กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย

โชว์พระเครื่อง วัตถุมงคล เกจิอาจารย์สายชัยนาท => โชว์พระเครื่อง วัตถุมงคล หลวงพ่อชื้น วัดเขาพลอง => ข้อความที่เริ่มโดย: หมูมหาเวทย์ ที่ กรกฎาคม 09, 2012, 04:41:12 am

หัวข้อ: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หมูมหาเวทย์ ที่ กรกฎาคม 09, 2012, 04:41:12 am
จั่วหัวแบบนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าอะไรหว่า ก็มีอะไรหรอกครับ เพียงอยากจะเล่า เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหลวงพ่อชื้น และวัดเขาพลอง รวมทั้งที่ไปที่มาของการสร้างวัด และเหตุผลสำคัญในการมาตั้งวัดที่เขาพลองแห่งนี้เท่านั้นเอง (ข้อมูลนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นางลัดดา เมฆสัจจากุล อดีตอาจารย์สอนวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ โรงเรียนชัยนาทพิทยาคม หลานสาวคนโตของหลวงพ่อชื้น ในปี พ.ศ. 2551 ก่อนเสียชีวิตไปไม่นานนัก โดยนางลัดดาจะเรียกหลวงพ่อชื้นว่า คุณตา)

ภายหลัง สมเด็จพระบรมครู หลวงพ่อเขาสาริกา หรือหลวงพ่อกบ ได้เผยแพร่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้ผู้ศรัทธาไม่เลือกชนชั้นวรรณะ โดยยึดแนวทางแห่ง ศีล สมาธิ ปัญญา มายาวนาน จนบั้นปลายชีวิต หลวงพ่อกบชราภาพมาก และศิษย์ฆราวาสคือ อาจารย์สาย ยอดสุวรรณ และอาจารย์ชื่น สดศรี ก็สุขภาพไม่ค่อยดีนัก จึงมอบหมายให้ คุณตา (หลวงพ่อชื้น สมัยยังไม่บวชพระ) ช่วยแบ่งเบาภาระในการสอนวิปัสสนา ซึ่งทำให้  คุณตา ต้องเดินทางไปๆมาๆระหว่างวัดเขาสาริกา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี และบ้านพักที่ จ.ชัยนาท

สมัยก่อนการเดินทางไม่สะดวกสบายเหมือนสมัยนี้ ทางรถยนต์ไม่ค่อยมี คุณตา จะตื่นตั้งแต่ตี 5 เดินเท้าจาก จ.ชัยนาท ไปขึ้นรถไฟที่สถานีตาคลี จ.นครสวรรค์ (ห่างจากบ้านชัยนาทประมาณ 25 กม.) ไปลงสถานีบ้านหมี่ จ.ลพบุรี จากนั้นเดินข้ามทุ่งนาไปวัดเขาสาริกา ทำแบบนี้อยู่หลายปี มีครั้งหนึ่งประมาณปี 2496 คุณตาพาลูกศิษย์จากชัยนาทไปกราบ หลวงพ่อกบ ที่วัดเขาสาริกา มีทั้งพระภิกษุและฆราวาส (คาดว่าเป็นกลุ่มหลวงพ่อบุญเกิด วัดเขาดิน) จนกระทั่งหลวงพ่อกบละสังขารในปี 2497

คุณตา จึงเปิดสอนวิปัสสนากรรมฐานที่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 4 ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท เป็นทางการ และว่างๆก็จะเข้ากรุงเทพฯ ไปหาหลวงพ่อโอภาสี กระทั่งหลวงพ่อโอภาสีละสังขารในปี 2498 จากนั้น คุณตา ก็ไม่ค่อยจะไปไหนมากนัก

