กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย
โชว์พระเครื่อง วัตถุมงคล เกจิอาจารย์สายชัยนาท => โชว์พระเครื่อง วัตถุมงคล เกจิอาจารย์สายชัยนาท ทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: ฝุ่นดิน ที่ มีนาคม 12, 2009, 07:49:25 pm
-
ในอดีตย้อนไปซัก 40-50 ปีในแถบหนองมะโมงนี้ค่อนข้างจะทุรกันดาร หรือแทบจะเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ไกลปืนเที่ยง ชุกชุมไปด้วยโจรปล้นวัวปล้นควาย ไกลหูไกลตาไกลตำรวจ ไกลเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไกลหมอ ไกลความเจริญ ผู้หนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นที่พึ่งพิงของคนทุกชนทุกชั้นในแถบนี้ ผู้เป็นทั้งพระ ทั้งหมอ ทั้งผู้รักษาความยุติธรรม และทั้งเป็นมิ่งขวัญที่คอยขจัดภยันตรายพระขวัญใจชาวบ้านรูปนั้นรู้จักกันในนาม “หลวงพ่อเกิด แห่งวัดเขาดิน”
-
หลวงพ่อเกิด หรือพระครูอุดมชัยกิจ เจ้าอาวาสวัดเขาดิน ต.หนองมะโมง อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท นามเดิม บุญเกิด จันทรา เป็นบุตรของนายกรม จันทรา นางสี จันทรา เกิดเมื่อวันที่ ๔ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๕ ณ บ้านเขาดิน ต.หนองมะโมง อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท อุปสมบทเมื่อ วันที่ ๕ ธ.ค. พ.ศ.๒๔๙๕ ณ พัทธสีมาวัดเขาดิน โดยมีพระครูสิงหชัยสิทธิ์(เจริญ) วัดป่าพาณิชย์ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสมทบ วัดศรีสโมสร ต.กุดจอก อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการบรรจง วัดเขาดิน ต.หนองมะโมง อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปัณฑิโตภิกขุ” หมายถึง “ผู้เป็นบัณฑิตมีปัญญาฉลาดรอบรู้”
ในปี ๒๔๙๕ หลังจากอุปสมบทแล้วได้จำพรรษาฉลองศรัทธาโยมบิดาโยมมารดา ณ วัดเขาดิน ประจวบเหมาะกับในปีนั้นท่านเจ้าขุนวาปินทร์ปรีชา (หรือเจ้าขุนฯเล็กกำนันตำบลหนองขุ่น)ศิษย์ฆราวาสรุ่นอาวุโสของหลวงปู่ศุขอีกท่านหนึ่ง สำหรับเจ้าขุนฯเล็กท่านนี้เป็นผู้ที่ทำเกวียนขนาดเล็กแห่ศพหลวงปู่ศุขมาบำเพ็ญกุศลยังวัดหนองขุ่น ขากลับได้แห่ศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองบัวก่อนที่จะแห่กลับวัดปากคลองฯ ซึ่งในปีนั้นมีฤกษ์เสาร์ ๕จึงได้จัดพิธีไหว้ครูเสาร์ 5 ขึ้นและเป็นการจัดพิธีครั้งยิ่งใหญ่กว่าพิธีไหว้ครูครั้งอื่นๆ โดยเจ้าขุนวาปินทร์ได้เปิดโอกาสถ่ายทอดวิชาอาคมให้แก่ผู้สนใจศึกษาด้วยตัวท่านเอง ใครสนใจในด้านใดก็เลือกเรียนเอาตามความพอใจแต่จะต้องทำให้สำเร็จในวันนั้นจึงจะได้รับการครอบครู หลวงพ่อเล่าว่ามีทั้งวิชาเสกหุ่นชกกัน เสกข้าวสารให้เป็นกุ้ง สารพัดวิชาเพื่อนของท่านเรียนวิชาเสกหุ่นชกกัน แต่ท่านเห็นว่าเป็นวิชาปอบให้โทษได้ ท่านจึงเลือกเรียนวิชาที่ให้คุณฝ่ายเดียวและสงเคราะห์ผู้อื่นได้นั่นคือวิชารักษาหมาบ้าซึ่งเป็นวิชาที่สร้างชื่อให้กับเจ้าขุนวาปินทร์ฯเป็นอย่างมากในสมัยนั้น เพราะสามารถรักษาช้างของคหบดีท่านหนึ่งที่ถูกหมาบ้ากัดจนคลุ้มคลั่งให้หายเป็นปกติได้เพียงแค่ใช้น้ำมนต์เพียงขันเดียว วิชารักษาหมาบ้านี้ใช้วิธีลงยันต์"เฑาะว์"เรียกสูตรกำกับคาถา ซึ่งนอกจากใช้รักษาพิษหมาบ้าได้ยังมีอานุภาพในทางคลาดแคล้วคงกระพันกันอาวุธอีกด้วย จึงมักพบยันต์เฑาะว์นี้ในวัตถุมงคลของท่านแทบทุกชนิด และในวันนั้นก็มีท่านเพียงองค์เดียวที่เรียนสำเร็จและได้รับการประสิทธิ์ประสาทจากท่านเจ้าขุนวาปินทร์ฯ
ในปี 2496 ท่านไปศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักวัดสิงห์สถิต และได้ศึกษาตำรับวิชาของหลวงปู่ศุขที่เป็นสมบัติตกทอดของวัดสิงห์สถิต ซึ่งมีอยู่เคล็ดวิชาหนึ่งที่ท่านทำได้ตั้งแต่ในพรรษาต้นๆ อย่างเช่นการทดลองวิชาหายตัว ซึ่งมีปริศนาซ่อนอยู่ในวิชานั้นว่า "ไม่มีไม้อยู่ใกล้กรณีย์" ใครคิดได้ย่อมสำเร็จตามปารถนา เมื่อท่านนำไปใคร่ครวญในสมาธิแล้วก็สามารถไขปริศนานั้นได้เป็นคาถาสำหรับบริกรรม ๔ ตัวคือ "ยะถะสะนะ" ถอดออกจากบทกรณียสูตร โดยดึงออกมาเฉพาะตัวที่ไม่มีสระ(ซึ่งโบราณเรียกว่าไม้เช่นไม้หน้า(เ) ไม้ลากข้าง(า) ไม้ตีนคู้( ู) ไม้ตีนเหยียด( ุ)เป็นต้น) ท่านทดลองทำตามวิชานั้นแล้วเขียนอักขระทั้ง ๔ ตัวลงที่ก้นบาตรแล้วบริกรรมปลุกเสกตามวิธี ปรากฏว่าเช้าวันนั้นชาวบ้านใส่บาตรข้ามท่านไปหมด สร้างความประหลาดใจแก่หมู่เพื่อนภิกษุที่ร่วมบิณฑบาต นอกจากนั้นก็ได้ศึกษาวิชาการใช้ธาตุสี่เสกขี้ผึ้งจากหมอเฒ่าสุขซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ศุข ท่านเล่าว่าหมอเฒ่าท่านนี้สามารถเสกขี้ผึ้งที่เป็นก้อนให้ละลายในมือได้และเสกขี้ผึ้งที่ละลายแล้วให้แข็งขึ้นได้
-
ประวัติตั้งแต่ปี ๒๔๙๖ เป็นต้นไปแก้ไขแล้วอยู่หน้าที่ ๖ นะครับ
-
ยอดเยี่ยมมากครับ...
-
ข้อมูลยอดเยี่ยมมากครับ หลวงพ่อเกิดท่านไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยเลยแม้แต่น้อยและยังครองตัวอยู่ในพระศาสนามาโดยตลอดทำคุณประโยชน์แก่วัด ชุมชนมาโดยตลอดครับ
-
ยอดเยี่ยมครับ นานมากที่รอคอยผู้ทราบประวัติท่านได้ละเอียดขนาดนี้
-
พอมีเก็บไว้บ้างไม่กี่องค์...ขอร่วมโชว์ด้วยครับ
-
;D ;D ;D
-
:D :D :D
-
:D :D :D
-
:o :o :o
-
:o :o :o
-
:o :o :o
-
:o :o :o
-
:o :o :o
-
:o :o :o
-
ปิดท้ายรายการด้วยแหวกม่านครับ
-
ขอบคุณครับทุกท่านที่เข้าเยี่ยมชมบารมีหลวงพ่อ องค์นี้การันตีพระดี พระแท้ แต่ไม่ยอมเปิดตัวครับท่านรักสันโดษอยู่อย่างสมถะซึ่งมันจะทำให้มันสัปปายะต่อการประพฤติปฏิบัติของท่านมากกว่า พิธีพุทธาภิเศกใหญ่ๆระดับประเทศหลายๆงานเคยมีคนมานิมนต์ท่าน แต่ท่านไม่รับนิมนต์แต่ก็เมตตามอบแผ่นจารและมวลสารให้ไปแทน ท่านว่าไม่ต้องเอาตัวไปหรอก เอาใจเสกก็เอาใจไปง่ายกว่า
ของพี่ tunya อลังการมากครับชื่นใจครับที่ยังมีศิษย์หลวงพ่อตัวจริง เสียงจริง เหนียวแน่นขนาดนี้ช่วยๆกันแจมข้อมูลครับเพื่อเผยแพร่กิตติคุณของพระที่ระดับประเทศควรรู้จัก
-เหรียญรุ่นแรกปี 19 สวยครับโดยเฉพาะเนื้ออัลปาก้าแจกกรรมการสภาพเดิมๆโบว์ติดสมบูรณ์แบบ หลวงพ่อเจ๋งไม่เจ๋งยุคนั้นสมัยนั้นวัดบ้านป่าผาดอยแบบนี้เหรียญรุ่นแรกนี่มีเนื้อทองคำด้วยนะครับ
-
- ส่วนพระเนื้อตะกั่วเรียกกันติดปากว่ารุ่น โดดบาตร เนื่องจากในขณะเสกและทำการประพรมน้ำมนต์อยู่นั้นพระที่อยู่ในบาตรก็เกิดโดดเด้งออกมาข้างนอกอยู่หลายองค์ สำหรับพระรุ่นนี้สร้างและเสกเดี่ยวเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2507-2509 และนำเข้าพิธีเสกใหญ่ในปี 2509 อีกครั้ง มีทั้งแบบตัวหนังสือตั้งและตัวหนังสือนอน พระรุ่นนี้มีทั้งเก๊และเสริมครับควรศึกษาให้กระจ่างก่อนสะสม (ของพี่ tunya องค์ล่างซ้ายมือเป็นพิมพ์เสริมครับนอกนั้นเก่าสวยทุกองค์ครับ)
- ส่วนสมเด็จอกร่องหูบายศรีฐาน 9 ชั้นด้านหลังตอกยันต์เฑาะว์และอักษรจารึกว่า ที่ระลึก วัดเขาดิน รุ่นนี้ในหมู่ศิย์เรียกว่ารุ่นกอข้าวครับเนื่องจากมีคนเผาซังข้าวแล้วปรากฎว่าเหลือกอข้าวอยู่กอหนึ่งไม่ไหม้ไฟ พอแหวกดูจึงพบว่ามีพระสมเด็จหลวงพ่อรุ่นนี้ตกอยู่กลางกอจึงเป็นที่มาของชื่อรุ่นครับอีกประสบการณ์ที่ได้ยินก็คือ อาจารย์เต๊ะชาวบ้านบ้านกุดจอกทำการทดลองยิงด้วยปืนลูกโม่ปรากฎว่ายิงกันจนหมดโม่ก็ไม่มีออกเลยสักนัด ภายหลังจึงมาทำการขอขมาหลวงพ่อ ข้าพเจ้าเคยถามว่าทำไมจึงยิงไม่ออกหลวงพ่อเสกยังไงใช้คาถาบทไหน ท่านก็ยิ้มไปหัวเราะไปและบอกเพียงว่า เทวดาเขารักษาดี
- เหรียญหล่อเนื้อชินตะกั่วด้านหน้าท่านถอดพิมพ์มาจากเหรียญหล่อ 2 หน้าของหลวงปู่ศุขซึ่งด้านหลังจะเป็นรูปหลวงพ่อคง วัดบางกะพี้ แต่ของหลวงพ่อเกิด จะจารึกด้านหลังจารึกยันเฑาะว์ตำรับหลวงปู่ศุขที่ท่านสืบทอดมาจากเจ้าขุนวาปินทร์ปรีชา และขนาบด้วยพุทโธขึ้นยอดอุณาโลมทั้งสองข้าง ด้านล่างระบุว่า ปัณฑิโตภิกขุ ไว้เป็นสัญลักษณ์ถือว่าเป็นเหรียญหล่อรูปท่านรุ่นแรกของท่านครับน่าจะสร้างพร้อมกันกับเหรียญพระพรหมสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดในราวปี 2511
- เหรียญพระพรหมทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดเนื้อชินตะกั่ว ด้านหลังปรากฎพระพุทธปางลีลาประทับอยู่ตรงกลางด้านซ้ายลงด้วยยันต์นะขึ้นยอดอุณาโลมใต้ยันต์มีตัวอุ ด้านขวาลงด้วยยันต์เฑาะว์ใต้ยันต์มีตัวอุ ด้านล่างสุดระบุไว้ชัดเจนว่า ปัณฑิโตภิกขุ หากสังเกตแล้วจะเห็นได้ว่าเนื้อหาและศิลปะมีลักษณะสอดคล้องกับนารายณ์ทรงครุธของหลวงพ่อนะ วัดหนองบัวซึ่งก็คงจะเป็นผลงานของหลวงตาตุ่นเช่นเดียวกัน
วันนี้มีแต่ข้อมูลครับไม่มีรูปภาพประกอบเดี๋ยวขอเวลานิดครับแล้วจะต่อเติมให้สมบูรณ์ตามสติกำลังและโอกาสเวลาที่จะเอื้อ
-
ขอบคุณ คุณfoondin มากครับกับข้อมูลเกื่ยวกับหลวงพ่อเกิด ทั้งประวัติและการสร้างวัตถุมงคล
ที่ละเอียดมากๆ ไม่เคยทราบที่ใดมาก่อนเลย ยอดเยี่ยมมากครับ....
