพ่อเคยสักยันต์เป็นคาถานะโมตาบอดไว้ให้ศิษย์ที่ท้องแขน ซ้ายและขวา หลวงพ่อเคยเขียนไว้ในสมุดคาถาไว้ ท่านเขียนว่ารุ่น1 เก่ง รุ่น 2 ดี แต่ไม่เคยเขียนถึงรุ่นที่ 3 แต่เมื่อมีศิษย์มาถามท่านท่านจะตอบว่า เสกให้ดีครอบจักรวาล ผู้เขียนไม่รู้ว่ารุ่นไหนดีกว่ากัน แต่ศิษย์ใกล้ชิดเล่าตรงกันไว้ว่า เวลาศิษย์ที่คล้องเหรียญรุ่นที่ 3 โดนยิง ท่านจะรับอำนาจของลูกกระสุนปืนไว้ครึ่งหนึ่ง ผู้เล่าเล่าไว้ต่างกรรมทางวาระ มีคุณหมอเฉลียว เดชมา, อาจารย์สมาน อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวเด่น, คุณลุงทอด คนบ้านแค เล่าเอาไว้แต่ว่า ขณะคุยกัยอยู่กับหลวงพ่อตอนกลางคืน อยู่ๆจะเห็นหลวงพ่อมีอาการสะดุ้งคล้ายๆเจ็บ สักพักท่านจะพูดว่า ไอ้คนนั้น ไอ้คนนี้ โดนยิง คือยิงออก ยิงโดนแต่ไม่เข้า ทางหมอเฉลียว, อ.สมาน, ลุงทอด ได้ถามเหตุผลว่า ทำไมหลวงพ่อถึงต้องแบ่งรับความเจ็บของศิษย์เกเรครึ่งหนึ่ง ท่านไม่ยอมพูด คุณหมอเฉลียว,อ.สมาน ได้แต่คิดว่าถ้าหลวงพ่อทำอย่างนี้ ท่านคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน พวกเขาจึงรีบสร้างรูปหล่อเท่าองค์จริง และท่านก็มรณะภาพในปีถัดมา เรื่องเหรียญหนุมานที่ท่านบอกว่าท่านสร้างไว้กู้ชาติ ในปี2521 และ 2522 ท่านก็มีโอกาสได้แจกในสมรภูมิเขาค้อบ้างเหมือนกัน ท่านพูดทำนองว่า เหรียญหนุมานนี้กูก็เสกให้ดีแล้ว สุดฝีมือแล้ว แต่จะให้เก่งเหมือนพระผงคงไม่ได้ แต่ท่านได้พูดเว้นวรรคไว้ว่า ถึงชะตาขาด ก็ต้องกลับบ้านได้ และก็เป็นความจริง ศิษย์ของท่านสามารถกับจากสมรภูมิเขาค้อได้อาการครบ 32 แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ท่านสะเทือนใจจนได้ สมควรบันทึกไว้
ท่านจะรับอำนาจของลูกกระสุนปืนไว้ครึ่งหนึ่ง/// ได้ถามเหตุผลว่า ทำไมหลวงพ่อถึงต้องแบ่งรับความเจ็บของศิษย์เกเรครึ่งหนึ่ง ท่านไม่ยอมพูด
จากบทความข้างต้นนี้ พอจะกล่าวได้ว่า ท่านเกิดวันพุธ จึงมีอังคารเป็นกาลกิณี ความหมายของอังคาร ก็คือศาสตราวุธทั้งปวง การใช้วันราหูเพื่อทดแทนวันพุธกลางคืนนั้นส่วนใหญ่แล้วไม่นิยมใช้กัน มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่กำหนดว่าเป็นวันราหู
เข้ามาศึกษาด้วยครัฟ อ่านจากข้อความนี้แล้ว น้ำตาผมแทบร่วงเลยหลวงพ่อรักศิษย์จริงจากใจบริสุทธิ์
คิดถึงและสงสารหลวงพ่อจริงๆจากจัยเลย
-
แถมวันที่หลวงพ่อกวยท่านอุปสมบทครับ ;)
นึกขึ้นมาได้จึงกลับมาอ่านวันอุปสมบทของหลวงพ่อที่คุณโอ๋นำมามอบให้ ท่านทั้งหลายลองพิจารณาดูสิครับว่ามีอะไรผิดปกติบ้างหรือไม่?