ภายหลังคุณตาบวชพระที่วัดตะเคียนเลื่อน อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ได้ประมาณ 2 ปี ก็ลาสิกขา เพราะห่วงลูกหลานและลูกศิษย์  กระทั่งในปี 2509 คุณตาได้ปรึกษากับลูกศิษย์และญาติ ๆ ว่า ควรสร้างวัดไว้เป็นศูนย์รวมปฏิบัติธรรมน่าจะดีกว่าเป็นสำนัก ก็เลยมีคำถามกันว่า ที่ไหนดี ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ ลูกศิษย์ต่างพากันแยกย้ายหาสถานที่กันใหญ่ หลายเดือนก็ยังไม่ถูกใจสักแห่ง

คืนหนึ่ง คุณตา นั่งสมาธิหลายชั่วโมง ออกจากสมาธิก็เรียกลูกศิษย์มาบอกว่า “ที่เขาพลองนี่แหละดี เป็นที่เก่าที่แก่ เจ้าที่แรงและศักดิ์สิทธิ์ เขามาบอกยกที่ให้กูสร้างวัด จะได้สืบทอดพระศาสนาในภายหน้า” นั่นคือ ที่มาของการสร้างวัดเขาพลอง

(ต่อมามีการขุดพบหลักฐานทางโบราณคดีที่เขาพลอง ได้แก่ พลองหินโบราณ และภาชนะดินเผาเนื้อหยาบ เนื้อในมีสีคล้ำ บ่งชี้ว่าการเผาไม่สมบูรณ์ แสดงว่าเทคโนโลยีในการผลิตยังไม่สูงนัก คาดว่าเป็นชุมชนยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุหลายพันปี ซึ่งตรงกับที่หลวงพ่อชื้นเคยบอกว่า เป็นที่เก่าแก่ เจ้าหน้าที่แรงอย่างน่าประหลาด)

ส่วนที่มาของชื่อ “วัดปฐมเทศนาอรัญวาสี” คุณตาบอกว่า ยืนยันจะต้องเป็นชื่อนี้เท่านั้น เนื่องจากภายภาคหน้า สถานที่แห่งนี้จะมี พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ในอนาคตกาลมาประทับแสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรก ตอนนั้นไม่มีใครสงสัยอะไร คุณตา บอกให้ทำอะไร ลูกศิษย์และลูกหลานก็จัดการให้หมดทุกอย่าง

ตอนหลังลูกศิษย์มานั่งคุยกัน เอ๊ะ ท่านรู้ได้ยังไงหว่า ว่าตรงนั้นจะเป็นสถานที่แสดงธรรมเทศนาครั้งแรกของพระพุทธเจ้า รวมทั้ง เจ้าที่มาบอกยกที่ดินให้สร้างวัด หมายความว่าอย่างไร หมายความว่า หลวงพ่อชื้น สำเร็จญาณขั้นสูงและมีพลังจิตกล้าแกร่งไช่หรือไม่ มิฉะนั้นจะคุยกับเจ้าที่เจ้าทางได้อย่างไร หลายคนพยายามไปถามท่าน ท่านได้แต่ยิ้มๆไม่เคยอวดอ้างคุณวิเศษเหล่านั้นเลย

ที่น่าแปลกมากคือ การสร้างวัดเขาพลองจะต้องใช้เงินมหาศาล สมัยนั้นไม่ไช่หากันง่าย ๆ แต่ด้วยบารมีของ คุณตา จึงสามารถสร้างวัด สร้างศาลาการเปรียญ โบถส์ วิหาร กุฏิ พระเจดีย์บรรจุพระบรมสาริกธาตุ 2 แห่ง ทั้งบนยอดและเชิงเขา รวมทั้งพระพุทธรูปองค์ใหญ่ “พระพุทธอริยธัมโม” จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ได้อย่างเหลือเชื่อ แบบนี้ไม่ไช่ปาฏิหาริย์ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรแล้ว

ซึ่งหลังจาก คุณยาย (นางสำลี ธรรมชัย) ถึงแก่กรรม คุณตา บวชอีกครั้งที่วัดโคกเข็ม ย้ายมาอยู่ที่วัดเขาพลองและไม่สึกอีกเลย จวบจนมรณภาพในวันที่ 25 ต.ค. 2521 รวมอายุ 84 ปี.
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง”
เริ่มหัวข้อโดย: FAMEETA ที่ กรกฎาคม 09, 2012, 08:53:25 am
กราบหลวงพ่อครับ
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง”
เริ่มหัวข้อโดย: SODA 405 ที่ กรกฎาคม 09, 2012, 02:53:27 pm