-
ต้องขอบคุณผู้เฒ่าผู้แก่และขอบคุณหลวงพ่อมากกว่าครับ เพราะข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากการซักไซ้สอบถามโดยตรงกับผู้เกี่ยวข้องในด้านต่างๆ ถ้าเป็นไปได้จริงๆอยากรวบรวมให้เป็นรูปเล่มมากกว่าครับแต่ก็เป็นโครงการระยะยาวเท่าที่โอกาสและเวลาจะอำนวย
จึงขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นแบ่งปันข้อมูลหรือเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับองค์ท่านได้อย่างเต็มที่ครับ อยากให้เป็นข้อมูลสดๆจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่อยากให้เป็นข้อมูลที่พวกกลุ่มอิงผลประโยชน์มายกเมฆนั่งเทียนเขียนขึ้นภายหลัง คงจะฉายหนังกันสนุกมือ ตอนนี้ทุกท่านยังมีโอกาสอยากให้ร่วมกันจารึกประวัติศาสตร์ที่เป็นข้อเท็จจริงร่วมกันครับ
-
ครับดีใจจริงๆครับที่มีคนที่จารึกคุณงามความดีในหลวงพ่อบุญเกิดไว้โดยละเอียดและเป็นประโยชน์มาก คุณปู่ผมก็เป็นโยมอุปฐากคนหนึ่งครับชื่อกำนันอุบล จันทร์ศรี เป็นคนนิมนต์หลวงพ่อเกิดมาจากเขาตะพาบครับ พี่ชายปู่ชื่อกำนันประสิทธิ์อยู่กุดจอกครับ น่าจะเคยได้ยินชื่อบ้าง ส่วนคุณพ่อผมเป็นลูกศิษย์ของท่าน สักยันต์ กินว่านกับท่านมีวัตถุมงคลตกถึงผมจำนวนหนึ่งเก็บอยู่จนปัจจุบันนี้ครับ
-
ผ้ายันต์และประเจียด
-
เป็นของพ่อครับ
-
พระประจำวันเรียงเป็นตับ จารบนพลาสติกครับ
-
เหรียญไหว้ข้างผมคล้องสมัยเด็กๆแจกงานฌาปณกิจศพคุณพ่อผมเมื่อปี ๒๕๒๓ ผมบวชเณรกับท่านในปีนี้และอีกครั้งตอนงานศพคุณปู่ปี ๒๕๓๗ ครับ
-
ครับหลวงพ่อถือว่าเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ดีรูปหนึ่งในปัจจุบัน
-
เพิ่มเติมนิดนึงครับ ข้อมูลบางส่วนอาจคลาดเคลื่อน หลวงพ่อกบมรณภาพ 2497 ฉะนั้นในปี 2498 พระอาจารย์ชื้น ไม่น่าจะพาหลวงพ่อบุญเกิดไปพบหลวงพ่อกบที่วัดเขาสาริกาได้ เป็นไปได้ที่ปี พ.ศ.อาจเพี้ยนไปครับ
-
ประวัติหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลูกศิษย์ในสายท่านส่วนใหญ่มักเรียกว่า สมเด็จพระบรมครู หลวงพ่อเขาสาริกา หรือหลวงพ่อเขาสาริกา
หลวงพ่อกบ เป็นใครมาจากไหน ? ไม่มีใครทราบแน่ชัด รู้จากคนใกล้ชิด คนแก่ในหมู่บ้าน ท่านบอกได้เพียงว่าเป็นพระธุดงค์ รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว เชื้อสายจีน มาจากทางแม่น้ำน้อย ประมาณ ปี พุทธศักราช 2430 ได้มาจำวัดอยู่ที่วัดเขาสาริกา หมู่ ุ6 ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นวัดเก่าๆ อยู่ในหมู่บ้านเขาสาริกา หมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากอำเภอบ้านหมี่ประมาณ 8 กิโลเมตร ในสมัยนั้นไม่มีรถ ต้องเดินทางด้วยเท้า เมื่อมาพักที่วัดนี้แล้วก็ไม่พูดกับใคร ได้แต่บำเพ็ญเพียรภาวนา เจริญสมถวิปัสสนา ไม่สนใจจะทำความรู้จักกับใคร แม้แต่กับพระภิกษุภายในวัด ท่านปฏิบัติเช่นนี้ประมาณ 10 ปี เริ่มมีคนพูดถึงกิติสัพท์ของท่านมากขึ้น โดยมีชาวบ้านต่างถิ่นเริ่มเดินทางมาหาท่าน มานมัสการ เอาภัตตาหารมาถวายท่านถึงวัด บางคนมาถามหาบอกว่าเคยใส่บาตร เคยสนทนาพูดคุยด้วย ทำให้ชาวบ้านเขาสาริการู้สึกแปลกใจ เพราะว่าท่านไม่เคยออกไปไหนเลย ทำไมคนต่างถิ่นรู้จักท่านได้อย่างไรยิ่งนานวัน ยิ่งมีผู้คนมามากขึ้น ท่านเองก็ยังไม่ยอมพูดคุยกับใครยังคงปฏิบัติเช่นเดิม ฉันภัตตาหารเพียงเล้กน้อย ใครนำเงินมาถวายท่านก็เผาเสีย ไม่สนใจใยดีกับแก้วแหวนเงินทองแต่อย่างใด ซึงหมายถึงเป็นการเผากิเลส
ประมาณปี พุทธศักราช 2450 วัดเขาสาริกาเริ่มทรุดโทรม พระย้ายไปจำวัดที่อื่นหมด เหลือเพียงหลวงพ่อกบองค์เดียว ทางการจึงได้ยุบวัดเขาสาริกา และให้หลวงพ่อกบลาสิกขาบท ท่านจึงนุ่งขาว ห่มขาวเป็นชีปะขาว แต่ยังคงปฏิบัติตามแบบอย่างพระทุกประการ เริ่มมีการพูดคุยกับผู้มานมัสการบ้างเล็กน้อย แต่การพูดคุยกลับเป็นว่าท่านรู้ความคิดผู้ที่คุยด้วยว่าต้องการอะไร มีชายคนหนึ่งที่ท่านบอกให้เดินทางไปทำมาหากินทางเหนือ ปรากฎว่าภายหลังชายคนนั้นได้เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต มาทุกวันนี้ และทุกวันชายคนนี้ยังคงกราบไหว้ นับถือหลวงพ่อกบมาเท่าทุกวันนี้ มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ท่านบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ได้เกิดฝนตก ฟ้าร้องอย่างหนัก บรรดาลูกศิษย์เตรียมตัวหนีออกจากกุฏิ เพราะเกรงว่าจะพัง ท่านบอกว่าไม่ต้องไปเดียวก็หยุด พักเดียวฝนก็หยุด และมีเสียงกบร้องลั่นทุ่ง หลวงพ่อรู้เท่าทันความคิดของศิษย์จึงบอกให้ไปจับกบมาแกงกิน ลูกศิษย์ดีใจจึงไปไล่จับกบ แต่กลับไม่ได้เลยสักตัวเดียว หลวงพ่อจึงไปจับให้เอง เดี๋ยวเดียวได้กบมาเต็มตะค่อง ส่งให้ลูกษิศย์ แล้วสั่งว่าถ้ากินไม่หมดให้ปล่อยไป ลูกศิศย์ไม่เชื่อแอบเอาใส่ไหซ่อนไว้ พอรุ่งเช้ากลับกลายเป็นใบไม้ สร้างความงุนงงให้กับบรรดาลูกษิศย์เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่มาของชื่อหลวงพ่อกบ
หลวงพ่อกบท่านได้สอนเป็นปริศนาธรรมไว้หลายอย่าง เช่น ชั่งเขา ชั่งมัน การเขียนเลข ๑ หรือกากบาทตามภาชนะเครื่องใช้ ท่านยังบูชาไฟลูกศิษย์จึงได้นำน้ำมัน และตะเกียงมาถวายมากมาย สิ่งของที่ท่านได้มาก็จะทำการเผาทิ้งหมด เพราะว่าสิงของทั้งหมดเป็นกิเลส กุฏิที่ท่านพักอาศัยก็ทำด้วยไม้ไผ่สับฟาก โดยบอกว่ามีหูมีตา ท่านจะมองเห็นข้างนอกได้ดี และนำหินมากองใต้กุฏิและบอกว่าท่านได้อยู่บนเขาแล้ว เวลาฉันภัตตาหารก็จะเทเศษอาหารที่เหลือให้กับนกหนูที่อยู่ในกองหินนั้นเป็นประจำ ซึ่งแสดงว่าท่านได้ละซึ่งกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ไม่สนใจใยดีกับสิ่งนอกกาย สร้างบารมีโดยการให้ทาน และมีครั้งหนึ่งที่ท่านได้นอนตากแดดเจ็ดวันเจ็ดคืน โดยไม่เป็นอะไรเลย ผู้คนเชื่อว่าท่านสามารถแยกร่างได้
เมื่อถึงพุทธศักราช 2497 ท่านได้ละสังขารที่กุฏิวัดเขาสาริกานั่นเอง เป็นที่น่าแปลกใจที่หลวงพ่อโอภาสี จากสำนักพุทธญาณโอภาสี บางมด มีญาณหยั่งรู้ถึงกันว่าหลวงพ่อกบละสังขารแล้ว และท่านได้มาจัดการฌาปนกิจศพให้กับหลวงพ่อกบด้วย เชื่อกันว่าทั้งสองท่านได้ติดต่อกันทางจิต คณะศิษย์หลวงพ่อกบจึงได้ตั้งเป็นสมาคมศิษย์หลวงพ่อเขาสาริกา มีกิจกรรมทางศาสนาสืบต่อกันมาจวบเท่าทุกวันนี้
และพระอาจารย์ชื้น ก็เป็นหนึ่งในลูกศิษย์หลวงพ่อกบและเป็นศิษย์รุ่นน้องหลวงพ่อโอภาสีครับ
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ นะครับ
-
สุดยอดครับ
-
;) อ้าว คุณมนตรี ยินดีต้อนรับไปไงมาไงมาโผล่เวปนี้ ;D ว่างๆโทรหาหน่อยนะ
-
สวัสดีครับพี่สำนักจันทร์...ผมเข้ามาเว็ปนี้จาก Google พิมพ์ คำว่า "ประวัติหลวงพี่บุญเกิด" ครับ
ดีใจ ที่ได้เจอพี่ครับ. ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับพี่
-
ได้เลยเจ้าน้องชาย ในนี้มีแหล่งข้อมูลให้ศึกษาเยอะครับมีอะไรให้ช่วยบอกได้เลย ;)
-
ข้อมูลเอกสารตอนนี้อยู่ในช่วงเรียบเรียงครับ ชมข้อมูลภาพวัตถุมงคลไปก่อนนะครับ ส่วนรายละเอียดวัตถุมงคลในแต่ละรุ่นสนใจสอบถามได้ครับจะตอบเป็นรายการๆไป เท่าที่พอทราบนะขอรับ
เริ่มด้วยชุดรูปถ่ายก่อนนะครับ รูปแรกเป็นรูปที่ติดกับใบอนุโมทนาบัตรประสบการณ์สูงมากครับ รูปนี้หลวงพ่อจารเต็มสูตร แล้วก็ตามด้วยวัตถุมงคลชุดเนื้อตะกั่ว ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุมงคลในยุคแรกๆทั้งสิ้น
-
ชุดตะกั่วบางส่วนครับ
-
ลิงลมตัวเก่งอีกหนึ่งชิ้นที่หายากและมากประสบการณ์ขอรับ
-
พิมพ์โมคัลลา-สารีบุตร ถอดพิมพ์จากพระพิมพ์ของ ลพ.แดง ทุ่งคอก แต่ด้านหลังมีฉายาท่าน ปัณฑิโตภิกขุ ยันต์เฑาะว์ และคาถาประจำตัวท่าน อิสวาสุ ติฆายะ
และลีลา หลังยันต์ นะโม
-
พระสังกัจจายน์ถอดพิมพ์วัดสุทัศน์แต่ของท่านจะมีแต่เนื้อตะกั่วเท่านั้นจะมีอยู่สองแบบคือ 1.คราบน้ำมนต์ 2.พ่นเงิน-พ่นทอง
และพิมพ์ ไตรโลกนาถ
-
พิมพ์หลวงปู่ครับมีทั้งพิมพ์หลังยันต์ใบพัด และหลังยันต์แบบยันต์ด้านหลังเหรียญหันข้างพนมมือปี 22
-
วัตถุมงคลยุคแรกบรรจุใต้ฐานพระประธานบนยอดเขาเมื่อปี พ.ศ.2508 ส่วนใหญ่เป็นพระถอดพิมพ์จากพระพิมพ์ต่างๆเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเนื้อดินผสมว่านและมวลสารอาถรรพ์อีกมากมาย
-
ด้านบนคือ พิมพ์พระแก้วมรกต พิมพ์พระสิวลี พิมพ์หลวงพ่อโอภาสี พิมพ์พระนารายณ์ ต่อด้วย พิมพ์เสมาคว่ำ พิมพ์25ศตวรรษ พิมพ์ ลป.ชู วัดนาคปรก พิมพ์ขุนแผนเล็ก
-
วันนี้นำเสนอมีดหลวงพ่อเกิด วัดเขา จ.ชัยนาทครับ
-
ใครมีประสบการณ์ วัตถุมงคล หรือความคิดเห็นอื่นใดร่วมแจมได้ตลอดนะครับ แล้วจะอัพเดทข้อมูลเรื่อยๆจนกระทั่งสมบูรณ์ครับ
-
มีดแพงไหมครับ 089-0897298
-
มีดแพงไหมครับ 089-0897298
ขอบคุณครับคุณ Kron ที่เข้ามาเยี่ยมชม มีดหลวงพ่อและวัตถุมงคลรุ่นต่างๆของท่านตอนนี้ยังไม่มีสนนราคามาตรฐานครับ เป็นพระที่ยังไม่ได้มีการซื้อขายในท้องตลาดทั่วไป จะมีก็ในหมู่ลูกศิษย์ท่านที่ปารถนาจะได้วัตถุมงคลรุ่นเก่าๆยุคแรกๆหรือชนิดที่สร้างไว้ในจำนวนน้อย ใครอยากได้ก็อาจมีการสู้ราคากันแรงพอสมควรอย่างมีดรุ่นนี้สร้างไม่กี่เล่มครับ เคยมีลูกศิษย์บุกซื้อเปลี่ยนมือกันในราคา 4500 บาท แต่ในส่วนตัวผมเองผมให้พวกกันฟรีไป 1 เล่ม และหากไปเจอตามแผงพระทั่วไปอาจจะได้ในราคา 7-800 ก็ได้ครับ
และอีกวัตถุประสงค์หนึ่งก็คือผมต้องการเผยแพร่ท่านเพื่อให้สังคมในวงกว้างได้รู้จัก และเพื่อให้คณะศรัทธาในองค์ท่านได้มีแนวทางในการสะสมวัตถุมงคลของท่าน ไม่ได้มีเจตนาในการค้าขาย เพียงแต่ให้คำแนะนำเท่าที่ทราบได้บ้าง ส่วนวัตถุมงคลของท่านผมเองเจอก็เก็บเรื่อยๆครับ ถ้ามีมากกว่าหนึ่งก็อาจจะแบ่งให้กับคนที่ศรัทธาท่านจริงๆ ส่วนรายการนี้เหลือเล่มเดียวขอเก็บครับ สนใจเมล์มาคุยได้ครับ(foondin@hotmail.com)อาจแนะนำวิธีอื่นให้ท่านได้[/size][/color]
-
อยากทราบราคาเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อเกิด ปี19 เล่นหากันราคาเท่าไรมีกี่เนื้อ ช่วยตอบหน่อยนะครับ ;)
-
อยากทราบราคาเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อเกิด ปี19 เล่นหากันราคาเท่าไรมีกี่เนื้อ ช่วยตอบหน่อยนะครับ ;)
เหรียญปี19สร้าง3เนื้อครับ เนื้อทองคำ(ไม่ถึง10เหรียญ พระบ้านป่าผาดอยในสมัยนั้นมีเนื้อทองคำนับว่าไม่เบานะคับ) เนื้ออัลปาก้าติดโบว์แจกกรรมการ และเนื้อทองแดงรมดำครับ(แต่เนื้อทองแดงนี้หลวงพ่อชอบเอาสีสเปย์พ่นมีหลายสีครับแล้วแต่อารมณ์ท่านว่างั้นเถอะ) ที่พอทราบชัดเจนที่สุดก็เนื้ออัลปาก้าราคาอยู่ที่ 1500-3000 บาทแล้วแต่สภาพขอรับ
-
ขอบคุณมากครับ ผมได้เนื้ออัลปาก้าจากญาติที่ชัยนาทให้มา7เหรียญไม่รู้ว่าแท้หรือเปล่ามีของปลอมออกมาหรือยัง เสียดายที่ไม่มีกล้องไม่อย่างนั้นจะได้ลงภาพให้พี่ช่วยดูหน่อย ผมเพิ่งหัดสะสมพระสายชัยนาทเลยไม่ค่อยรู้
-
.ดึกแล้วลงภาพวัตถุมงคลให้ดูต่อครับ วันนี้นำเสนอผ้ายันต์ชายธงอันโด่งดังของท่าน ประสบการณ์มากและหาชมยากมากครับ
-
ตามด้วยชุดรูปหล่อรุ่นแรก และรุ่นสอง ซึ่งสร้างในปีเดียวกันเนื่องจากบล๊อครุ่นแรกแตกปริมาณไม่พอที่จะออกให้ทำบุญในงานประจำปี เลยแกะบล๊อครุ่นสองเทออกมาได้ซักจำนวนหนึ่งก็แตกอีก ก็เลยเอวัง
เริ่มด้วยรุ่นแรกภาษาตลาดเรียกเนื้อเงินยวง แต่จริงๆแล้วทำจากโลหะที่หลอมมาจากเสื้อสูบและลูกสูบรถ เทออกมาได้ไม่มากครับสมัยนั้นหลวงพ่อแจกอย่างเดียวไม่มีการจำหน่าย ท่านเป็นพระใจดีครับใครขอเป็นสิบท่านก็ให้เป็นสิบ แต่ไอ้เราเข้าตำราใกล้เกลือกินด่างเลยต้องมาหาซื้อเอาทีละองค์สององค์
-
รุ่นสองมีห้าเนื้อครับ
1.เนื้อทองดอกบวบ(เนื้อเหมือนโลหะแก่ทอง)
2.เนื้อเงิน
3.เนื้ออัลปาก้า
4.เนื้อทองเหลือง
5.เนื้อปรอท(เนื้อนี้เสกนานและสร้างน้อยครับหลวงพ่อไม่ได้ออกให้บูชาในงานวัดแต่ท่านนำออกมาแจกภายหลัง)
วันนี้ขาดเนื้อเงินกับทองเหลืองเพิ่งสมนาคุณผู้มีจิตศรัทธาไปเมื่อปีที่แล้วตอนนี้หมดเลยครับและยังไม่รู้เนื้อเงินจะยังเจออีกรึป่าว ใครมีอนุเคราะห์ได้นะครับ
-
องค์แรกข้างบนเนื้อทองดอกบวบครับ
องค์ที่สองเนื้ออัลปาก้า(มีส่วนผสมของเงินกับทองเหลืององค์นี้แก่ทองเหลืองไปหน่อย)
องค์ที่สาม เนื้อปรอทครับเจ๋งมากๆ
-
เฝ้าติดตามครับ
-
ขอบคุณครับพี่คางเครา ที่เข้ามาเยี่ยมชมเป็นเกียรติ์อย่างยิ่งขอรับ อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้กับคนปัดฝุ่น นำเสนออีกหนึ่งเครื่องรางจอมฉมังอีกทั้งยังหายากอีกชิ้นครับ กุมารไม้แกะยุคแรกของหลวงพ่อ ดูจากงานแล้วเป็นงานฉลุครับเพราะแต่ก่อนสมัยหลวงพ่อยังแข็งแรงก่อนที่ท่านจะแจกพระท่านมักจะฉลุไม้ทำแบบเลี่ยมพลาสติกให้เสร็จสรรพครับ ผมจำได้ประโยคอยู่ประโยคหนึ่งในขณะที่ช่วยท่านทำสายมงคลสวมศีรษะประกอบพิธีเนื่องในงานไหว้ครู (ทุกวันที่ 14 เมษายนของทุกปี) ท่านจะนั่งถักด้วยตัวท่านเองทีละเส้น จนดึกดื่นค่อนคืนทั้งๆที่แค่ทำเป็นวงกลมๆพอสวมศีรษะได้ก็ใช้ได้เหมือน แต่ท่านไม่ทำเช่นนั้นท่านจะตั้งนิ้วขึ้นมาสามนิ้ววนด้ายสายสิญจ์สลับไปสลับมาอยู่หลายรอบน่าจะบริกรรมไปด้วย ทั้งหมดท่านกล่าวแต่เพียงว่า"ไหนๆจะทำให้เขาต้องทำให้เขาดีๆสิ" ประโยคที่แสดงถึงความเมตตาและรับผิดชอบเพียงสั้นๆแค่นี้แหละขอรับ ประทับใจข้าพเจ้าตลอดมา
-
ขอบคุณท่านปลัดกิจจา ปลัดอำเภอแห่งหนึ่ง ใน จ.อ่างทอง พันธมิตรนอกเวปที่ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่โดยตลอด สนใจหลวงพ่อเพราะประสบการณืปากต่อปากเช่นกัน
วันนี้โชว์เครื่องรางประเภทแหวนกัยบ้างครับ ชาวบ้านว่าเรื่องเขี้ยวงาชงัดนัก ปลาดุกยักใช้แหวนทองเหลืองธรรมดาๆทาบลงไปไม่นานก็หายปวดได้อย่างมหัศจรรย์ ประสบการณืเช่นนี้เคยได้ยินในแหวนของหลวงปู่พลอยอีกท่าน
แหวนทองเหลืองออกในปี 2522 ครับประสบการณ์เยี่ยม
แหวนหัวแร่ เป็นงานเดียวกันกับแหวน ลพ.กัน เขาแก้ว แต่วงนี้หลวงพ่อเกิดครับ
แบบอื่นๆมีโอกาสจะนำเสนอต่อไปครับ
-
สุดยอดจริง ๆ แต่ละท่าน ;D ;D ;D
-
ขอบคุณครับท่านหมูเทอร์โบ จะขออนุญาตนำประวัติหลวงพ่อชื้น มาลงประกอบด้วยครับมีโครงการที่จะทำรวมเล่ม ก็ถือว่าทุ่นแรงไปเยอะเลยครับในส่วนของครูบาอาจารย์ของท่านขอบคุณครับ
-
รอดจากช้างเจอช้างป่า และ รถชน ก็เพราะหลวงพ่อเกิดรุ่นหนึ่งครับ
รุ่นนี้รับกับมือหลวงพ่อวันที่ให้หลวงพ่อเจิมรถครับ..