เดี๋ยวสาย ๆ จะมาขยายความ เป็นเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ
ฝากคุณโอ๋ด้วยนะครับ หากผ่านมาพบข้อความนี้ ช่วยหาข้อมูลให้หน่อยได้ไหมครับว่า เหตุใดหลวงพ่อท่านจึงได้ฉายาว่า ชุตินฺธโร
-
ขอบคุณครับ ;D
ไม่ได้สงสัยอะไรแล้วครับ ขอบายครับผม ;)
-
ขอบคุณครับ ;D
ไม่ได้สงสัยอะไรแล้วครับ ขอบายครับผม ;)
คือว่าผมต้องขอขอบคุณที่คุณโอ๋ นำปฏิทินวันที่หลวงพ่ออุปสมบทมาให้ แต่จากประวัติของหลวงพ่อตามที่ต่าง ๆ ที่คัดลอกกันมานั้นผิดไปจากที่คุณโอ๋ บอกมา ๑ ปี กล่าวคือ ทั่วไปกล่าวไว้ว่าหลวงพ่ออุปสมบทวันที่ ๕ กรกฎาคา พ.ศ.๒๔๖๗ แต่คุณโอ๋บอกว่าหลวงพ่ออุปสมบทวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๘
เรื่องนี้ เป็นเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ที่ศิษย์ของหลวงพ่อควรจะรู้ไว้บ้าง ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร เดี๋ยวมาว่ากันต่อครับ
http://sitluangporguay.com/forum/index.php?topic=1986.0 (http://sitluangporguay.com/forum/index.php?topic=1986.0)
-
ความแตกต่างระหว่างวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๗ กับวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๘ เป็นดังนี้
2467-04-05
2448-08-02
0018-08-03
2467-07-05
2448-11-02
0018-08-03
หากหลวงพ่ออุปสมบทในปี ๒๔๖๗ หลวงพ่อจะมีอายุเพียง ๑๙ ปีเท่านั้น
หมายเหตุ การนับเดือนในสมัยก่อน ใช้เดือน เม.ย.เป็นเดือนแรกหรือเริ่มต้นปีใหม่ในเดือนนี้ ดังนั้นเดือน กรกฎาคม จึงตรงกับเดือนที่ 4 ต่อมาเริ่มต้นปีใหม่ในเดือน มกราคม ดังนั้น เดือนกรกฎาคมจึงตรงกับเดือนที่ 7 แต่หลวงพ่อท่านเกิดก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ปีใหม่ในเดือนมกราคม ดังนั้น การนับอายุของหลวงพ่อ จึงต้องใช้วิธีนับแบบเก่าคือ ใช้เดือน เมษายน เป็นเดือนที่ 1
-
ความแตกต่างระหว่างวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๗ กับวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๘ เป็นดังนี้
2468-04-05
2448-08-02
0019-08-03
2468-07-05
2448-11-02
0019-08-03
วิธีอ่านอายุแบบนี้ อ่านว่า อายุ 19 ปีเต็ม ย่างเข้า 20 ปี กล่าวคือ ผ่านพ้นวัย 19 ปีมาแล้วนั่นเอง ลักษณะเช่นนี้ท่านเรียกว่า มีอายุ 20 ปี
หวังว่า ข้อมูลตรงนี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับลูกศิษย์ของหลวงพ่อบ้างไม่มากก็น้อยครับ
-
ภาพถ่ายจารึกวันเดือนปีเกิดท่านเขียนด้วยมือบอกว่าในขณะนั้นท่านมีอายุ ๕๐ ปี พรรษา ๓๐ พรรษา
2468+30=2498 แสดงว่า ท่านถ่ายรูปนี้เมื่อปี 2498
มรณภาพเมื่อ ๑๒ เม.ย.๒๕๒๒
2522-01-12
2448-08-02
0073-05-10
มรณภาพเมื่ออายุ ๗๔ ปี พรรษา ๕๔ พรรษา
-
เกร็ดเล็กน้อยเรื่องปฏิทินไทย ก็คือ สมัยก่อนปี พ.ศ.๒๔๘๔ นั้น ประเทศไทยจะเปลี่ยนปีปฏิทินปีใหม่ในเดือน เมษายน ตัวอย่าง
มกราคม ๒๔๘๒ (เดือนที่ ๑๐)
กุมภาพันธ์ ๒๔๘๒ (เดือนที่ ๑๑)
มีนาคม ๒๔๘๒ (เดือนที่ ๑๒)