     ....กราบนมัสการหลวงพ่อครับ! (http://www.gun.in.th/2012/Smileys/new/41.gif) (http://www.gun.in.th/2012/Smileys/new/41.gif) (http://www.gun.in.th/2012/Smileys/new/41.gif)
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หมูมหาเวทย์ ที่ กรกฎาคม 09, 2012, 04:02:40 pm
ขอบคุณทุกท่านครับ
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนวิจารณ์ ที่ กรกฎาคม 09, 2012, 04:27:59 pm
สาธุ สาธุ สุดยอดมาก แท้งกิ้วสำหรับข้อมูลดีๆแบบนี้ แสดงว่าหลวงพ่อคงเป็นพระอริยสงฆ์ ไม่ธรรมดาเลย
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ศิษย์มหาเทพ ที่ กรกฎาคม 12, 2012, 04:56:21 pm
พลังจิตแกร่งกล้าจริง ๆ พระดีน่านับถืออีกรูปหนึ่งของชัยนาท
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: predator ที่ กรกฎาคม 31, 2012, 11:17:34 pm
ตอนเด็กเคยได้ยินว่ามีการพบเจอหินลูกปัดหรือพลอยหลังเขาพลองอะไรทำนองนี้น่ะครับมีชาวบ้านไปขุดกันเยอะ เรื่องราวละเอียดเป็นยังไงใครทราบบ้างเล่าสู่กันฟังบ้างครับ
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ศิษย์มหาเทพ ที่ กรกฎาคม 31, 2012, 11:28:43 pm
อยากรู้เหมือนกันครับ ใครมีข้อมูลบ้าง แจมได้เลยครับ ;D ;D ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: กสิณไฟ ที่ กรกฎาคม 31, 2012, 11:47:31 pm
น่านดิ  ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: predator ที่ สิงหาคม 08, 2012, 10:49:28 am
เล่าสู่กันฟังครับ ประสพการณ์จริงสมัยเด็กๆเกี่ยวกับถ้ำที่เขาพลอง ลองหาข้อมูลในเนตเรื่องการพบลูกปัดโบราณที่เขาพลองไปเจอมาเล่าโดยหลวงตาหยอด อาภากะโรอยู่ที่วัดท่าพระชัยนาท ลองเสิร์ทข้อมูลดูครับคำว่า ขุมทรัพย์ถ้ำลับแลเขาพลอง ฟังแล้วขนลุกเลยเพราะมันตรงกับที่เจอ คือสมัยเด็กๆไปทำบุญกับแม่ที่เขาพลองตอนเด็กเห็นภูเขาไม่ได้ชอบมากชอบปีนป่ายเล่นไปเรื่อยและไปคนเดียว เลาะไปตามข้างเขาเรื่อยๆไปเจอถ้ำหนึ่งทุกวันนี้ยังจำได้ติดตา