-
เหรียญรุ่นนี้ท่านแจกประมาณพ.ศ.2547จำนวนมากที่ผมได้มามีทองเหลือง ทองแดง ทองขาว แต่ไม่ใช่เหรียญรุ่น1 ปัจจุบันหลวงพ่อยังแข็งแรงต้อนรับลูกหลานอยู่จนฉันเพลเสร็จท่านก็จะพักผ่อน คำพูดของท่านแฝงปริศนาธรรมลึกล้ำ
-
ผมเองเคยไปกราบท่านหลายครั้ง ไปครั้งแรกๆๆเจอองครักษ์ท่านครับท่านเลี้ยงไว้ ดุดุมากๆๆเล่นเอาซะกางเกงขาดกระจุย ท่านตะโกนมาบอกว่า มาดีนะ มาดีนะ ผมก็ว่ามาดีตามท่านแต่ไม่ทันซะแล้วเล่นซะใจหายใจคว่ำ เสียดายกางเกงน่ะครับ ท่านเลยลุกมาองครักษ์เลยวิ่งหางจุกตูด หลังจากนั้นก็เว้นไปช่วงนึงเพราะเกรงใจมันเลยไม่ค่อยได้ไปกราบท่านแต่พอหลังๆๆสงสัยมันคงจะจำได้แล้วมั้งเลยแค่ขู่ๆๆ แต่คิดว่าผมคงฉลาดกว่ามันอยู่บ้างเลยแวะซื้อไก่ไปฝากมันเลยหลังๆๆไม่กัดและ
ผมเคยขอเกศาท่านไปบูชาแต่ท่านบอกว่าไม่มีเค้าเอาไปกันหมดแล้ว โชคดีคราวนั้นไปที่วัดท่านเก็บไว้บ้างเลยแบ่งใส่ตลับสีผึ้งของท่านมาให้นิดหน่อย ได้มาผมก็นำมาแยกใส่ถุงซิปไว้เตรียมหาผอบมาใส่ มาดูอีกทีเกศานั้นรวมกันเป็นก้อน เลยพยายามแยกออก สักพักไปดูใหม่ก็รวมกันอีกและมีเม็ดที่เค้าเรียกกันว่าพระธาตุขึ้นเต็มไปหมด มีโอกาศไปถามท่านเรื่องนี้ ท่านพูดติดตลกว่าคงเป็นเพราะมันทำปฏิกิริยาอะไรทำนองนี้ละมั้ง ผมฟังเเล้วก็ไม่เชื่อคำพูดท่านหรอกผมเชื่อสายตาผมมากกว่า... แหมของเค้าดีจริง
-
อนุโมทนาด้วยครับ เรื่องพระธาตุท่านพิศดารดีเหมือนกันแต่ละคนเจอประสบการณ์ไม่เหมือนกัน
-
::) ::)ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ :o :o :o
-
ค่อยๆต่อเติมเสริมสร้างสิ่งละอันวันละน้อย
ต้องขอบคุณท่านฮิว ท่านเคมนตรี ท่านอะติท ท่านศิษย์วัดแก้ว ต้องขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะครับถ้าอ่านชื่อที่เป็นภาษาอังกฤษผิด คนบ้านนอกคอกนาอ่ะเน๊อะโหสิๆกันน๊า และขอบคุณทุกๆท่านที่เข้าเยี่ยมชมด้วยครับ
ต่อกันเลยครับด้วยชุดพระปิดตาของหลวงพ่อ
แถมคาถาปิดทวารของท่านครับ อะ ปิดปาก สังวิ ปิดตา สุโล ปิดหู ปุสะ ปิดจมูก พุ ปิดกาย ภะ ปิดใจ ภะพุสะปุโลสุวิสังอะ
-
1.องค์บนสุดเป็นปิดตารุ่นแรกครับมีเนื้อดินเผาอย่างเดียวสร้างปี 08 มีทั้งบรรจุใต้ฐานพระและไม่ได้บรรจุ ส่วนที่บรรจุเพิ่งแตกออกมาเมื่อปี48 นี่เองครับแต่แป๊บเดียวก็อันตรธานไปจากวัดด้วยเหตุต่างๆ
2.องค์ที่สอง ล้อพิมพ์หลวงปู่แต่มีเอกลักษณ์ตรงที่ท่านจะพ่นสีบรอนซ์เคลือบทุกองค์ ไม่ทราบพิธีกรรมและปีที่สร้างแน่ชัด รายละเอียดติดไว้ก่อนครับ
3.ส่วนรุ่นนิยมจะนำเสนอในตอนต่อไป เป็นพระปิดตาที่สร้างด้วยเนื้อตะกั่วล้วนๆหนักตึ๋งเชียวล่ะขอรับด้านหลังประทับยันต์หลังเหรียญรุ่นสองออกในปี22 และโดยมากหลวงพ่อจะพ่นเคลือบด้านหน้าด้วยสีส้มครับ เป็นรุ่นที่ตำรวจวัดสิงห์เสาะหามากที่สุดคงจะด้วยประสบการณ์ทางด้านปืนผาหน้าไม้ตามระเบียบครับ
4.ในปีเดียวกันท่านก็กดพิมพ์ปิดตาด้วยเนื้อผงอีกหนึ่งชุดและท่านก็จะพ่นสีขาวด้านหนึ่งและสีดำอีกด้านหนึ่งต้องเรียกว่า"ปิดตาหยินหยาง" กันล่ะขอรับ แต่ตอนนี้ผู้เขียนไม่เหลือเลยจึงไม่มีภาพมาโชว์ครับ แต่ก่อนเห็นอยู่มากเป็นถาดๆแต่ตอนนี้หายวับไปกับตา
5.ส่วนรุ่นที่หายากที่สุดคงจะเป็นปิดตาเนื้อดีบุกหลังแบบ ซึ่งด้านหน้าท่านใช้ถอดพิมพ์เทเป็นเนื้อตะกั่ว ส่วนด้านหลังท่านใช้กดปิดตาพิมพ์ หยินหยาง
6.และรุ่นสุดท้ายเป็นเนื้อตะกั่วถ้ำชาพิมพ์ห้าเหลี่ยมแบบของหลวงปู่ศุข รุ่นนี้ออกประมาณปี 40 ครับ
-
ผมเคยได้สมเด็จท่านแจกมาองค์นึง...คล้ายๆๆคะแนน..เล็กๆๆๆน่ะครับ...ท่านบอกว่าอันนี้ทำไว้นานมากแล้วฝั่งกรุไว้..ผมดูแล้วเนื้อเก่าเข้าท่าดี...แต่ไม่มีเอกลักษณ์เลย..หลังจากท่านแจกให้เลยไปดูที่เค้าวางพระให้เช่า...ก็เจอพระเนื้อเดียวกันอีกหลายแบบ...เล็กบ้าง..ใหญ่บ้าง...แต่เนื้อสวยครับว่าจะขอเช่ามา..แต่คนที่มีกุญแจตู้ไม่อยู่...เสียดาย..สักพักใหญ่หวลกลับไป...หายวับไปกับตา..เซ็งเลย....รมเสียยยยยยยยยยยยย
-
แวะมาทักทายคุณฝุ่นดินครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ :)
-
แวะมาทักทายคุณฝุ่นดินครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ :)
ด้วยความยินดีครับท่าน ของดีอยู่กับผู้มีศรัทธาย่อมมีคุณค่ามหาศาล ของดีอยู่กับผู้ไม่มีศรัทธาก็ไม่ต่างไปจากก้อนอิฐก้อนหินธรรมดาเท่านั้นเอง ดังนั้นไม่เสียดายเลยที่ของควรสักการะจะไปอยู่แก่ผู้มีศรัทธาสักการะ
-
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้
เพิ่มรูปครับ ได้จากตำรวจที่วัดสิงห์
-
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้
เพิ่มรูปครับ ได้จากตำรวจที่วัดสิงห์
เชิญตามสบายครับ ไม่ต้องขออนุญาตก็ได้ครับท่าน ณ ที่นี้เป็นเวทีสาธารณะ กลับเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่มีท่านๆทั้งหลายให้ความสนใจและแต่งแต้มสิ่งละอันพันละน้อย
ขอบคุณครับ
-
ครับ. ผมยังมีของหลวงพ่ออีกหลายชิ้นครับ กำลังปรับปรุงฝีมือการถ่ายภาพ ไม่ดีเอาเสียเลย ถ้าภาพดูดีขึ้นจะเพิ่มภาพเพิ่มเติมครับ.
-
แหนบ ไม่ทราบปีที่สร้างครับ สมบัติของ "ลุงย่อน" บ้านอยู่หน้าวัดครับ
เหรียญ รุ่น๑ (ด้ายแดง)แจกงานศพ "โยมพ่อ" ของหลวงพ่อ. ครับ
-
เป็นแหนบรุ่นแรกของท่านถ้าจำไม่ผิดออกปี 38 เป็นคราวแรกครับเป็นรูปท่านเต็มองค์ เขียนว่า พระครูอุดมชัยกิจ เนื่องจากรูปดูมืดไปหน่อยและดูไม่ค่อยเหมือนท่าน จึงทำขึ้นใหม่อีกเป็นคราวที่ 2 ในปีเดียวกันจะเป็นรูปท่านครึ่งองค์เขียนว่า หลวงพ่อเกิด พร้อมกันนี้ได้ออกรูปล๊อคเกท ซึ่งทำขึ้น 2 คราวเช่นกัน
ส่วนเหรียญของคุณเป็นเหรียญรุ่น3พัดเดี่ยว ของคุณเป็นบล๊อคแรกครับประสบการณ์ด้านรถเรือดีมาก เหรียญรุ่นนี้ในคราวทำบุญที่ สภอ.วัดสิงห์ บรรดาตำรวจบนสถานีต่างก็มาขอของดีหลวงพ่อ ท่านบอกไม่มี พี่ตำรวจแกก็ยังทู่ซี้ค้นดูในย่ามก็ไม่เห็นมีใครพบอะไร แต่พอกลับมาที่วัดหลวงพ่อได้วางย่ามลงแล้วก็ควักถุงเหรียญรุ่นนี้ออกมา 2 ถุงใหญ่ ไม่รู้พี่ ตร.แกมองไม่เห็นหรือเป็นด้วยประการใดมิทราบได้นะขอรับ
ตอนนี้มีบล๊อค 2 ออกมาแล้วครับ
-
เป็นคำบรรยายที่มีคุณค่ามากครับ. รูปคงจะมีเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ นะครับ.
-
วันนี้นำเสนอปิดตาเนื้อตะกั่วปี 22 หลังประทับด้วยยันต์ด้านหลังเหรียญไหว้รุ่น 2 ปกติหลวงพ่อท่านจะเคลือบด้านหน้าด้วยสีส้ม แต่ ณ วันนี้ผมเหลือแต่สภาพนี้ขอรับแต่ก่อนมากมาย แจกสถานเดียว ปัจจุบันได้แค่นี้ครับ ไว้ได้สวยๆจะนำมาเสนอใหม่
ต้นแบบของปิดตารุ่นนี้เป็นปิดตาเนื้อแร่ดีบุกหลังแบบได้ตกทอดมา 1 องค์ ด้วยความรู้เท่ามิถึงการณ์ ก็เอาไปเทพระปรอทซะละลายไม่เหลือ
-
หาของหลวงพ่อนะ วัดหนองบัว พบ ของหลวงพ่อเกิดวัดเขาดิน ลองทายดูซิครับ ว่า..องค์ไหน? ...วัดใด?
ขอโชว์พระบนคอด้วยครับ.
-
พิมพ์นี้ต้นแบบเป็นพระพิมพ์ของหลวงพ่อนะครับ แต่ถอดพิมพ์จากพิมพ์สี่เหลี่ยม แล้วนำมาแต่งพิมพ์ใหม่ให้เป็นทรงเม็ดแตงและประทับยันต์ตัว ยะ และอุณาโลม ด้านหลังดังที่เห็น
พระพิมพ์ดังกล่าวออกที่วัดหนองจิก ตัว ยะ ด้านหลังย่อมากชื่อ หลวงพ่อยอด วัดหนองจิก ซึ่งจะพบเห็นและสังเกตได้ในวัตถุมงคลส่วนใหญ่ ในสมัยอาจารย์สมิงเป็นเจ้าอาวาสโดยเฉพาะพระพิมพ์ที่เป็นเนื้อตะก่วหล่อ เช่นเหรียญทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ซึ่งข้างหน้าถอดพิมพ์มาจากเหรียญพระพุทธหลวงพ่อขาว วัดป่าพาณิชย์ ด้านหลังจารึกไว้ว่า หลวงพ่อยอด วัดหนองจิก อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
ส่วนของหลวงพ่อถอดจากพิมพ์เม็ดแตงของวัดหนองจิกอีกทีจึงตื้นเบลอกว่าและส่วนใหญ่ท่านมักจะพ่นสีทองหรือสีเงินทับลงไปครับ
-
เพิ่มรูป รอคำบรรยายครับ. (ถ้าพระเก๊บอกด้วยนะครับ.)
-
เพิ่มรูป รอคำบรรยายครับ. (ถ้าพระเก๊บอกด้วยนะครับ.)