เมษายน ๒๔๘๓ (เดือนที่ ๑)
พฤษภาคม ๒๔๘๓ (เดือนที่ ๒)
มิถุนายน ๒๔๘๓ (เดือนที่ ๓)
กรกฎาคม ๒๔๘๓ (เดือนที่ ๔)
สิงหาคม ๒๔๘๓ (เดือนที่ ๕)
กันยายน ๒๔๘๓ (เดือนที่ ๖)
ตุลาคม ๒๔๘๓ (เดือนที่ ๗)
พฤศจิกายน ๒๔๘๓ (เดือนที่ ๘)
ธันวาคม ๒๔๘๓ (เดือนที่ ๙)
มกราคม ๒๔๘๔ (เดือนที่ ๑)
หมายความว่า ปี พ.ศ.๒๔๘๓ มีเพียง ๙ เดือนเท่านั้น เพราะว่า จอมพล ป. ซึ่งเป็นนายกฯ ในสมัยนั้นได้ประกาศให้เปลี่ยนปีปฏิทินใหม่โดยเริ่มต้นปีใหม่ในเดือน มกราคม ตั้งแต่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นต้นมา
-
สิ่งที่รู้ไม่ได้
[/color][/b]
ภารกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์คือการศึกษาเล่าเรียนหาวิชาความรู้ และวิชาความรู้นั้นเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาไปจนตาย เรียนกันไม่มีวันจบ และแม้ปัจจุบัน มนุษย์จะมีการศึกษาดีขึ้นกว่าเดิมมาก มีการเปิดเผยความรู้ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเสมอ หรือจะกล่าวว่า "ไม่มีสิ่งใดในพิภพนี้ที่มนุษย์จะรู้ไม่ได้"ก็คงไม่ผิด แต่มีสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ไม่รู้และไม่อาจจะรู้ได้ นั่นคือชีวิตตัวเอง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องความตาย พระพุทธศาสนากล่าวว่ามีสิ่งที่รู้ไม่ได้ ๕ ประการ คือ
๑. ชีวิต เรารู้ไม่ได้เลยว่า จะอยู่นานเท่าใด
๒. ความป่วยไข้ รู้ไม่ได้ว่าจะตายด้วยโรคอะไร หรือด้วยสาเหตุอะไร
๓. เวลาตาย คนส่วนใหญ่รู้วันเวลาที่ตนเกิดแน่นอน แต่ไม่มีใครที่รู้ว่าตัวเองจะต้องตายวันนั้น เวลานี้แน่นอน
๔. สถานที่ตาย รู้ไม่ได้ว่าจะตายในบ้าน หรือนอกบ้าน ในน้ำ บนบก หรือกลางอากาศ
๕. ตายแล้วไปไหน จะไปเกิดเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ หรือเป็นเทพ เป็นพรหมอะไร ที่ไหน รู้ไม่ได้
ทั้ง ๕ ประการนี้ แม้มนุษย์อยากจะรู้ ศึกษาไปเท่าใดก็รู้ไม่ได้ เพราะมิใช่วิสัยของปุถุชนที่จะหยั่งรู้ แต่สำหรับผู้ไม่ประมาท ถึงจะรู้หรือไม่รู้ก็มีค่าเท่ากัน เพราะจะพิจารณาเห็นว่าชีวิตนี้น้อยนัก พร้อมที่จะแตกดับเสมอ แค่หายใจเข้าแล้วไม่ออก หรือหายใจออกแล้วไม่เข้าก็ตายทันที จึงต้องรีบขวนขวายสร้างความดีให้มากเข้าไว้ เพื่อเป็นที่พึ่งทั้งในปัจจุบันและสัมปรายภพ
สิ่งที่รู้ไม่ได้มักทำให้คนทั่วไปหวาดหวั่น หรืออย่างน้อยก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนจะดีหรือร้าย ยิ่งเกี่ยวกับชะตาชีวิตด้วยแล้วบางคนถึงขั้นเป็นทุกข์ ความไม่ประมาทคือทำตัวเองให้เป็นคนดีมีค่าเสียแต่บัดนี้ เป็นหลักประกันที่ดีที่สุดสำหรับเผชิญหน้ากับสิ่งที่รู้ไม่ได้ในทุกสถานการณ์
-
ขอบคุณครับ ;D
ไม่ได้สงสัยอะไรแล้วครับ ขอบายครับผม ;)
คือว่าผมต้องขอขอบคุณที่คุณโอ๋ นำปฏิทินวันที่หลวงพ่ออุปสมบทมาให้ แต่จากประวัติของหลวงพ่อตามที่ต่าง ๆ ที่คัดลอกกันมานั้นผิดไปจากที่คุณโอ๋ บอกมา ๑ ปี กล่าวคือ ทั่วไปกล่าวไว้ว่าหลวงพ่ออุปสมบทวันที่ ๕ กรกฎาคา พ.ศ.๒๔๖๗ แต่คุณโอ๋บอกว่าหลวงพ่ออุปสมบทวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๘