ปากถ้ำโอ่โถงแต่ทางเข้าจะติดกับเหวเวลาจะไปต้องเอียงตัวเอาหลังพิงหลังเขาแล้วค่อยๆสืบเท้าไป เดินเข้าไปนิดเดียวเองมีค้างคาวบินออกมาให้ตกใจไม่ได้เข้าไปลึกหรอกครับข้างในมันมืดตอนนั้นกลัวเหมือนกันก็เลยกลับ แล้วก็ไม่ได้มาเล่าให้ใครฟังเลยตอนเจอ ย้อนกลับมาเล่าถึงเรื่องแม่ผมซึ่งเรียนวิชากรรมฐานกับหลวงพ่อชื้นได้วิชาขั้นสาม(เรื่องนี้แม่เล่าให้ฟัง)นั่งสมาธิแล้วเกิดนิมิตร จิตล่องลอยขึ้นไปบนเขาไปเจอถ้ำๆหนึ่งข้างในมีคล้ายยายแก่หรือตาแก่ๆนี่แหละนั่งพนมมือพิงติดกำแพงถ้ำอยู่ครั้นเมื่อนั่งเสร็จเล่าให้ลูกศิษย์คนอื่นฟังก็มีแต่คนบอกว่าโกหก บางคนอยู่มาตั้งนานไม่เคยเห็นเขาพลองมีถ้ำนี้ เลยมีการท้าพิสูจน์กันขึ้นประมาณยี่สิบกว่าคนได้ขึ้นไปดูกัน ปรากฎว่ามีจริงๆตามนิมิตรด้านในมีหินคล้ายคนนั่งพนมมือติดผนังถ้ำอยู่ด้วย เมื่อลงกันมาไปถามเรื่องนี้กับหลวงพ่อชื้นดูท่านก็บอกว่าถ้ำน่ะมีจริงเป็นถ้ำพญานาคแล้วมันลึกไปทะลุถึงเพชรบูรณ์นู่นเรื่องราวครั้งนี้ลองถามจากคนเก่าคนแก่ที่เป็นลูกศิษย์ได้หรืออาจารย์เชื้อที่สอนวิปัสนาสายหลวงพ่อตอนนี้ ส่วนตัวผมเองไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นถ้ำเดียวกันกับที่ผมเจอหรือเปล่า แต่เมื่อปีที่แล้วแวะไปเยี่ยมเขาพลองมาลองขึ้นไปบนเขาเห็นมีป้ายเขียนบอกถ้ำเจ้าพ่อหินขาวหรือหินใหญ่อะไรนี่แหละลองไปดูบริเวณปากถ้ำแล้วปากถ้ำไม่ใหญ่ทางเข้าต้องมุดลงที่พื้นและทางเข้าด้านหน้าเป็นทางเดินได้สะดวกมันไม่ใช่ถ้ำที่ผมเจอสมัยเด็กๆแน่นอนและรีบด้วยจึงไม่ได้ตามหาอีกถ้ำ จึงทำให้มั่นใจว่าสิ่งที่หลวงตาหยอดเล่าว่ามีถ้ำสมบัติอีกจริงตามท่านว่าและได้นำออกมาอยู่ส่วนนึง ส่วนใครจะมองเห็นไหมคงแล้วแต่จิตของแต่ละคน ซึ่งที่ผมเห็นได้ไม่ได้หมายความว่าผมมีจิตแก่กล้าอะไรแต่คงเป็นเพราะว่าเด็กนั้นจิตบริสุทธิ์อยู่ เจ้าที่เจ้าทางอารักจึงเปืดให้เห็น ถ้ามีโอกาสจะลองไปตามหาอีกครั้งนึงครับซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: SODA 405 ที่ สิงหาคม 08, 2012, 11:13:51 am