ของหลวงพ่อตอนนี้ยังไม่มีเก๊ครับ แต่มีเสริมแต่ก็ถือว่ายังท่านตัวท่านทั้งหมด แต่ในช่วงหลังๆนี้ท่านไม่ได้เสกเหมือนแต่ก่อน ใครมาส่งให้ท่านท่านก็เอาปากกาเคมีบ้างปากกาหมึกซึมบ้างลงอักขระไว้บนกล่องที่บรรจุวัตถุมงคลนั้นๆ ยิ่งช่วงที่มีการตั้งตู้วัตถุมงคลขึ้นในวัดแล้วมีปัญหาการแทรกแซง ท่านยิ่งไม่ค่อยอยากยุ่ง ท่านเลยลงอักขระไว้เสียที่ตู้จำหน่ายทีเดียวจะได้ไม่ต้องมากวนให้เสกกันอีก โดยเจตนารมย์ส่วนตัวท่านแล้วท่านว่าอยากจะตัดความวุ่นวายเหล่านี้และตั้งใจไว้ว่าจะบรรจุเจดีย์ทั้งหมด
ถ้าหากจะจัดหมวดหมู่วัตถุมงคลของท่าน วัตถุมงคลที่ทำเสริมขึ้นมาในภายหลังดังกล่าวนั้นก็คงต้องจัดอยู่ในหมวด"เบ็ดเตล็ด"
องค์บนสุดถอดพิมพ์ด้านหน้ามาจากพระพิมพ์หลวงปู่ศุข ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง คือในช่วงที่มีตู้วัตถุมงคลแล้ว
ส่วนองค์ล่างด้านหน้าถอดพิมพ์มาจากพระพิมพ์ของท่านเองคือรุ่นโดดบาตรบล๊อคตัวหนังสือนอน ด้านหลังแกะชื่อวัดเขาดินขึ้นมาใหม่
ออกจากวัดทั้งสององค์ครับท่าน เพียงแต่ไม่ใช่รุ่นหลักๆเท่านั้นเอง
-
พิมพ์นี้ต้นแบบเป็นพระพิมพ์ของหลวงพ่อนะครับ แต่ถอดพิมพ์จากพิมพ์สี่เหลี่ยม แล้วนำมาแต่งพิมพ์ใหม่ให้เป็นทรงเม็ดแตงและประทับยันต์ตัว ยะ และอุณาโลม ดังที่เห็น
พระพิมพ์ดังกล่าว ออกที่วัดหนองจิก ตัว ยะ ด้านหลังย่อมากชื่อ หลวงพ่อยอด วัดหนองจิก ซึ่งจะพบเห็นและสังเกตได้ในวัตถุมงคลส่วนใหญ่ ในสมัยอาจารย์สมิงเป็นเจ้าอาวาสโดยเฉพาะพระพิมพ์ที่เป็นเนื้อตะก่วหล่อ เช่นเหรียญทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ซึ่งข้างหน้าถอดพิมพ์มาจากเหรียญพระพุทธหลวงพ่อขาว วัดป่าพาณิชย์ ด้านหลังจารึกไว้ว่า หลวงพ่อยอด วัดหนองจิก อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
พระพิมพ์เม็ดแตงดังกล่าวหลวงพ่อทำการปลุกเสกให้ด้วย ส่วนหนึ่งท่านก็นำมาแจกที่วัดเขาดิน แต่โดยมากถ้าอยู่ที่หลวงพ่อท่านมักจะพ่นสีทองทับลงไปครับ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
เอามาเปรียบเทียบให้เห็นเป็นพยานวัตถุครับ
-
ลูกอมติดรูปไหว้ข้าง ตามแบบฉบับพ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างหลวงพ่อโอภาสี คลาสสิคแปลกตาไปอีกแบบครับ
-
สมเด็จเนื้อผงเกษรโรยแร่พิมพ์เกษไชโย หลังประทับ ว.ข.ด สร้างพร้อมกับ พิมพ์แหวกม่าน นางพญา สมเด็จรูปไข่
แต่ก่อนพบเห็นอยู่บ่อยๆแต่ก็ไม่ได้สนใจเก็บ เพราะคิดว่ายังไงซะเราก็อยู่กับเกลือ ปัจจุบันเลยต้องกินด่างอย่างที่เห็นนี่แหละขอรับ
-
ด้านหลัง ว.ข.ด. ต้องกลับไปค้นดูที่บ้านพ่อซะหน่อย ตอนเด็กๆ ไม่ค่อยได้สนใจไม่รู้ยังอยู่อีกกี่องค์ ..ถ้าได้มาจะถ่ายรูปส่งมาต่อท้ายอีก
-
ข้อมูลแน่นดีครับ :D :D
-
ดีใจครับที่มีศิษย์หลวงพ่อให้ความสนใจมาร่วมลงข้อมูลให้ได้ศึกษากัน
เมื่อก่อนนี้ไปหาท่านบ่อยๆ นี่ก็ห่างไปหลายปีแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ได้ไปคือช่วงศิษย์ปักษ์ใต้
มาช่วยศร้างพระธาตุบนยอด ก่อนจะรื้อศาลาหลังเดิมออกไป
ส่วนพระที่หลวงพ่อเคยแจกผม เป็นพระปิดตาฝังพระธาตุ ยังไม่ได้ถ่ายรูปไว้จะค้นมาลงไว้
ในกระทู้นี้ท่านใดดทราบประวัติจะได้นำมาเล่าสู่กันฟังบ้าง ขอบคุณทุกท่านโดยเฉพาะท่าน
ฝุ่นดินเจ้าของกระทู้ ที่ให้ข้อมูลได้ยอดเยี่ยมมากเลยครับ
-
เอ่อแต่สงสัยนิดนึง หลวงพ่อบุญเกิดเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อโอภาสีตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ เพราะเห็นโพสต์ว่าลูกอมไหว้ข้างเหมือนหลวงพ่อโอภาสีอาจารย์ของท่าน เท่าที่รู้หลวงพ่อบุญเกิดไม่เคยไปกราบหลวงพ่อโอภาสีเลยนะครับ
-
เอ่อแต่สงสัยนิดนึง หลวงพ่อบุญเกิดเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อโอภาสีตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ เพราะเห็นโพสต์ว่าลูกอมไหว้ข้างเหมือนหลวงพ่อโอภาสีอาจารย์ของท่าน เท่าที่รู้หลวงพ่อบุญเกิดไม่เคยไปกราบหลวงพ่อโอภาสีเลยนะครับ
หลวงพ่อท่านไม่ได้เรียนกับหลวงพ่อโอภาสีโดยตรงครับ ท่านว่าเคยได้พูดคุยกันบ้างที่อาศรมบางมด และพบกันเมื่อคราวงานศพหลวงพ่อเขาสาริกา ไม่ถึงกับฝากตัวเป็นศิษย์เพียงแค่ได้พบเจอพูดคุยกันธรรมดา สมัยก่อนผมยังเห็นวัตถุมงคลของหลวงพ่อโอภาสีเช่น รูปถ่าย แผ่นยันต์อิติสุคะโต เหรียญพลาสติก ตกค้างอยู่บ้างที่หลวงพ่อ วัตถุมงคลหลวงพ่อเกิดบางพิมพ์ก็ถอดแบบมาจากหลวงพ่อโอภาสี เช่น เหรียญพลาสติก ถอดเป็นเนื้อดินผสมว่านเมื่อปี 2508
-
เอ่อแต่เห็นในประวัติบอกว่า หลวงพ่อบุญเกิดไปฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์ชื้น พ.ศ. 2498 แล้วอาจารย์ชื้นพาไปหาหลวงพ่อกบ ผมว่าข้อมูลตรงนี้น่าจะคลาดเคลื่อน เพราะหลวงพ่อกบมรณภาพวันที่ 17 ธ.ค. 2497 งานศพก็จัดในปีเดียวกัน ส่วนหลวงพ่อโอภาสีมรณภาพวันที่ 31 ต.ค. 2498 ผมว่าไม่น่าจะเจอกันได้นะ หากหลวงพ่อบุญเกิดเป็นศิษย์สายนี้จริง ๆ ก็น่าจะสำเร็จธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง และไม่สามารถไปเป็นศิษย์สายอื่นได้อีก (เป็นข้อห้ามของศิษย์สายนี้)
-
เอ่อแต่เห็นในประวัติบอกว่า หลวงพ่อบุญเกิดไปฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์ชื้น พ.ศ. 2498 แล้วอาจารย์ชื้นพาไปหาหลวงพ่อกบ ผมว่าข้อมูลตรงนี้น่าจะคลาดเคลื่อน เพราะหลวงพ่อกบมรณภาพวันที่ 17 ธ.ค. 2497 งานศพก็จัดในปีเดียวกัน ส่วนหลวงพ่อโอภาสีมรณภาพวันที่ 31 ต.ค. 2498 ผมว่าไม่น่าจะเจอกันได้นะ หากหลวงพ่อบุญเกิดเป็นศิษย์สายนี้จริง ๆ ก็น่าจะสำเร็จธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง และไม่สามารถไปเป็นศิษย์สายอื่นได้อีก (เป็นข้อห้ามของศิษย์สายนี้)
ขอบคุณครับท่านหมูเทอร์โบ ที่ช่วยกันกล่อมเกลา ได้ไปสอบถามท่านเพิ่มเติมและขออนุญาตแก้ไขข้อมูลดังนี้ครับ
ในปี 2496 ท่านจึงไปศึกษาพระปริยัติธรรมและกรรมฐานเบื้องต้นในสำนักวัดสิงห์สถิตย์ จากการศึกษาตำรับตำราของหลวงปู่ศุขที่เป็นสมบัติตกทอดอยู่ที่วัดสิงห์สถิต หลวงพ่อท่านจึงได้ซึมซับศึกษาสรรพวิทยาการในสายหลวงปู่มาพอสมควร และได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ วิชาทำปรอท วิชาใช้ธาตุเสกขี้ผึ้งจากหมอเฒ่าสุกซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่ศุขอีกท่าน ท่านว่าหมอเฒ่าสุกสามารถเสกขี้ผึ้งบนฝ่ามือให้ละลายเป็นน้ำได้ และเสกขี้ผึ้งที่ละลายเป็นน้ำให้กลับแข็งดังเดิมก็ได้ นอกจากนี้ยังมีสรรพวิชาและเคล็ดคาถาอีกบางบท ที่ท่านได้ตั้งแต่ในพรรษาต้นๆ อย่างเช่นการทดลองวิชาหายตัว โดยท่านจะต้องถอดเคล็ดวิชาที่มีอยู่ในตำราโบราณซึ่งกำหนดเคล็ดวิชาเป็นปริศนาไว้ ตามตำรากล่าวว่าเคล็ดวิชาจะประสิทธิ์หรือไม่ขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีของผู้เรียนหากวาสนาต้องกันก็จะมีปัญญาแตกฉานสามารถคิดอ่านแก้กลบทที่โบราณจารย์วางไว้ได้อย่างถูกต้อง เคล็ดวิชานี้มีปริศนาว่า “ไม่มีไม้อยู่ใกล้กรณีย์” หลวงพ่อท่านจึงเอามาเจริญกรรมฐานพิจารณาบทกรณียเมตตาสูตร จับเคล็ดที่ว่าไม่มีไม้ก็คือไม่มีสระผสม สมัยก่อนสระต่างๆเรียกโดยมากมักจะเรียกขึ้นต้นว่าไม้ เช่นไม้หน้า,ไม้ม้วน,ไม้โอ เป็นต้น จึงจับอักขระได้สี่ตัวจากบทต้นเป็นหัวใจกรณีย์คือ ยะ ถะ สะ นะ จิตก็เกิดปิติอย่างแปลกประหลาด เมื่อท่านได้หัวใจคาถาแล้วท่านจึงทดลองเขียนอักขระหัวใจคาถานั้นลงก้นบาตรแล้วบริกรรมภาวนาไปด้วยในขณะออกบิณฑบาต ปรากฏว่าเช้าวันนั้นชาวบ้านใส่บาตรข้ามท่านไปหมดเสมือนมองไม่เห็นท่าน สร้างความประหลาดใจแก่หมู่เพื่อนภิกษุที่ร่วมออกภิกขาจารด้วยกัน และในปีเดียวกันนี้ท่านมีโอกาสได้พบกับ อาจารย์ชื้นศิษย์สำนักเขาสาลิกา และอาจารย์ชื้นท่านนี้เองที่เป็นผู้เชื้อเชิญให้ท่านได้ไปนมัสการหลวงพ่อเขาสาลิกา ที่สำนักเขาสาลิกา จ.ลพบุรี ท่านเล่าว่าหลวงพ่อเขาสาลิกาท่านไม่พูด ท่านจุดเทียนตั้งไว้ 6 เล่มแล้วใช้มือดับทีละเล่มจนเหลือเทียนเล่มเดียวท่านจึงหยิบเทียนเล่มนั้นขึ้นมานั่งเพ่งเท่านั้น ท่านว่าเป็นปริศนาธรรมเกี่ยวกับการสอนเรื่องอายตนะภายใน-ภายนอก เมื่อหลวงพ่อได้พบได้เห็นปฏิปทาเช่นนั้นประกอบกับได้ยินได้ฟังวัตรปฏิบัติที่ไม่เหมือนใครและอิทธิปาฏิหาริย์ที่สุดแสนจะพิสดารของหลวงพ่อเขาสาลิกาก็ทำให้ท่านเกิดความเคารพเลื่อมใสจึงได้สมาทานตัวเป็นศิษย์เรื่อยมา แม้ในวาระสุดท้ายของหลวงพ่อเขาสาลิกา หลวงพ่อท่านก็ยังไปร่วมพิธีศพ และในคราวนั้นท่านยังได้มีโอกาสถ่ายภาพคู่กับหลวงพ่อโอภาสี แห่งอาศรมบางมดไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย รูปนี้ผู้เขียนยังได้ทันเห็นคับคล้ายคับคลาอยู่ แต่ปัจจุบันนี้ภาพถ่ายนี้ได้สูญหายไปเสียแล้ว แม้ท่านจะไม่ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อโอภาสีโดยตรง แต่ท่านก็นับถือหลวงพ่อโอภาสีเป็นครูบาอาจารย์ของท่านอีกรูปหนึ่งซึ่งมีวัตรปฏิบัติคล้ายกันกับหลวงพ่อเขาสาลิกาเชื่อกันว่าท่านทั้ง 2 รูปสามารถสื่อถึงกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่างหลวงพ่อกับหลวงพ่อโอภาสีนี้ผู้เขียนได้เรียนถามท่านแล้ว ท่านว่าได้พบปะพูดคุยกันธรรมดาที่อาศรมบางมด และยังกล่าวอีกว่าที่อาศรมบางมดมีรูปปั้นและสัญลักษณ์ต่างๆที่เป็นปริศนาธรรม ไม่ว่าใครจะนับถือศาสนาอะไรมาจากไหนหลวงพ่อโอภาสีท่านสามารถสื่อสารและสอดแทรกคำสอนลงไปได้หมด เรื่องการแจกพระธาตุอีกเรื่องท่านว่าคนจะมามากสักเท่าไรหลวงพ่อโอภาสีท่านก็แจกได้ครบทุกคนไม่มีหมด วัตถุมงคลบางอย่างเป็นต้นว่า รูปสรงน้ำ แผ่นยันต์อิติสุคะโตฯ เหรียญพลาสติก และลูกแก้ว ผู้เขียนยังเห็นตกค้างอยู่ที่วัดเขาดินจำนวนหนึ่ง วัตถุมงคลบางอย่างท่านก็นำมาถอดแบบ เช่น เหรียญพลาสติกของหลวงพ่อโอภาสีท่านก็นำมาถอดแล้วพิมพ์ด้วยเนื้อดินผสมว่านในปี2508 รูปหลวงพ่อในยุคแรกๆก็ยังพบว่าทำเป็นรูปถ่ายประกบกันกับหลวงพ่อโอภาสี แต่รูปประกบกับหลวงพ่อเขาสาริกายังไม่เคยพบ
ปี 2497 ได้พบกับ อ.เฉลิม ซึ่งในขณะนั้น อ.เฉลิม กำลังทำการเผยแพร่วิชา 12 ภาษาปรากฎมีผู้สนใจศึกษากันพอสมควร ในคราวนั้นหลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู จ.นครสวรรค์ ก็ได้เข้าร่วมศึกษาด้วย แต่วิชานี้เมื่อหลวงพ่อท่านได้นำมาใคร่ครวญแล้ว ปรากฏว่าตรงกันกับตำราเก่า ของพระธุดงค์ทั้ง4 ที่มาพำนักตั้งแต่ปี 2460-2462 ทั้ง4ท่านล้วนแต่เป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองฯทั้งสิ้น พระธุดงค์ทั้ง4 นี้ถือได้ว่าเป็นผู้ให้กำเนิดวัดเขาดินเลยทีเดียว ท่านได้สร้างรอยพระพุทธบาท และทิ้งตำราเวทย์ต่างๆไว้เป็นปฐมบทให้กุลบุตรผู้สนใจได้ศึกษา เพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลแก่สาธารณะชนคนยาก พอให้ได้เป็นที่พึ่งพิงและศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านสืบต่อไป วิชา 12 ภาษานี้เป็นวิชาที่ว่ากันว่าผู้ทำสำเร็จจะสามารถทำสมาธิจิตให้ไปสัมผัสกับภพภูมิจิตในระดับต่างๆทั้ง 31 ภูมิได้ แม้ในภูมิมนุษย์เองก็สามารถฟังและสื่อสารกับวิญญาณชาวต่างชาติที่ใช้ภาษาอื่นๆได้ตามที่ภพภูมิจิตไปสัมผัส และที่พิสดารอีกประการหนึ่งก็คือ ใครก็ตามที่มีกรรมเกี่ยวพันกับเราทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติเมื่อจะถึงคราวตาย หรือจะประสบเคราะห์กรรมรุนแรง เจตภูติของเขาจะพยายามสื่อให้เราทราบล่วงหน้าได้
ปี 2498 ได้ไปศึกษาและปฏิบัติกรรมฐานตามแนวทางของหลวงพ่อเขาสาลิกาอย่างจริงจังกับท่านอาจารย์ชื้น ที่บ้านเขาพลอง อาจารย์ชื้นผู้นี้เป็นศิษย์ฆราวาสคนสำคัญอีกท่านหนึ่งที่สืบสานกรรมฐานสายหลวงพ่อเขาสาลิกา ภายหลังได้บวชและรู้จักกันในนามหลวงพ่อชื้น วัดเขาพลอง หลวงพ่อเกิดได้ศึกษากับท่านอาจารย์ชื้นตั้งแต่อาจารย์ชื้นยังดำรงเพศเป็นฆราวาส ได้ฝึก การแยกรูป –นาม แยกกองกรรมฐานจนถึงขั้นกายละเอียด เรียนธาตุ๖ และมีอีกขั้นตอนนึงท่านเรียกว่าวิชา “อัดขันธ์พุทโธ” โดยผู้ปฏิบัติจะต้องภาวนา “พุทโธๆ” ให้ถี่ๆติดต่อกันมิให้ขาดจิต ตัวท่านเองภาวนาจนกระทั่งล้มตึงลงไปกายละเอียดแยกออกจากกายหยาบ ตลอดเวลาที่หลวงพ่อท่านปฏิบัติอยู่นั้นท่านอาจารย์ชื้นจะทำการสอบจิตอยู่เสมอเพื่อมิให้ไขว้เขวผิดแนวทาง
-
วัตถุมงคลที่ถอดแบบจากเหรียญพลาสติกหลวงพ่อโอภาสีที่หลวงพ่อท่านสร้างไว้ตั้งแต่ปี 2508 ครับ ส่วนรูปหลวงพ่อเกิดกับหลวงพ่อโอภาสีประกบหน้าหลังยังหาไม่เจอครับแต่ยืนยันว่ามี ส่วนความสัมพันธ์ที่นอกเหนือกว่านี้ ไม่อาจทราบได้แล้วขอรับ
-
คุณ foondin ที่เคารพครับ เรื่องวัตถุมงคลหลวงพ่อบุญเกิด ท่านสร้างอะไรไว้บ้างนั้นผมไม่อาจรู้ได้ แต่สิ่งที่ผมรู้คืออาจารย์ชื้นสมัยเป็นฆาราวาสไม่ได้เปิดสำนักที่บ้านเขาพลองครับ แต่เปิดสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานที่บ้านวัดพระยาตาก ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท เรียกง่าย ๆ ว่าแถววัดพระยาตากครับ ว่าง ๆ ไปถามคนแถวนั้นดูได้ครับ คนเฒ่าคนแก่รู้จักบ้านอาจารย์ชื้นกันทั้งนั้น สมัยก่อนมีคนมาสมัครเป็นลูกศิษย์กันมาก ทั้งฆาราวาส พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และผมมีข้อมูลเหมือนกันว่า หลวงพ่อบุญเกิด เคยมาเรียนวิปัสสนาฯกับอาจารย์ชื้นที่บ้านวัดพระยาตากตามที่คุณว่าไว้