เรื่องนี้ เป็นเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ที่ศิษย์ของหลวงพ่อควรจะรู้ไว้บ้าง ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร เดี๋ยวมาว่ากันต่อครับ
http://sitluangporguay.com/forum/index.php?topic=1986.0 (http://sitluangporguay.com/forum/index.php?topic=1986.0)
5555+ รู้ไหมครับ ว่าผมเอาปี 2468 มาจากที่ไหน
ผมก็เอามาจากท่านนั่นแหล่ะครับเพราะท่านบอกมาเองว่าหลวงพ่ออุปสมบทวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๘ โพสวันที่ 2 เมษายน 2012,เวลา 01:25:27 pm ลองย้อนกลับไปอ่านสิครับ คนแรกเลย พอท่านบอกมาผมก็เอามา search ในปฏิทิน 100 ปี เพื่อจะให้เห็นว่าตรงกับวันไหน ดิสเครดิตตัวเองเปล่า ๆ ครับ 555+
-
เสริมสุดท้ายครับ
"เรื่องบางอย่างถึงจะรู้ไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาครับ รังแต่จะขัดแย้งกัน บางทีการปล่อยวางก็จะทำให้มีความสุขครับผม"
"การเปิดตาสองข้างเพื่อสอดส่องให้รู้แจ้ง แต่หากความรู้แจ้งนั้นทำให้จิตใจว้าวุ่น สับสน ขาดการควบคุมสติ สูญเสียสมาธิไป ลองปิดตาเสียหนึ่งข้างอะไร ๆ อาจดีขึ้น หรือไม่ก็หลับตาเสียบ้างจะเป็นการดี"
ขอบคุณมากครับ
-
ขอบคุณครับ ;D
ไม่ได้สงสัยอะไรแล้วครับ ขอบายครับผม ;)
คือว่าผมต้องขอขอบคุณที่คุณโอ๋ นำปฏิทินวันที่หลวงพ่ออุปสมบทมาให้ แต่จากประวัติของหลวงพ่อตามที่ต่าง ๆ ที่คัดลอกกันมานั้นผิดไปจากที่คุณโอ๋ บอกมา ๑ ปี กล่าวคือ ทั่วไปกล่าวไว้ว่าหลวงพ่ออุปสมบทวันที่ ๕ กรกฎาคา พ.ศ.๒๔๖๗ แต่คุณโอ๋บอกว่าหลวงพ่ออุปสมบทวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๘
เรื่องนี้ เป็นเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ที่ศิษย์ของหลวงพ่อควรจะรู้ไว้บ้าง ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร เดี๋ยวมาว่ากันต่อครับ
http://sitluangporguay.com/forum/index.php?topic=1986.0 (http://sitluangporguay.com/forum/index.php?topic=1986.0)
5555+ รู้ไหมครับ ว่าผมเอาปี 2468 มาจากที่ไหน
ผมก็เอามาจากท่านนั่นแหล่ะครับเพราะท่านบอกมาเองว่าหลวงพ่ออุปสมบทวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๘ โพสวันที่ 2 เมษายน 2012,เวลา 01:25:27 pm ลองย้อนกลับไปอ่านสิครับ คนแรกเลย พอท่านบอกมาผมก็เอามา search ในปฏิทิน 100 ปี เพื่อจะให้เห็นว่าตรงกับวันไหน ดิสเครดิตตัวเองเปล่า ๆ ครับ 555+
อ้าวเหรอ ผมก็ก็อปมาจาสกอีกที่หนึ่งครับ ไม่ได้มอง อิอิ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%A2_%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%BA%E0%B8%98%E0%B9%82%E0%B8%A3 (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%A2_%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%BA%E0%B8%98%E0%B9%82%E0%B8%A3)