    ....ขอบคุณที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังครับ! (http://www.peugeot4you.com/public/style_emoticons/default/thanks.gif)
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: carpenter43 ที่ สิงหาคม 08, 2012, 09:04:14 pm
เรื่องเล่าประสบการณ์หลวงพ่อชื้นสุดยอดเลยครับกราบหลวงพ่อชื้นที่เคารพครับ
หัวข้อ: Re: กว่าจะเป็น “เขาพลอง” ทุกวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หมูมหาเวทย์ ที่ สิงหาคม 08, 2012, 10:39:10 pm
เล่าสู่กันฟังครับ ประสพการณ์จริงสมัยเด็กๆเกี่ยวกับถ้ำที่เขาพลอง ลองหาข้อมูลในเนตเรื่องการพบลูกปัดโบราณที่เขาพลองไปเจอมาเล่าโดยหลวงตาหยอด อาภากะโรอยู่ที่วัดท่าพระชัยนาท ลองเสิร์ทข้อมูลดูครับคำว่า ขุมทรัพย์ถ้ำลับแลเขาพลอง ฟังแล้วขนลุกเลยเพราะมันตรงกับที่เจอ คือสมัยเด็กๆไปทำบุญกับแม่ที่เขาพลองตอนเด็กเห็นภูเขาไม่ได้ชอบมากชอบปีนป่ายเล่นไปเรื่อยและไปคนเดียว เลาะไปตามข้างเขาเรื่อยๆไปเจอถ้ำหนึ่งทุกวันนี้ยังจำได้ติดตา ปากถ้ำโอ่โถงแต่ทางเข้าจะติดกับเหวเวลาจะไปต้องเอียงตัวเอาหลังพิงหลังเขาแล้วค่อยๆสืบเท้าไป เดินเข้าไปนิดเดียวเองมีค้างคาวบินออกมาให้ตกใจไม่ได้เข้าไปลึกหรอกครับข้างในมันมืดตอนนั้นกลัวเหมือนกันก็เลยกลับ แล้วก็ไม่ได้มาเล่าให้ใครฟังเลยตอนเจอ ย้อนกลับมาเล่าถึงเรื่องแม่ผมซึ่งเรียนวิชากรรมฐานกับหลวงพ่อชื้นได้วิชาขั้นสาม(เรื่องนี้แม่เล่าให้ฟัง)นั่งสมาธิแล้วเกิดนิมิตร จิตล่องลอยขึ้นไปบนเขาไปเจอถ้ำๆหนึ่งข้างในมีคล้ายยายแก่หรือตาแก่ๆนี่แหละนั่งพนมมือพิงติดกำแพงถ้ำอยู่ครั้นเมื่อนั่งเสร็จเล่าให้ลูกศิษย์คนอื่นฟังก็มีแต่คนบอกว่าโกหก บางคนอยู่มาตั้งนานไม่เคยเห็นเขาพลองมีถ้ำนี้ เลยมีการท้าพิสูจน์กันขึ้นประมาณยี่สิบกว่าคนได้ขึ้นไปดูกัน ปรากฎว่ามีจริงๆตามนิมิตรด้านในมีหินคล้ายคนนั่งพนมมือติดผนังถ้ำอยู่ด้วย เมื่อลงกันมาไปถามเรื่องนี้กับหลวงพ่อชื้นดูท่านก็บอกว่าถ้ำน่ะมีจริงเป็นถ้ำพญานาคแล้วมันลึกไปทะลุถึงเพชรบูรณ์นู่นเรื่องราวครั้งนี้ลองถามจากคนเก่าคนแก่ที่เป็นลูกศิษย์ได้หรืออาจารย์เชื้อที่สอนวิปัสนาสายหลวงพ่อตอนนี้ ส่วนตัวผมเองไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นถ้ำเดียวกันกับที่ผมเจอหรือเปล่า แต่เมื่อปีที่แล้วแวะไปเยี่ยมเขาพลองมาลองขึ้นไปบนเขาเห็นมีป้ายเขียนบอกถ้ำเจ้าพ่อหินขาวหรือหินใหญ่อะไรนี่แหละลองไปดูบริเวณปากถ้ำแล้วปากถ้ำไม่ใหญ่ทางเข้าต้องมุดลงที่พื้นและทางเข้าด้านหน้าเป็นทางเดินได้สะดวกมันไม่ใช่ถ้ำที่ผมเจอสมัยเด็กๆแน่นอนและรีบด้วยจึงไม่ได้ตามหาอีกถ้ำ จึงทำให้มั่นใจว่าสิ่งที่หลวงตาหยอดเล่าว่ามีถ้ำสมบัติอีกจริงตามท่านว่าและได้นำออกมาอยู่ส่วนนึง ส่วนใครจะมองเห็นไหมคงแล้วแต่จิตของแต่ละคน ซึ่งที่ผมเห็นได้ไม่ได้หมายความว่าผมมีจิตแก่กล้าอะไรแต่คงเป็นเพราะว่าเด็กนั้นจิตบริสุทธิ์อยู่ เจ้าที่เจ้าทางอารักจึงเปืดให้เห็น ถ้ามีโอกาสจะลองไปตามหาอีกครั้งนึงครับซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่
สุดยอด