ที่คุณบอกว่า (ท่อนสุดท้าย) หลวงพ่อบุญเกิด ได้ฝึก แยกรูป นาม แยกกองกรรมฐานจนถึงขั้นกายละเอียด ซึ่งขั้นสุดท้ายนี้ผู้เรียนจะต้องค้นหาความจริงด้วยตัวเอง นั่นคือการ อัดขันธ์พุทโธ โดยผู้ปฏิบัติจะต้องภาวนา พุทโธๆ ให้ถี่ๆติดต่อกันมิให้ขาดจิตจนกระทั่งล้มตึงลงไป ให้กายละเอียดแยกออกจากกายหยาบ ซึ่งสภาวะธรรมหลังจากนั้นผู้ปฏิบัติจะต้องสัมผัสและเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นสภาวะที่ผู้ปฏิบัติจะรู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ผู้ปฏิบัติในขั้นนี้ได้จะต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากครูบาอาจารย์ ตลอดเวลาที่หลวงพ่อท่านปฏิบัติอยู่นั้นท่านอาจารย์ชื้นจะทำการสอบจิตอยู่เสมอเพื่อมิให้ไขว้เขวผิดแนวทาง"
นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการรู้ เพราะจากข้อมูลของคุณนั้นแสดงว่า หลวงพ่อบุญเกิด ได้สำเร็จวิชาขั้นที่ 2 ที่เรียกว่า "อัดขันธ์พุธโธ" ขอเพิ่มข้อมูลครับ การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐานที่สืบทอดจากหลวงพ่อเขาสาริกา หลวงพ่อโอภาสี และหลวงพ่อชื้น นั้นทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้น (3 วิชา) ขั้นที่ 1 ผู้ปฏิบัติจะต้องแยกกรรมฐานจนเชี่ยวชาญ ก็จะสำเร็จขั้นที่ 1 หมายถึง "ดวงตาเห็นธรรม" อันเป็นธรรมะในเบื้องต้นของปุถุชนคนทั่วไป (เรียกว่าล่วงรู้ที่มาของทุกข์และต้นเหตุแห่งทุกข์) จากนั้นจะฝึกการอัดขันธ์พุทโธจนเชี่ยวชาญเป็นขั้นที่ 2 แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องขาดสติล้มตึงลงไป แต่ให้ล่วงรู้ถึงการเดินและทิศทางของลม (ธาตุลม) ในสังขารเราเอง ขั้นนี้มีความจำเป็นมาก ๆ หากใครสำเร็จขั้นนี้จะล่วงรู้ถึงการละสังขารของพระอริยบุคคลและพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย เพื่อเอาไว้ใช้ยามตัวเราใกล้สิ้นลมหายใจ (รู้เฉพาะบรรดาลูกศิษย์เท่านั้น)
เมื่อสำเร็จขั้น 2 แล้วก็เรียนต่อขั้นที่ 3 อันเป็นประตูก้าวสู่ "มรรคผล" จะสามารถล่วงรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับธาตุทั้ง 4 อันก่อให้เกิดสังขาร และเห็นประตูสู่นิพพานในเบื้องต้น หรือที่เรียกว่า พระอริยบุคคล ไม่ว่าใครที่สำเร็จขั้นนี้เรียกกันว่า "พระโสดาบัน" นั่นเอง ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งฆาราวาสและผู้ทรงศีล จัดเป็นหนึ่งใน "พระอริยบุคคล 8 จำพวก" อันได้แก่ พระโสดาปัติมรรค พระโสดาปัติผล (สำเร็จขั้นนี้ได้ทั้งฆาราวาสและผู้ทรงศีล) ส่วนพระอริยยุคคลจำพวก พระสกิทาคามรรค พระสกิทาคาผล พระอนาคามรรค พระอนาคาผล พระอรหัตมรรค พระอรหัตผล จะต้องเป็นผู้ทรงศีลเท่านั้น
หากใครอยากเรียนต่อขั้นที่สูงกว่านี้ ก็คงต้องศึกษาและค้นคว้าด้วยตัวเอง เนื่องจากไม่มีใครถ่ายทอดให้ได้ และหลวงพ่อเขาสาริกา หลวงพ่อโอภาสี หลวงพ่อชื้น ไม่ได้ถ่ายทอดเอาไว้ ท่านว่าแค่ขั้น 3 ก็พอแล้วสำหรับปุถุชนคนทั่วไปครับ
-
และนี่คือรูป ร.ท.ชื้น ธรรมชัย หรืออาจารย์ชื้น สมัยยังเป็นฆาราวาส (คนนั่งกลาง) ถ่ายรูปกับ นางสำลี ธรรมชัย ภรรยา (คนผมขาวขวามือของท่าน) และบรรดาลูกศิษย์ที่มาเรียนวิปัสสนากัมมัฎฐานที่บ้านวัดพระยาตาก หมู่ 4 ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท
-
รูปคณะศิษย์หลวงพ่อเขาสาริกา และหลวงพ่อโอภาสี ถ่ายภาพหมู่บนยอดเขาพลอง ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท ในปี พ.ศ. 2509 คนนั่งบนสุดคือ นายเชื้อ สว่างเนตร หรืออาจารย์เชื้อ สว่างเนตร ลูกศิษย์ผู้สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อชื้นโดยตรง (ปัจจุบันมีชีวิตอยู่อายุเกือบ 90 ปี สุขภาพแข็งแรง สอนวิปัสสนากัมมัฎฐานที่วัดหลวงพ่อโอภาสี บางมด ฝั่งธนบุรี ทุกวัน โดยจะมาสอนที่เขาพลอง จ.ชัยนาท และเขาสาริกา จ.ลพบุรี ช่วงเข้าพรรษา-ออกพรรษาของทุกปี) แถวล่างซ้ายสุด คือ นางทองเพิ่ม หรือคุณทองเพิ่ม เศรษฐินีย่านสุขุมวิท เจ้าของที่ดินของสำนักงานหนังสือสกุลไทย คนที่สองคือ นางเฉลียง สุนทราคม ลูกสาวคนโตของหลวงพ่อชื้น ที่เรียนวิปัสสนาฯกับหลวงพ่อเขาสาริกาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ (ปัจจุบันถึงแก่กรรมแล้ว)
-
คนนี้คือ นางเฉลียง สุนทราคม ลูกสาวคนโตของหลวงพ่อชื้น ผู้สืบทอดวิชาวิปัสสนากัมมัฎฐานจากหลวงพ่อเขาสาริกา หลวงพ่อโอภาสี และหลวงพ่อชื้น ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับหลวงพ่อบุญเกิดเป็นอย่างดีครับ รูปนี้ถ่ายบนเขาพลอง ปี พ.ศ. 2512
-
คนนี้คือ นางเฉลียง สุนทราคม ลูกสาวคนโตของหลวงพ่อชื้น ผู้สืบทอดวิชาวิปัสสนากัมมัฎฐานจากหลวงพ่อเขาสาริกา หลวงพ่อโอภาสี และหลวงพ่อชื้น ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับหลวงพ่อบุญเกิดเป็นอย่างดีครับ รูปนี้ถ่ายบนเขาพลอง ปี พ.ศ. 2512
ขอบคุณอีกครั้งครับตกลงเอาเป็น บ้านวัดพระยาตากตามที่ท่านหมูเทอร์โบชี้แจงแล้วกันครับ ข้อมูลทางด้านครูบาอาจารย์สายหลวงพ่อเขาสาริกา คงต้องขออนุญาตจากคุณหมูเทอร์โบไว้เป็นแนวทางครับเพราะรายละเอียดของท่านชัดเจนและมีหลักฐานยืนยันหนักแน่นเป็นมาตรฐานพอสมควร ผมเองได้แค่เพียงได้ยินได้ฟังจากหลวงพ่ออย่างไรก็นำมาเล่าสู่กันฟังไปอย่างนั้น ส่วนใครมีข้อมูลส่วนไหนก็ชี้แนะและเพิ่มเติมได้ตลอดครับยินดีรับฟังทุกกรณี เพื่อให้ข้อมูลมีความสมบูรณ์มากที่สุด
คุณยายเฉลียง ที่ท่านกล่าวถึงหากมีความรู้จักมักคุ้นกับหลวงพ่อเป็นอย่างดีนั้น ถ้ามีโอกาสรบกวนสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อให้ด้วยครับ
ส่วนหลวงพ่อท่านจะสำเร็จคุณธรรมชั้นไหน ไม่อาจทราบได้ครับท่านเองก็ไม่เคยกล่าวถึง
ในส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้เน้นครับว่าท่านเก่งแค่ไหน บรรลุหรือไม่ รู้แต่ว่าท่านเป็นพระใจดี มีปฏิปทาน่าเคารพ แตกต่างจากพระในแถบบ้านผมที่เคยพบเคยเห็นมา และมีเจตนาที่จะนำพาธรรมมะมาสู่ประชาชนตามวิธีของท่าน เพียงเท่านี้ก็ถือได้ว่าท่านเป็นปูชนียบุคคลในระดับท้องถิ่นท่านหนึ่ง ที่ควรแก่การเผยแพร่และเชิดชู
อ้อ..มีอยู่ประโยคนึงครับที่ผุดขึ้นมาในความจำได้หมายรู้ ครั้งหนึ่งผมเคยถามท่านว่า หลวงพ่อครับ มีดหลวงพ่อดีทางไหน ท่านตอบว่า ดีทางสติ ถ้าไม่มีสติแล้วก็ไม่เห็นดีสักอย่าง เป็นคำตอบง่ายๆที่ได้ประโยชน์ไม่น้อยเลยนะขอรับ
-
ขออนุญาต ท่านหมูเทอร์โบ เซฟรูปและข้อมูลประกอบเรื่องด้วยนะครับ
ถ้ามี ผมอยากได้ รูปหลวงพ่อชื้น แบบรูปเดี่ยวจะเป็นรูปสมัยฆราวาสหรือพระภิกษุก็ได้ทั้ง 2 อย่างเลยครับ ขอบคุณครับ
-
นี่ครับ รูปหลวงพ่อชื้น อริยธัมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดปฐมเทศนาอรัญวาสี (เขาพลอง) ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท รูปนี้ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2521 ที่หน้าวิหารหลวงพ่อ 3 พระองค์บนเขาพลอง ก่อนหลวงพ่อชื้นมรณภาพไม่นานนัก (มรณภาพวันที่ 25 ต.ค. 2521 รวมอายุ 84 ปี)
-
ส่วนข้อมูลที่ คุณยายเฉลียง คุ้นเคยกับหลวงพ่อบุญเกิดดีนั้น เรื่องนี้เชื่อถือได้ ผมได้รับการยืนยันจาก อ.ลัดดา เมฆสัจจากุล (อดีตอาจารย์โรงเรียนชัยนาทพิทยาคม ถ้าคุณ foondin เป็นศิษย์เก่าโรงเรียน ชนพ.น่าจะคุ้นชื่อ อ.ลัดดา อยู่บ้าง) ท่านเป็นลูกสาวคนโตของคุณยายเฉลียงและหลานสาวของหลวงพ่อชื้นครับ
ประมาณ 3-4 เดือนที่แล้ว อ.ลัดดา แวะไปธุระแถว ๆ อ.วัดสิงห์ บังเอิญมีโอกาสแวะไปสนทนาธรรมกับ หลวงพ่อบุญเกิด ที่วัดเขาดิน หลวงพ่อก็ถามถึง คุณยายเฉลียงว่าสบายดีไหม และเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนเคยไปปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐานกับอาจารย์ชื้นที่บ้านวัดพระยาตากและบางครั้งก็แวะไปเยี่ยมหลวงพ่อชื้นที่เขาพลองบ้างเป็นระยะ ๆ ซึ่ง อ.ลัดดา เองก็จำหลวงพ่อได้ เพราะสมัยนั้น อ.ลัดดา อายุประมาณ 18-19 ปี เท่านั้น
ส่วนจะให้ผมไปถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก คุณยายเฉลียง คงไม่ได้แล้ว ท่านสิ้นบุญไปหลายปีแล้วครับ
-
ยอดเยี่ยมเลยครับสำหรับข้อมูลที่แน่นๆ
ไม่ธรรมดาเลยครับ
-
มากันครบครับ หลวงพ่อ 3 พระองค์ หลวงพ่อเขาสาริกา (หลวงพ่อกบ) หลวงพ่อโอภาสี และหลวงพ่อชื้น ผู้ถ่ายทอดวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐานให้ หลวงพ่อบุญเกิด วัดเขาดิน
-
โห :o :o :o :o :o
-
ทราบข่าวอ.ลัดดา ท่านเสียชีวิตแล้ว งานศพเพิ่งผ่านไปเมื่อวันก่อนครับ
-
ไช่ครับ พี่คางเครา ผมเองก็ไปร่วมงานศพด้วย
-
มีข่าวประชาสัมพันธ์นิดนึงครับ กล่าวคือคุณอัครพล หริ่งรอด และคุณวรพจน์ ซื่อมาก ผู้ศรัทธาขออนุญาตจัดสร้างเหรียญรุ่น 4 ถวายหลวงพ่อเมื่อปี 2541 โดยมีเจตนารมณ์เพื่อเทิดทูนบูชาคุณผู้เป็นองค์อุปัชฌาย์อาจารย์ ส่วนหนึ่งคุณอัครพลได้นำไปแจกจ่ายในวาระสำคัญๆในหมู่คณะและผู้มีศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อโดยมิได้กำหนดราคาแต่อย่างไร เป็นเจตนารมย์ที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง จนกระทั่งไม่กี่เดือนมานี้คุณอัครพลได้มาพบบทความประวัติหลวงพ่อเกิด วัดเขาดิน ณ เวปแห่งนี้ คุณอัครพลจึงได้ติดต่อมายังข้าพเจ้าสนทนากันอยู่ระยะหนึ่ง และที่ถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญก็คือ คุณอัครพลยินดีมอบเหรียญรุ่น 4 ปี 2541 เนื้อเงินทั้งหมดที่เหลืออยู่กับคุณอัครพลเองจำนวน 9 เหรียญให้กับทางวัดเพื่อสมทบทุนสร้างเจดีย์ และพิเศษที่สุดตรงที่เหรียญเงินทั้ง 9 เหรียญนี้จะมีโค๊ดและหมายเลข 1-9 ตอกกำกับไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้หลวงพ่อท่านยังได้ทำการจารอักขระด้วยตัวท่านเองอีกด้วย โค๊ดและหมายเลขนี้จะมีเฉพาะเหรียญเนื้อเงิน 9 เหรียญนี้เท่านั้น โดยจะมอบเหรียญเงิน 1 เหรียญให้กับผู้ที่ร่วมบริจาคสมทบทุนสร้างเจดีย์กับหลวงพ่อ ซึ่งสามารถทำการถวายเงินและรับเหรียญโดยตรงจากองค์หลวงพ่อได้เลย แต่ถ้าหากท่านใดไม่สะดวกก็สามารถโอนเงินผ่านบัญชีแล้วส่งหลักฐานการโอนเพื่อยืนยันการโอนผ่านทางเวปไซด์นี้ได้ หรือจะด้วยวิธีการใดใดที่นอกเหนือจากนี้จะนำรายละเอียดมาประชาสัมพันธ์อีกครั้งครับ (ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อกำหนดอัตราค่าบริจาคว่าควรจะบริจาคเท่าไรจึงจะเกิดความเหมาะสม จึงมีนโยบายให้ทุกท่านเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดอัตราค่าบริจาคด้วยครับ) ในที่สุดนี้ขออนุโมทนาบุญแก่คุณอัครพล-คุณวรพจน์ และคณะไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
-
รายละเอียดของเหรียญรุ่น 4 มีดังนี้ครับ เป็นเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อนั่งเต็มองค์ด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่ศุข วัดปากคลองฯ(เดี๋ยวจะโพสต์รูปตัวอย่างเหรียญให้ดูครับ) เหรียญนี้จัดสร้างขึ้นในปี 2541 จำนวนการจัดสร้างทั้งสิ้น 3059 เหรียญ แบ่งออกเป็น 2 เนื้อคือ เนื้อเงินและเนื้อทองแดง เนื้อเงินจัดสร้าง 59 เหรียญ เนื้อทองแดงจัดสร้าง 3000 เหรียญ โดยคุณอัครพล หริ่งรอด ผู้ช่วยหัวหน้าส่วนบังคับคดี ร่วมกันกับคุณวรพจน์ ซื่อมาก หัวหน้าส่วนข้อมูล ฝ่ายบังคับคดี ธนาคารอาคารสงเคราะห์สำนักงานใหญ่ พระราม 9 ขออนุญาตหลวงพ่อจัดสร้างเหรียญรูปเหมือนเป็นรูปองค์ท่าน หลวงพ่ออนุญาตพร้อมทั้งมอบรูปถ่ายในคราวฉลองพัดยศพระครูชั้นโท เมื่อปี พ.ศ.2537 ซึ่งหลวงพ่อได้ทำการลงอักขระยันต์ที่ท่านใช้เป็นประจำทั้ง 4 พระยันต์ ให้เป็นต้นแบบในการแกะอักขระลงในเหรียญขนาบทั้งซ้าย-ขวาขององค์หลวงพ่อ ( ซึ่งรูปนี้ทางวัดได้จัดทำเป็นบล็อกสกรีนประทับปฏิทินแจกในโอกาสขึ้นปีใหม่ในปี พ.ศ.2537 รูปปฏิทินนี้มีมือดีทดลองยิงด้วย จะด้วยพอดีดินปืนชื้นหรืออย่างไรไม่ทราบปรากฏว่ายิงไม่ออกมาแล้ว) ในการนี้หลวงพ่อท่านยังกำชับขอให้มีรูป หลวงปู่ศุข วัดปากคลองฯอยู่ด้วย เพราะท่านบอกว่าจะอาศัยบารมีหลวงปู่ฯเสก เมื่อได้รับการอนุญาตและรูปต้นแบบจากหลวงพ่อแล้ว ทั้ง 2 ท่านก็ดำเนินการสร้างถวาย โดยจ้างช่างตลาดพยุหะ จังหวัดนครสวรรค์ให้เป็นผู้จัดทำ
-
คุณอัครพลเองมีโอกาสรู้จักหลวงพ่อได้ก็ด้วยการแนะนำของ คุณหมอภาณุพันธ์ เพิ่มศิริวานิช สาธารณสุขอำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ผู้มีศักดิ์เป็นน้าเขย ซึ่งคุณหมอภาณุพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง หัวหน้าอนามัย ตำบลหนองมะโมง อำเภอวัดสิงห์นั้นได้มีโอกาสเข้าไปควบคุมดูแลเกี่ยวกับประปาหมู่บ้าน ซึ่งถังน้ำประปาจะต้องจัดตั้งบนเขา จึงได้มีโอกาสสัมผัสและหบปะกับหลวงพ่ออยู่บ่อยครั้ง ด้วยระยะเวลาและปฏิปทาของหลวงพ่อก่อให้เกิดศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาจึงได้แนะนำให้คุณอัครพลรู้จัก จนกระทั่งคุณอัครพลได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อเมื่อได้พบปะสนทนาด้วยแล้วก็ก่อให้เกิดศรัทธาอย่างสูง จึงได้นิมนต์ให้หลวงพ่อเป็นพระอุปัชฌาย์จัดการบรรพชาอุปสมบทให้ที่วัดโคกจันทร์ อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท อันเป็นภูมิลำเนาของคุณอัครพลหลังจากทำการอุปสมบทแล้วพระอัครพลก็ได้ติดตามหลวงพ่อมายังวัดเขาดิน หลวงพ่อให้พระอัครพลจำวัดที่กุฏิบนยอดเขาติดกันกับกุฏิของหลวงพ่อ พระอัครพลตื่นขึ้นมาคราวใดก็พบเห็นหลวงพ่อนั่งขีดเขียนอยู่บนโต๊ะทำงานอยู่เสมอ จึงเข้าใจได้ว่าหลวงพ่อท่านนอนน้อยมากหรือไม่ก็อาจไม่ได้นอนเลย มีอยู่คราวหนึ่งในขณะที่เดินติดตามหลวงพ่อขึ้นเขาไปตามทางเดินเท้า โดยหลวงพ่อท่านเดินนำหน้าพร้อมกับหิ้วกระแป๋งข้าวหมาบ้างบรรดาสัมภาระอื่นบ้างดูพะรุงพะรังตามแบบฉบับของหลวงพ่อท่าน พระอัครพลเดินตามไปในระยะไม่เกิน 1 เมตร ในขณะนั้นในใจก็ครุ่นคิดอยู่ว่าที่เขาว่าหลวงพ่อย่นระยะทางได้นั้น เป็นไปได้จริงหรือทันทีที่สิ้นความคิดดังกล่าวปรากฏว่า หลวงพ่อท่านทิ้งระยะห่างไปประมาณ 4-5 เมตร สร้างความประหลาดใจให้แก่พระอัครพลเป็นอย่างมาก ซึ่งต่อให้ท่านเดินไวอย่างไรในระยะเวลาชั่วความคิดแล่นแวบเดียว ก็ไม่มีทางที่จะทิ้งระยะทางไปได้ไกลขนาดนั้น และนั่นไม่ใช่แค่ท่านแสดงการล่นระยะทางให้ดูแต่ยังหมายถึงท่านรู้ความคิดของพระอัครพลได้อย่างไรอีกด้วย
-
ส่วนคุณวรพจน์ ซื่อมาก ผู้สมทบทุนสร้างเหรียญ มากราบหลวงพ่อแล้วหลวงพ่อได้มอบพระบูชาเชียงแสนขนาด 5 นิ้วให้ ก่อนจะลากลับท่านได้พูดเกริ่นๆว่า เรื่องโชคลาภเนี่ยใครจะได้ยังไงมันก็ต้องได้ แต่ถ้าไม่มีต่อให้เห็นทั้ง 2 ตาได้ยินทั้ง 2 หูยังไงมันก็ไม่ถูก แล้วท่านก็พูดอะไรไปในทำนองปริศนาเล็กน้อย จำได้คร่าวว่าท่านกล่าวถึงรัชกาลที่8 กับรัชกาลที่ 9 ซึ่งใครฟังก็รู้ว่าหมายถึงเลขอะไร ด้วยความโลภนิดๆเมื่อออกจากวัดแล้ว คุณวรพจน์โทรสั่งซื้อกับพรรคพวกที่ กทม.ทันที แต่ซื้อเป็นเลขสามตัวบนโดยตีความหมายกันเองเพิ่มอีก 1 ตัวเลข เมื่อหวยออกแล้วต่างก็ตบเข่าด้วยความเสียดายเพราะเลขที่ออก ตรงกับเลขสองตัวล่างตรงๆ จึงกระจ่างแก่ใจว่าคนไม่มีโชค นี่มันเป็นยังไง อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับคุณวรพจน์ก็คือหลังจากที่ลงรถของคุณอัครพลไปแล้วในขณะที่ยืนรอรถประจำทางอยู่นั้น มีรถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงมุ่งมาทางคุณวรพจน์ และในขณะนั้นเองคุณวรพจน์รู้สึกเหมือนมีใครมาผลักอย่างแรง จนทำให้ร่างของคุณวรพจน์กระเด็นห่างออกไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ประมาณ 1 เมตร ซึ่งเป็นที่ประหลาดอยู่พอสมควรตรงที่อิริยาบถตอนที่คุณวรพจน์อุ้มพระรอรถอยู่อย่างไร เมื่อกระเด็นออกไปแล้วก็ยังคงอุ้มพระอยู่ในลักษณะอย่างนั้น เหตุการณ์และบารมีของหลวงพ่อในครั้งนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของคุณวรพจน์ตราบจนถึงทุกวันนี้มิลืมเลือน
-
ส่วนคุณวรพจน์ ซื่อมาก ผู้สมทบทุนสร้างเหรียญ มากราบหลวงพ่อแล้วหลวงพ่อได้มอบพระบูชาเชียงแสนขนาด 5 นิ้วให้ ก่อนจะลากลับท่านได้พูดเกริ่นๆว่า เรื่องโชคลาภเนี่ยใครจะได้ยังไงมันก็ต้องได้ แต่ถ้าไม่มีต่อให้เห็นทั้ง 2 ตาได้ยินทั้ง 2 หูยังไงมันก็ไม่ถูก แล้วท่านก็พูดอะไรไปในทำนองปริศนาเล็กน้อย จำได้คร่าวว่าท่านกล่าวถึงรัชกาลที่8 กับรัชกาลที่ 9 ซึ่งใครฟังก็รู้ว่าหมายถึงเลขอะไร ด้วยความโลภนิดๆเมื่อออกจากวัดแล้ว คุณวรพจน์โทรสั่งซื้อกับพรรคพวกที่ กทม.ทันที แต่ซื้อเป็นเลขสามตัวบนโดยตีความหมายกันเองเพิ่มอีก 1 ตัวเลข เมื่อหวยออกแล้วต่างก็ตบเข่าด้วยความเสียดายเพราะเลขที่ออก ตรงกับเลขสองตัวล่างตรงๆ จึงกระจ่างแก่ใจว่าคนไม่มีโชค นี่มันเป็นยังไง อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับคุณวรพจน์ก็คือหลังจากที่ลงรถของคุณอัครพลไปแล้วในขณะที่ยืนรอรถประจำทางอยู่นั้น มีรถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงมุ่งมาทางคุณวรพจน์ และในขณะนั้นเองคุณวรพจน์รู้สึกเหมือนมีใครมาผลักอย่างแรง จนทำให้ร่างของคุณวรพจน์กระเด็นห่างออกไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ประมาณ 1 เมตร ซึ่งเป็นที่ประหลาดอยู่พอสมควรตรงที่อิริยาบถตอนที่คุณวรพจน์อุ้มพระรอรถอยู่อย่างไร เมื่อกระเด็นออกไปแล้วก็ยังคงอุ้มพระอยู่ในลักษณะอย่างนั้น เหตุการณ์และบารมีของหลวงพ่อในครั้งนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของคุณวรพจน์ตราบจนถึงทุกวันนี้มิลืมเลือน
-
มีข่าวประชาสัมพันธ์นิดนึงครับ กล่าวคือคุณอัครพล หริ่งรอด และคุณวรพจน์ ซื่อมาก ผู้ศรัทธาขออนุญาตจัดสร้างเหรียญรุ่น 4 ถวายหลวงพ่อเมื่อปี 2541 โดยมีเจตนารมณ์เพื่อเทิดทูนบูชาคุณผู้เป็นองค์อุปัชฌาย์อาจารย์ ส่วนหนึ่งคุณอัครพลได้นำไปแจกจ่ายในวาระสำคัญๆในหมู่คณะและผู้มีศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อโดยมิได้กำหนดราคาแต่อย่างไร เป็นเจตนารมย์ที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง จนกระทั่งไม่กี่เดือนมานี้คุณอัครพลได้มาพบบทความประวัติหลวงพ่อเกิด วัดเขาดิน ณ เวปแห่งนี้ คุณอัครพลจึงได้ติดต่อมายังข้าพเจ้าสนทนากันอยู่ระยะหนึ่ง และที่ถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญก็คือ คุณอัครพลยินดีมอบเหรียญรุ่น 4 ปี 2541 เนื้อเงินทั้งหมดที่เหลืออยู่กับคุณอัครพลเองจำนวน 9 เหรียญให้กับทางวัดเพื่อสมทบทุนสร้างเจดีย์ และพิเศษที่สุดตรงที่เหรียญเงินทั้ง 9 เหรียญนี้จะมีโค๊ดและหมายเลข 1-9 ตอกกำกับไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้หลวงพ่อท่านยังได้ทำการจารอักขระด้วยตัวท่านเองอีกด้วย โค๊ดและหมายเลขนี้จะมีเฉพาะเหรียญเนื้อเงิน 9 เหรียญนี้เท่านั้น โดยจะมอบเหรียญเงิน 1 เหรียญให้กับผู้ที่ร่วมบริจาคสมทบทุนสร้างเจดีย์กับหลวงพ่อ ซึ่งสามารถทำการถวายเงินและรับเหรียญโดยตรงจากองค์หลวงพ่อได้เลย แต่ถ้าหากท่านใดไม่สะดวกก็สามารถโอนเงินผ่านบัญชีแล้วส่งหลักฐานการโอนเพื่อยืนยันการโอนผ่านทางเวปไซด์นี้ได้ หรือจะด้วยวิธีการใดใดที่นอกเหนือจากนี้จะนำรายละเอียดมาประชาสัมพันธ์อีกครั้งครับ (ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อกำหนดอัตราค่าบริจาคว่าควรจะบริจาคเท่าไรจึงจะเกิดความเหมาะสม จึงมีนโยบายให้ทุกท่านเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดอัตราค่าบริจาคด้วยครับ) ในที่สุดนี้ขออนุโมทนาบุญแก่คุณอัครพล-คุณวรพจน์ และคณะไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
-
เรียนคุณฝุ่นดิน ทำบุญสัก 3,000+ พอได้ไหมครับ เหรียญของพระเกจิรุ่นใหม่ๆ เนื้อเงิน ก็ไม่ต่ำกว่า 1,000 แล้ว ใครทุนทรัพย์น้อยก็ทำเป็นผ้ายันต์แจกตอนร่วมทำบุญก็ได้นะครับ ;)
-
เรียนคุณฝุ่นดิน ทำบุญสัก 3,000+ พอได้ไหมครับ เหรียญของพระเกจิรุ่นใหม่ๆ เนื้อเงิน ก็ไม่ต่ำกว่า 1,000 แล้ว ใครทุนทรัพย์น้อยก็ทำเป็นผ้ายันต์แจกตอนร่วมทำบุญก็ได้นะครับ ;)
ช่วงนี้ห่างหายไปนาน ซุ่มๆอยู่ครับเดี๋ยวจะกลับมาพร้อมของฝากงามๆให้กับทุกท่าน
ขอบคุณครับ ท่านปลัดฯ เดี๋ยวรอฟังเสียงท่านอื่นๆด้วยครับ เปิดประชามติตามกระแสบ้านเมืองกะเค้าด้วยซะหน่อย
วันนี้มาเพิ่มเติมกันอีกหน่อยกับ วัตถุมงคลยุคแรกๆที่เข้าขั้นหายากพอสมควรเลยทีเดียว ในสายตาของผมเองผ่านพบมาเพียง 4 เหรียญเท่านั้นครับ เป็นเหรียญหล่อหลวงพ่อ สันติธรรม พระประธานที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาดิน เหรียญนี้จัดสร้างขึ้นในปี 2511 เป็นเหรียญหล่อเนื้อตะกั่วหูขวางดูคลาสสิคไปอีกแบบครับ
ตามมาด้วยอีกหนึ่งพิมพ์แปลกตา โดดบาตร หลังยันต์ตั้ง ดูผิวเผินอาจไม่พิสดารอะไรแต่พอพินิจสักนิดแล้ว จะเห็นได้ว่ายันต์เฑาะว์จากที่เคยอยู่ฝั่งซ้าย พิมพ์นี้กลับกลายมาอยู่ฝั่งขวา
-
เอ้า..พลาด ได้หน้าลืมหลังอีก
งั้นถือโอกาสอ่านอักขระเหรียญหล่อหูขวาง หลวงพ่อสันติธรรม ปี 2511 ที่จารึกด้วยหัวใจพาหุง คือ พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ ย่อมาจากพาหุงทั้งแปดบทนั่นแหละครับ พา มาจาก พาหุงสหัสฯ
มา มาจาก มาราติเรกะฯ
นา มาจาก นาฬาคิริงฯ
อุ มาจาก อุคคิตคัตขะฯ
กะ มาจาก กัตตวานะกัทถะฯ
สะ มาจาก สัจจังวิหายะฯ
นะ มาจาก นันโทปนันทะฯ
ทุ มาจาก ทุคคาหทิฏฐิฯ
ด้วยประการฉะนี้แล
-
เรียน คุณ foondin
ช่วยดูพระบูชาหลวงพ่อเคลือบองค์นี้ด้วยครับ ขนาดวางหน้ารถ(ไม่ได้วัดขนาด ไม่รู้เรียกถูกรึเปล่า) ออกวัดท่าข้าม อ.วัดสิงห์ มีข้อมูลบ้างมั๊ยครับ เช่น ปีที่สร้าง พิธี หรือพระที่ปลุกเสก ขอบคุณครับ
-
เรียน คุณ foondin
ช่วยดูพระบูชาหลวงพ่อเคลือบองค์นี้ด้วยครับ ขนาดวางหน้ารถ(ไม่ได้วัดขนาด ไม่รู้เรียกถูกรึเปล่า) ออกวัดท่าข้าม อ.วัดสิงห์ มีข้อมูลบ้างมั๊ยครับ เช่น ปีที่สร้าง พิธี หรือพระที่ปลุกเสก ขอบคุณครับ
ของหลวงพ่อที่ออกที่วัดท่าข้ามยังไม่ค่อยได้ประมวลข้อมูลครับ แต่เบื้องต้นโดยคร่าวๆ พระบูชารุ่นแรกที่ฐานจะจารึกชื่อหลวงพ่อด้วยการใช้เครื่องเดินเป็นจุดๆ
ครั้งต่อมาจัดสร้างในปี 2534 เป็นตัวจม
รุ่นที่ท่านโพสต์ขึ้นมานี้ น่าจะเป็นรุ่น 2534 หรือไม่ก็ 2537 พร้อมวัดบ่อแร่ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นพระชุดนี้จะเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดหนองบัวครับ ประวัติและประมวลภาพของหลวงพ่อรออีกนิดครับ กำลังกล่อมเกลา แต่เวปนี้โพสต์บทความด้วยวิธีกอปปี้จากเวิร์ดแล้วมาวางโพสต์ไม่ขึ้นครับ ช่วงหลังจึงไปโพสต์ไว้ที่เวปบ้านแค ไปร่วมแจมกันได้นะครับขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ เดี๋ยวจะตามไป
-
ผมเพิ่งไปกราบหลวงพ่อบุญเกิดที่ตักท่าน ณวัดเขาดินมา เมื่อวันเสาร์ที่27 พ.ย.นี้
ท่านใจดีมากครับ เมตตาและอบอุ่นยิ่ง
(http://lh4.ggpht.com/_1fEQA3s_CdA/TPPMoe1XVuI/AAAAAAAAAuI/TNioeE70b6o/s640/PB270954.JPG)
ได้เช่าวัตถุมงคลที่วัดมาหลายรายการ ราคาบูชาไม่แพงเลย
พระเหรียญรูปเหมือน 100 บาท (รุ่นเสาร์5 ปี 2516 กับอีกรุ่น หลังพระนารายณ์ทรงครุฑบนราหู)
พระปิดตาพุงปล่องฝังพระธาตุ ปี2552 100 บาท
ที่ชอบมากคือ ตะกรุดจารมือ (ทั้งในและนอกม้วน) เนื้อตะกั่ว ยาว1นิ้ว 150บาท
ชื่อรุ่น "ตะกรุดชัยมงคล (พระเจ้าชนะมาร) "
อธิษฐานเดี่ยวเมื่อ 23 ต.ค. 2552 คราวเดียวกับ "มหามงคล รุ่นเกิดสุข" ครับ
ใช้คาถาบท พระพุทธเจ้าชนะมาร คือ พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ ตามที่คุณฝุ่นดินได้ลงไว้ในคห.ก่อนหน้านี้
อ้อ อีกอย่างที่เด็ดและถูกคือ มีดหมอ
มีดปากกา ด้ามงา 500 บาท
มีด้าม 5 นิ้ว 800 บาท
คอตะกรุดที่เน้นจารมือหรือนักสะสมมีดหมอ ไม่ควรพลาด
ถือว่าทำบุญกับพระสุปฏิปันโณ ร่วมสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่อยู่เชิงเขาหลังวัดด้วยกันเถิด
(http://lh4.ggpht.com/_1fEQA3s_CdA/TPPMox-5RDI/AAAAAAAAAuM/uHEYZmIOVFE/s640/PB270957.JPG)
ควรไปก่อนเวลาฉันเพล เพราะช่วงบ่ายให้หลวงพ่อได้พักผ่อน
หากท่านใดไป แนะนำซื้อถุงเท้านุ่มหนาไปถวายหลวงพ่อบุญเกิดท่าน จะเป็นกุศลยิ่งครับ
-
ขอลงรูป "ตะกรุดชัยมงคล (พระเจ้าชนะมาร) "
จารทั้งในและนอกม้วน เนื้อตะกั่ว ยาว1นิ้ว
(http://lh5.ggpht.com/_1fEQA3s_CdA/TPUoHddG21I/AAAAAAAAAvU/Cnl_AW6oHno/s640/PB300967.JPG)
-
ขอบคุณสำหรับประวัติและข้อมูลดีๆ ชอบมากครับจะติดตามตลอดครับ
-
อ๋อ..รบกวนขอเส้นทางไปวัดด้วยครับ ขอบคุณครับ
-
ข้อมูลยังมีอยู่พอสมควรครับ แต่ไม่ค่อยได้อยู่หน้าคอมฯเลยไม่ได้ลงให่ได้อ่านกัน เอาเป็นว่าสงสัยหรือต้องการทราบเรื่องใดโพสต์ข้อความทิ้งไว้ครับ จะตอบเท่าที่รู้ ถึงไม่รู้ก็จะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ ถ้าโอกาสเอื้อ
เรื่องเส้นทางเริ่มจาก วงเวียนอำเภอวัดสิงห์ แล้วมุ่งหน้าไปยังอำเภอหนองมะโมงวัดอยู่ฝั่งขวามือมีช้าง2ตัวอยู่หน้าประตูวัด สังเกตเห็นเจดีย์บนยอดเขามาแต่ไกลแหละครับ ช่วงนี้หลวงพ่อไม่ค่อยได้ลงรับแขก ถ้าจะลงส่วนมากช่วงเช้าก่อนเที่ยงครับ
-
เส้นทางไปวัดเขาดิน ขอเสนอทางลัดที่ไม่อ้อม ตามรูปนี้
(http://lh4.ggpht.com/_1fEQA3s_CdA/TSBAKcGObnI/AAAAAAAAAzQ/xk-3OzQXvTk/s640/Wad%20Kao%20Din%20Map.JPG)
เริ่มจากเส้น 32 ขึ้นเหนือ เลี้ยวซ้ายเข้าอ.เมืองชัยนาท ขับตรงอย่างเดียวถึงตัวเมือง (จุด A ของรูป)
แล้วจะเจอ 4 แยกไฟแดงใหญ่แล้วเลี้ยวขวา
ไปตามทางที่บอกว่าไปธรรมมูล ไปอีกราว 4-5 กม.แล้วเลี้ยวซ้ายไปอีราว 1กม. ข้ามสะพานเพื่อผ่านไปวัดปากคลองมะขามเฒ่า (จุด B ของรูป) รวมระยะจาก A ไป B ราว 15.2 กม.
เมื่อจากวัดปากคลองมะขามเฒ่า เจอ 3 แยกให้เลี้ยวขวาไปอ.วัดสิงห์
เมื่อเข้าอ.วัดสิงห์ จะเจอวงเวียนแล้วเลี้ยวซ้ายไป อ.หนองมะโมง
จากนั้น ขับตรงตามทางไปเรื่อยๆ จุดสังเกตุ ก่อนใกล้ถึง ราว 1 กม. ทางขวามือเป็นรร.วัดเขาดิน
ขับมาอีกเล็กน้อย ให้สังเกตุ ขวามือ หน้าวัดจะมีรูปปั้นช้าง 2 เชือก
ส่วนเขาที่มีเจดีย์ หากขับรถคนเดียว ตาคนขับจะมองแต่ถนน+ข้างทาง บางทีมองเขากับเจดีย์ไม่ค่อยเห็น
รวมระยะจาก Bไป C ราว 21.6 กม.
ควรไปก่อนเวลาเพล และแนะนำหาถุงเท้านุ่มที่ยางไม่รัดแน่นไปถวายหลวงปู่จะดียิ่ง
.
-
ขอบคุณ คุณBrass Lanterns และคุณ Foondin มากครับ
-
รูปหล่อบูชาหลวงปู่ศุข ด้านหลังแจ้งว่า รุ่นเกิดศุข ท่านฝุ่นดินคิดว่าน่าจะใช่ของหลวงพ่อเกิดไหมครับ รบกวนพิจารณาทีครับ
-
ปิดตาของหลวงพ่อเกิด สวยได้ใจครับ
-
แหวกม่านหลวงพ่อเกิดครับ
-
แบบนี้ชัดเจนว่าของหลวงพ่อเกิด
-
รูปถ่ายหลวงพ่อแบบแขวนหน้ารถ
ปล.ขอบคุณ คุณฝุ่นดินที่พยายามรวบรวมข้อมูลประวัติเกจิต่างๆในท้องถิ่นชัยนาท-อุทัยไม่ให้เลือนหายไป
และยังเป็นประโยชน์อย่างสูงต่อลูกศิษย์ทุกคนที่เข้ามาศึกษาด้วย ขอบคุณครับ
-
รูปถ่ายหลวงพ่อแบบแขวนหน้ารถ
ปล.ขอบคุณ คุณฝุ่นดินที่พยายามรวบรวมข้อมูลประวัติเกจิต่างๆในท้องถิ่นชัยนาท-อุทัยไม่ให้เลือนหายไป
และยังเป็นประโยชน์อย่างสูงต่อลูกศิษย์ทุกคนที่เข้ามาศึกษาด้วย ขอบคุณครับ
-
หลวงพ่อเกิดวัดเขาดิน สมเด็จลายธงชาติ
-
ตรวจสอบดูแล้ว รูปหล่อบูชาหลวงปู่ศุข รุ่นเกิดศุข ที่วัดไม่มีออกครับ ท่านสำนักจันทร์
ขอบคุณครับท่าน rutr sagunnapan ที่ร่วมด้วยช่วยกัน
ขออนุญาติแก้ไขชื่ออุปัฌชาย์ของหลวงพ่อเป็น พระครูสิงหชัยสิชฌ์ (เจริญ ) วัดป่าพานิช นะครับ
ลองมาชมความรุ่งเรืองของวัดบ้านนอกในอดีตกันครับ
-
ในบันทึกประจำปีของวัดระบุไว้ว่า
"ปีพ.ศ. ๒๕๑๗ จากพระครูบุญเกิดเป็นเจ้าอาวาสได้แนะนำผู้มีศรัทธามีส่วนสร้างถาวรวัตถุคือ สามัคคีผ้าป่าคุณหญิงน้อยพร้อมคณะนำโดยคุณศรายุทธ ชนะกุล กรุงเทพ และผ้าป่าสามัคคีวัดสิงห์ อุทัย และนครสวรรค์ และชาวคณะกรุงเทพ นำโดยพระทศ โพธิ์อยู่ กำนันเจิม กล่ำแสง คุณเมรี่ สุทธิวงศ์ นำโดยพระประกอบ จันศรี ฯลฯ ได้ชักชวนสาธุชนสร้างฝ้าเพดานพระอุโบสถ จำนวน ๔ ห้อง เป็นเงิน ๑๙,๐๐๐ บาท ได้ฉาบฝาผนังด้านในอุโบสถ ๑๗,๖๓๖ บาท ค่าไม้ระแนงพระอุโบสถ เป็นเงิน ๑๘,๘๔๐ บาท ได้ชักชวนญาติโยมสร้างแท่นพระประธานโบสถ์ ๑๑,๘๓๘ บาท และสร้างประตูหน้าต่างเหล็ก กรอบพระอุโบสถ จำนวน ๙ ช่อง ๒ ชั้น เป็นเงิน ๑๐,๔๑๔ บาท และได้นำโยมสร้างกุฏิสงฆ์ไม้ เป็นเงิน ๗,๘๓๘ บาทได้นำผู้มีศรัทธาสร้างห้องครัว ห้องสุขาศาลา เป็นเงิน ๗,๒๙๒ บาทสร้างแท่นพระที่ศาลา ๑,๒๒๑ บาท และรั้วกำแพงรอบวัด ๒,๒๐๐ บาท ไม้ซ่อมกุฎิสงฆ์ ๒,๘๓๘ บาท สรุปปีนี้ใช้เงิน ๙๔,๐๘๑ บาท"
ในภาพท่าน ส.ส.สรายุทธ ชนะกุล และคุณหญิงน้อย รุจิรวงศ์ มาร่วมงาน
ส.ส.สรายุทธ ท่านเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อมาตั้งแต่สมัยบุกเบิกก่อนที่ท่านจะได้รับเลือกตั้งเสียด้วยซ้ำ โปสเตอร์หาเสียงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ของท่านที่ด้านหลังจะมีรูปหลวงปู่ศุขและพระอริยะสงฆ์อีกหลายท่านประทับอยู่ด้านหลังก่ออภินิหารยิงไม่ออกอยู่หลายครั้งหลายหนจนเป็นที่โด่งดังในยุคนั้นสมัยนั้น คนในอำเภอวัดสิงห์หาเก็บกันชุลมุน ไม่นานนักโปลสเตอร์กระดาษหาเสียงที่แปะอยู่ตามต้นไม้ก็ถูกชาวบ้านแย่งเก็บกันหมด แม้แต่พ่อแก่ข้าพเจ้าเองที่อยู่บ้านโคกสุกก็ยังเก็บไว้ให้แม่ของข้าพเจ้าโดยเขียนชื่อกำกับไว้ แสดงว่าเรื่องนี้เป็นที่โจษขานกันไปทั้งอำเภอวัดสิงห์ แต่น้อยนักที่จะมีคนรู้ว่าโปสเตอร์ทั้งหมด ส.ส.สรายุทธ ท่านนำมามอบให้หลวงพ่อเกิดเป็นผู้ปลุกเสกก่อนแจกจ่าย
ส่วนตัว ส.ส.สรายุทธเองท่านก็โดนหลายครั้งครับทั้งถูกรอบยิง ทั้งถูกปาด้วยระเบิด ด้วยบารมีหลวงพ่อท่านก็รอดมาหลายต่อหลายครั้งเช่นกัน แต่ในที่สุดก็ไม่อาจฝืนกฎธรรมชาติได้ กัมมุนา วัฏฏีโลโก เน๊อะ
ภาพนี้โปสเตอร์หาเสียงขนาดเล็ก ส่วนขนาดใหญ่สงสัยยังไม่ได้ถ่ายเอาไว้ฤกษ์งามยามดีแล้วค่อยลั่นฆ้องชัยกันอีกทีก็แล้วกันเนาะ
-
ใบจองมีดครับท่าน รุ่น มหาลาภปราบไพรี ปี 2517 เล่มใหญ่ 300 บาท เล่มเล็ก 100 บาท แต่ดูจากจำนวนเงินมัดจำแล้วคงจะวางมัดจำไว้เท่าไรก็ได้ไม่จำกัดกฎเกณฑ์
เห็นแล้วทึ่งครับว่าพระบ้านป่าผาดอยในปี พ.ศ.2517 มีใบจองแบบเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ด้วย ทำให้มองเห็นถึงความรุ่งเรืองแห่งแรงศรัทธาในยุคสมัยได้เป็นอย่างดี
-
ใบจอง
-
โปสเตอร์ ส.ส.ศรายุทธ ชะนะกุล มงคล 9 อาจารย์
-
วันนี้ผมได้สมัครสมาชิกแต่ใช้comไม่ถนัดนักแต่มีความตั้งใจและศรัทธาหลวงพ่อเกิดวัดเขาดินศึกษาประวัติท่านมาพอสมควรผมมีสมเด็จ1องค์ที่หลานแบ่งให้มาแต่ยังเข้าไปตอบกระทู้ไม่ได้ยังงัยฝากพี่ๆเพื่อนๆน้องๆแนะนำด้วยนะครับ
-
ถ้าเปรียบเทียบกับรูปที่โชว์ไว้แล้วตรงกัน ก็สบายใจได้ครับว่าทันและแท้ สมเด็จท่านยังไม่มีของปลอมครับ
-
รูปถ่ายต้นแบบเหรียญปี 19 เพิ่งได้เข้ามาใหม่้อีกรูปครับ รูปนี้มี 2 แบบคือรูปตามแนวนอนกับรูปตามแนวตั้งครับ รูปนี้หลวงพ่อจารเต็มทั้งหน้าหลัง
-
รูปนี้ก็ราวปี 17 ครับ พระประธานเพิ่งมาประดิษฐาน
ที่สำคัญคือรูปช้างคู่ครับ เป็นรูปในอริยาบทนี้สถานที่ตรงนี้แหละครับแต่มีช้างปูนปลาสเตอร์ตั้งอยู่ 2 ข้างของหลวงพ่อ รูปนั้นดังมากครับในศิษย์ยุคเก่า กำลังตามหาอยู่ครับ
-
สนใจเหรียญหลวงพ่อเกิดรุ่นแรก7เหรียญโทร085-1518982
-
สนใจครับ
แต่เบี้่ยน้อยหอยน้อยอย่างผม อาศัยขอตามญาติๆก็พอมีเก็บกะเขาบ้างล่ะ
-
ซูมเฉพาะภาพตำราโบราณของสำนักวัดเขาดิน เป็นวิชาในสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองฯ ที่ตกทอดมาแต่พระธุดงค์ 4 รูปซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่
เสียดายที่ปัจจุบันตำรายาและตำราวิชาโบราณที่เป็นสมุดข่อยจำนวน 3 เล่มหายไป เหลือแต่ตำราที่เป็นใบลานที่หลวงพ่อมอบให้ผู้เขียนไว้ 1 เล่ม
รู้สึกเป็นบุญมหาศาลนักแล้ว
-
ตำรายาน่าจะบรรจุในเจดีย์นะครับ
-
สุดยอดเลยครับ
-
เหรียญแรก ปี 2519 ,พี่ต้อม สำนัก จันทร์ จัดมาให้
และตามด้วย เหรียญ ด้านหน้าหลวงพ่อ ด้านหลังหลวงปู่ศุข เหรียญนี้รับมาจากมือหลวงพ่อเอง ตอนไปเจิมรถ.
-
เหรียญ หลวงพ่อ นั่งเต็มด้านหน้า ด้านหลังยันต์หลวงพ่อ
และ อีกองค์ พระพรม
-
สมเด็จเกศไชโย และหลวงพ่อท่าน ปิดทองกำกับ มาด้วย
-
น้องใหม่....ขอแจมด้วยคนครับ
เป็นพระที่ได้รับจากผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง (ในแวดวงการเมือง)
ที่ผมได้รับใช้ท่านๆจึงเอ็นดูมอบพระของหลวงพ่อเกิด มาให้คราวละองค์ๆไป
เพราะบ้านเกิดท่านที่ว่านี้อยู่ชัยนาทครับ...เลยได้แต่พระหลวงพ่อเกิด
(http://img850.imageshack.us/img850/6403/21645464.jpg)
(http://img857.imageshack.us/img857/1055/dsc00356o.jpg)
(http://img15.imageshack.us/img15/1060/dsc00358yv.jpg)
-
น้องใหม่....ขอแจมด้วยคนครับ
เป็นพระที่ได้รับจากผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง (ในแวดวงการเมือง)
ที่ผมได้รับใช้ท่านๆจึงเอ็นดูมอบพระของหลวงพ่อเกิด มาให้คราวละองค์ๆไป
เพราะบ้านเกิดท่านที่ว่านี้อยู่ชัยนาทครับ...เลยได้แต่พระหลวงพ่อเกิด
(http://img850.imageshack.us/img850/6403/21645464.jpg)
(http://img857.imageshack.us/img857/1055/dsc00356o.jpg)
(http://img15.imageshack.us/img15/1060/dsc00358yv.jpg)
ยินดีด้วยครับ :)
-
มาอัปเดชหลวงพ่อ เนื้อดินหายากครับ
-
เกิดปีติในใจเล็กๆครับ คุณมนตรี ที่ทั้งท่านและเพื่อนสมาชิก kontee2449 คุณเจย์ คุณแล๊ก ให้ความสนใจกระทู้นี้
ผมเองก็ได้ศึกษา ได้สัมผัส ได้ยินได้ฟังเรื่องราวและปฏิปทาของพระคณาจารย์ทางแถบชัยนาทบ้านเรามาพอสมควร ถ้าในยุคหลัง 2520 และที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน โดยส่วนตัวก็ยกย่องท่าน เรื่องเก่งเรื่องขลังไม่ต้องพูดกันว่าใครเก่งกว่าใคร เพราะวัดกันยากและไม่เกิดประโยชน์ เป็นเรื่องชวนทะเลาะกันเสียป่าวๆ แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องในทำนองปาฏิหาริย์ก็ไม่น้อยหน้าใครล่ะครับ ญาติพี่น้องคนใกล้ชิดหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อแต่ละท่านมีประสบการณ์มีเรื่องเล่าไม่ซ้ำกันเลยล่ะครับ ไว้วันหลังจะเรียบเรียงมาฝาก
แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดและควรแก่การสรรเสริญยกย่องก็คือในด้านปฏิปทา ข้อวัตรปฏิบัติ ตลอดจนธรรมมะคำสอนของท่านนั้นสมกับเป็นพุทธบุตรหน่อเนื้อพระชินสีห์ พูดง่ายๆว่าเป็นพระแท้ที่กราบไหว้ได้สนิทใจ รูปหนึ่งเลยทีเดียว
ปฏิปทาที่สามารถสังเกตเห็นได้จากภายนอกง่ายๆประการหนึ่งที่จะยกขึ้นมาเป็นข้อสังเกตสักเรื่องก็อย่างเช่นการครองผ้า สังเกตได้ว่าท่านถือการครองผ้าสามผืนเป็นวัตร คลุกคลีอยู่กับท่านมาตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยเห็นไตรจีวรห่างตัวท่านเลย ถ้าอยู่ในเขตวัดท่านก็จะห่มดองพาดผ้าสังฆาฏิรัดผ้ารัดอกแต้เป็นประจำแม้อากาศร้อนหรือขณะทำงานท่านก็ห่มของท่านอยู่อย่างนั้น ถ้าออกนอกวัดท่านก็ห่มแบบมังกรพาดผ้าสังฆาฏิไม่เคยขาด ถือว่าเป็นแบบแผนที่ถูกต้อง คือการห่มลดไหล่แบบห่มดองนั้นเมื่อห่มคลุมก็จะเป็นห่มแบบมังกร แต่ถ้าห่มลดไหล่แบบปั่นลูกบวบเมื่อห่มคลุมก็เป็นห่มแบบปั่นลูกบวบเช่นกันอย่างเช่นในสายธรรมยุตินิยมห่ม มาในสมัยหลังๆนี้แม้ในเรื่องเล็กน้อยอย่างเช่นการนุ่งห่มดังที่กล่าวมาก็หาผู้ที่ถือปฏิบัติให้เคร่งครัดคงเส้นคงวาเช่นนี้ได้ยากนัก นี้เป็นปฏิปทาเล็กๆน้อยๆข้อหนึ่งในหลายๆข้อ ซึ่งไใ้มีโอกาสจะมาสาธยายใหม่ในภายหลัง
เหรียญพรหมของคุณมนตรีงามมากครับ ถ้าแบ่งได้ก็ด้วยความยินดีนะครับ เห็นเขาซื้อกันตั้งสองพันกว่าบาทยังไม่งามขนาดนี้เลยครับ
เหรียญพรหมรุ่นนี้เกิดปรากฎการณ์ช๊อกโลกอีกแล้วครับ เมื่อได้ข่าวว่ามีคนได้พระพรหมเนื้อทองเหลือง เลยกระตือรือล้นที่จะได้มาเก็บรักษาและสุดท้ายก็ได้มาสมใจหมาย การได้พระพิมพ์พิเศษๆที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ไม่ค่อยได้พบเห็นของหลวงปู่หลวงพ่อในแถบบ้านเราเป็นความพอใจในการสะสมพระสำหรับผมในขณะนี้ ซึ่งพระหลักพระสากลไม่สามารถสร้างก่อให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้เสียแล้ว
(แก้ไข ๐๙/๐๗/๕๗)แต่หลังจากข้าพเจ้านำพระพรหมเนื้อทองเหลืองนี้ ไปสอบถามกับหลวงพ่อจึงได้รับความชัดเจนว่าในคราวที่สร้างนั้นไม่มีเนื้อทองเหลือง มีแต่เนื้อตะกั่วอย่างเดียว เมื่อกับมาพิจารณาที่พิมพ์ทรงของพระพรหมเนื้อทองเหลืองแล้ว ก็เห็นข้อน่าสังเกตว่าพิมพ์ด้านหน้าและด้านหลังตื้นเขินกว่าชุดเนื้อตะกั่วมาก ขอบด้านข้างก็หนาเข้าตำราพระถอดพิมพ์ จะเห็นได้ว่าแม้แต่พระที่ไม่ได้มีราคาค่างวดแพงนัก ก็สามารถมีอะไรที่เหนือการคาดคิดได้เสมอ มีสติใคร่ครวญให้รอบคอบ อยู่บนความเป็นจริง ข้อมูลจะไม่ถูกบิดเบือน
-
มาอัปเดชหลวงพ่อ เนื้อดินหายากครับ
องค์บนเป็นพระพิมพ์ของที่อื่นครับ ไม่ใช่ของหลวงพ่อสังเกตด้านหลังใช้อักขระล้านนาไม่ใช่อักขระคาถาและตัวยันต์ที่หลวงพ่อใช้ พระพิมพ์นี้เคยผ่านตาแต่จำสำนักไม่ได้ ซึ่งหลวงพ่ออาจจะได้รับมาแล้วนำมาแจก
องค์ล่างพิมพ์พระรอดเนื้อดินเผาผสมว่านและธาตุกายสิทธิ์หลายชนิดด้านหลังประทับยันต์เฑาะว์ สร้างปี 2509 พร้อมสมเด็จกระดูกผีรุ่นแรกสังเกตยันต์เฑาะว์ด้านหลังเป็นตัวเดียวกันกับที่ประทับหลังสมเด็จทั้งรุ่นกระดูกผี และรุ่นกอข้าว พระชุดนี้มีเอกลักษณ์ชัดเจนครับ
-
มาอัปเดชหลวงพ่อ เนื้อดินหายากครับ
องค์บนเป็นพระพิมพ์ของที่อื่นครับ ไม่ใช่ของหลวงพ่อสังเกตด้านหลังใช้อักขระล้านนาไม่ใช่อักขระคาถาและตัวยันต์ที่หลวงพ่อใช้ พระพิมพ์นี้เคยผ่านตาแต่จำสำนักไม่ได้ ซึ่งหลวงพ่ออาจจะได้รับมาแล้วนำมาแจก
องค์ล่างพิมพ์พระรอดเนื้อดินเผาผสมว่านและธาตุกายสิทธิ์หลายชนิดด้านหลังประทับยันต์เฑาะว์ สร้างปี 2509 พร้อมสมเด็จกระดูกผีรุ่นแรกสังเกตยันต์เฑาะว์ด้านหลังเป็นตัวเดียวกันกับที่ประทับหลังสมเด็จทั้งรุ่นกระดูกผี และรุ่นกอข้าว พระชุดนี้มีเอกลักษณ์ชัดเจนครับ
ขอบคุณมากมาย ครับ คุณ ฝุ่นดิน ที่แนะนำ ผมเองก็ไม่แน่ใจองค์บนนี้เหมือนกัน ก็เลยคิดว่า นำมา Post เพื่อขอคำแนะนำครับ
แต่ผมได้มาจากญาติผู้ใหญ่ แถวนั้น ขอบคุณครับ สำหรับกระทู้ดี ๆ ความรู้แน่น มีประโยชน์ กับผู้เริ่มศึกษาอย่างมากครับ
-
มาอัปเดชหลวงพ่อ เนื้อดินหายากครับ
องค์บนเป็นพระพิมพ์ของที่อื่นครับ ไม่ใช่ของหลวงพ่อสังเกตด้านหลังใช้อักขระล้านนาไม่ใช่อักขระคาถาและตัวยันต์ที่หลวงพ่อใช้ พระพิมพ์นี้เคยผ่านตาแต่จำสำนักไม่ได้ ซึ่งหลวงพ่ออาจจะได้รับมาแล้วนำมาแจก
องค์ล่างพิมพ์พระรอดเนื้อดินเผาผสมว่านและธาตุกายสิทธิ์หลายชนิดด้านหลังประทับยันต์เฑาะว์ สร้างปี 2509 พร้อมสมเด็จกระดูกผีรุ่นแรกสังเกตยันต์เฑาะว์ด้านหลังเป็นตัวเดียวกันกับที่ประทับหลังสมเด็จทั้งรุ่นกระดูกผี และรุ่นกอข้าว พระชุดนี้มีเอกลักษณ์ชัดเจนครับ
ขอบคุณมากมาย ครับ คุณ ฝุ่นดิน ที่แนะนำ ผมเองก็ไม่แน่ใจองค์บนนี้เหมือนกัน ก็เลยคิดว่า นำมา Post เพื่อขอคำแนะนำครับ
แต่ผมได้มาจากญาติผู้ใหญ่ แถวนั้น ขอบคุณครับ สำหรับกระทู้ดี ๆ ความรู้แน่น มีประโยชน์ กับผู้เริ่มศึกษาอย่างมากครับ
....ขอบคุณด้วยฅนครับ! :D
-
ขอบคุณครับท่านโซดา
ครั้งหนึ่งผมเคยถามหลวงพ่อว่า ในยุคนี้สมัยนี้ยังมีองค์ไหนที่ทำได้ถึงบ้าง
หลวงพ่อท่านยกย่องหลวงปู่เกษม เขมโก และอีกองค์ที่ท่านยกย่องและนับถือกันก็คือหลวงปู่โง่น วัดเขารวก พิจิตร หลวงพ่อเล่าว่าตอนเสกพระที่เสาหลักเมืองชัยนาท พอเสกเสร็จหลวงปู่โง่นท่านเดินดิ่งมาที่หลวงพ่อแล้วก็ชวนหลวงพ่อถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกด้วยกัน ทั้งๆที่ตอนนั้นหลวงพ่อกับหลวงปู่โง่นยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่หลวงปู่โง่นก็สามารถล่วงรู้ได้ในหลายๆเรื่องเหมือนกับรู้จักกับหลวงพ่อมานาน ( แต่ในรายชื่อคณาจารย์ปลุกเสกเหรียญหลักเมืองทำไมจึงไม่ปรากฎชื่อของหลวงพ่อทั้งสองก็ไม่ทราบ) หลวงพ่อท่านยกย่องหลวงปู่โง่นองค์นี้ว่าเป็นพระที่สำคัญมากมีระดับจิตที่ละเอียดพิศดารเป็นพิเศษ
อีกองค์ที่ท่านยกย่องในด้านฤทธิ์และปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ก็คือหลวงพ่อวิชา วัดศรีมณีวรรณ ท่านเล่าว่างานเสกเหรียญหลวงปู่ศุขที่วัดปากคลองฯครั้งหนึ่ง ซึ่งนิมนต์เกจิทั่วสาระทิศในยุคนั้นมาร่วมเสก โดยมีหลวงพ่อวิชานั่งเป็นองค์สุดท้าย หลวงพ่อวิชาไล่ดับเทียนที่บาตรน้ำมนต์ของคณาจารย์ที่นั่งเสกทีละรูปๆ จนกระทั่งเสร็จพิธีปรากฎว่าเหลือเทียนของหลวงพ่อกับของหลวงพ่อวิชาเท่านั้นที่ไม่ดับ แล้วหลวงพ่อวิชาก็เดินเข้ามากราบท่าน
นึกอะไรได้ก็ฝอยไปเรื่อย เอาไว้อ่านก่อนนอนแทนยานอนหลับกันครับ
ขอนำเสนอเครื่องรางเนื้อตะกั่วยุคเก่าๆของหลวงพ่อเพิ่มเติมดังนี้ครับ ชิ้นแรกกัณหา-ชาลี ตามมาด้วยนกคุ่ม ถอดพิมพ์มาจากนกคุ่มของหลวงพ่อทรัพย์ วัดตลุก
-
แถมแหวนหัวล๊อคเกทรุ่นแรกของหลวงพ่ออีกวงครับ สร้างน้อยหาชมยาก
-
เยี่ยมเลยครับ คุณ ฝุ่นดิน จัดชุดใหญ่ ให้ดูกัน
รู้สึกว่าชุดนี้ผมยังไม่มี เดี๋ยวคงต้องหาเก็บไว้บ้างซะแล้ว
ผมเคยบวชพระ ที่วัดเขาดิน โดยหลวงพ่อท่านเป็นพระอุปัชา และ ได้อยู่ใกล้ชิดท่าน บีบ ๆ นวด ๆ บ้าง
หลวงพ่อท่านควรนับถือจริง ๆ ครับ คิดอะไรแต่ละเรื่อง เพื่อชาวบ้านทั้งนั้น
โรงสีข้าว โรงลิเก ห้องอบสมุนไพร ....
ผมจัดบ้าง นิดหน่อย ก่อนนอน
-
....สภาพกำลังน่ารักจังครับ!(http://vlovepeugeot.com/forum/Smileys/default/sm_cool.gif)
-
แบบนี้เรียกพิมพ์ ตรีกาย หรือเปล่าครับพี่
-
มาศึกษา ขอบคุณครับ :D
-
มีอยู่บ้างครับ
-
แบบนี้เรียกพิมพ์ ตรีกาย หรือเปล่าครับพี่
ก็โดยมากมักใช้เรียกพระพิมพ์ในลักษณะแบบนี้ว่า ตรีกายบ้าง สามพี่น้องบ้าง ซึ่งมีที่มามาจากพระพิมพ์ศิลปะอิทธิพลมหายาน เช่นในพระกรุสมัยทวารวดีและลพบุรีเป็นต้น แต่พระพิมพ์ดังกล่าวแสดงกายวิภาคจำลองเป็นองค์พระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์(แทนกายเนื้อ กายธรรม กายทิพย์) ก็พออนุโลมเรียกสามพี่น้องได้ ส่วนพระพิมพ์ของหลวงพ่อซึ่งถอดพิมพ์มาจากพระพิมพ์ของหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอกนั้น หากสังเกตองค์พระสององค์ที่อยู่ด้ายซ้ายและด้านขวาจะเห็นได้ว่าพระเศียรเรียบไม่มีพระเกศแสดงถึงความเป็นสาวก ซึ่งก็หมายถึงพระโมคคัลลาและพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องซ้ายและอัครสาวกเบื้องขวานั่นเอง ดังนั้นเรียกพระพิมพ์นี้ว่าพระพิมพ์โมคคัลลา-สารีบุตรน่าจะสื่อความหมายได้ตรงกว่าครับ
พระพิมพ์นี้พบ 2 เนื้อครับคือเนื้อตะกั่วและเนื้อดินเผา ด้านหลังประทับยันต์เฑาะว์ ใต้ยันต์เฑาะว์เป็นคาถาอิสวาสุหัวใจพระรัตนตรัย และติคายะ หัวใจมหาอุดที่ถือว่าเป็นสูตรเฉพาะของหลวงพ่อ เพราะข้าพเจ้ายังไม่เคยพบเคล็ดนี้จากคณาจารย์ท่านอื่นเลย หลวงพ่อท่านบอกเคล็ดการลง ติคายะ ไว้ดังนี้
อะนิทัสสะนะอัปปะติ ให้เอา ติ มาตัวหนึ่ง
อะนิทัสสะนะอัปปะติคา ให้เอา คา มาตัวหนึ่ง
อะนิทัสสะนะอัปปะติคาตายะ ให้เอา ยะ มาตัวหนึ่ง
สำเร็จเป็น ติคายะ ดังนี้ ถือว่าเป็นสูตรที่พิสดารและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท่าน
และด้านล่างสุดใต้ยันต์และคาถานั้นมีฉายาของท่านคือ ปัณฑิโตภิกขุ ประทับไว้ให้เป็นที่ชัดเจน
เดี๋ยวนี้บุกหนักนะครับทั้งท่านสำนักจันทร์และท่านมนตรี ดีครับเก็บสิ่งที่เราจับต้องได้ จ่ายแพงกว่าสักหน่อยไม่เห็นเป็นไร จริงๆแล้วสำหรับสิ่งที่เราชอบและศรัทธาแทบจะไม่มีคำว่าถูกหรือแพงด้วยซ้ำไป....
-
มีอยู่บ้างครับ
เหรียญหล่อคอน้ำเต้าปี 11สวยครับ น้อยองค์ที่จะเจอชัดๆแบบนี้เพราะพระพิมพ์ของหลวงพ่อส่วนใหญ่เป็นพระถอดพิมพ์
-
ผมเพิ่งไปกราบหลวงพ่อบุญเกิดที่ตักท่าน ณวัดเขาดินมา เมื่อวันเสาร์ที่27 พ.ย.นี้
ท่านใจดีมากครับ เมตตาและอบอุ่นยิ่ง
(http://lh4.ggpht.com/_1fEQA3s_CdA/TPPMoe1XVuI/AAAAAAAAAuI/TNioeE70b6o/s640/PB270954.JPG)
ได้เช่าวัตถุมงคลที่วัดมาหลายรายการ ราคาบูชาไม่แพงเลย
พระเหรียญรูปเหมือน 100 บาท (รุ่นเสาร์5 ปี 2516 กับอีกรุ่น หลังพระนารายณ์ทรงครุฑบนราหู)
พระปิดตาพุงปล่องฝังพระธาตุ ปี2552 100 บาท
ที่ชอบมากคือ ตะกรุดจารมือ (ทั้งในและนอกม้วน) เนื้อตะกั่ว ยาว1นิ้ว 150บาท
ชื่อรุ่น "ตะกรุดชัยมงคล (พระเจ้าชนะมาร) "
อธิษฐานเดี่ยวเมื่อ 23 ต.ค. 2552 คราวเดียวกับ "มหามงคล รุ่นเกิดสุข" ครับ
ใช้คาถาบท พระพุทธเจ้าชนะมาร คือ พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ ตามที่คุณฝุ่นดินได้ลงไว้ในคห.ก่อนหน้านี้
อ้อ อีกอย่างที่เด็ดและถูกคือ มีดหมอ
มีดปากกา ด้ามงา 500 บาท
มีด้าม 5 นิ้ว 800 บาท
คอตะกรุดที่เน้นจารมือหรือนักสะสมมีดหมอ ไม่ควรพลาด
ถือว่าทำบุญกับพระสุปฏิปันโณ ร่วมสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่อยู่เชิงเขาหลังวัดด้วยกันเถิด
(http://lh4.ggpht.com/_1fEQA3s_CdA/TPPMox-5RDI/AAAAAAAAAuM/uHEYZmIOVFE/s640/PB270957.JPG)
ควรไปก่อนเวลาฉันเพล เพราะช่วงบ่ายให้หลวงพ่อได้พักผ่อน
หากท่านใดไป แนะนำซื้อถุงเท้านุ่มหนาไปถวายหลวงพ่อบุญเกิดท่าน จะเป็นกุศลยิ่งครับ
เมื่อวาน วันเสาร์ที่ 8 ก.ย. ได้ไปกราบและถวายสังฆทานหลวงพ่อเกิด
ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 27 พ.ย. 2553 ราวๆ 1 ปี 10 เดือน
ดูแล้ว หลายๆอย่างมีการก่อสร้างเสร็จดีแล้ว ทั้งศาลาหอฉันที่เดิมเป็นโครงไม้เก่า
เปลี่ยนมาเป็นศาลาปูนสร้างใหม่ โดยหลวงพ่อเกิดท่านออกพระรุ่นสร้างศาลา ปี 2554
(https://lh5.googleusercontent.com/-n29-2Mzlig0/UExd2bf9AKI/AAAAAAAAEhA/NqZMIMJ0u38/s616/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99.JPG)
ส่วนเจดีย์บรรจุพระบรมสารีกริกธาตุ ก็คืบหน้า ดังรูป
หลวงพ่อเกิดบอกว่า จะบรรจุพระบรมสารีกริกธาตุ วันที่ 19 ธันวาคม
แต่ผมเปิดปฏิทินดูถ้าปี 2555 นี้เป็นวันพุธ อย่างไร ลองสอบถามวัดอีกครั้ง
(https://lh5.googleusercontent.com/-XyyVw7WqpT4/UExd0jZBz9I/AAAAAAAAEg4/viB2upoCWSs/s616/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8+%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99.JPG)
โอกาสดีนี้ ขอหลวงพ่อเกิดท่านอธิษฐานพระและวัตถุมงคล
(https://lh3.googleusercontent.com/-1NYctMpg5Ms/UExd9aS8qCI/AAAAAAAAEhQ/iEfZZYjQVPs/s616/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94+%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99+1.JPG)
กราบหลวงพ่อเกิด ปัณฑิโต วัดเขาดิน
-
.
รูปหมู่พระพุทธรูปและครูอาจารย์ของหลวงพ่อเกิด
(https://lh6.googleusercontent.com/-KZrVblqbCYE/UExd5eacn3I/AAAAAAAAEhI/xcPt_fv1Q_k/s616/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99+%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%97+2.JPG)
พระธาตุ ที่หลวงพ่อเกิดท่านเก็บในพาน มอบให้ผู้มาทำบุญ
ผมนำออกมาถ่ายรูปข้างนอกที่มีแสง
ลองเทียบขนาดพระธาตุกับเหรียญบาทในพาน
(https://lh4.googleusercontent.com/-kl6-vjg6WL0/UExeD5LRoYI/AAAAAAAAEho/-RE2dypq9oc/s616/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8+%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99.JPG)
...
-
.
" พรหมเศรษฐี "
พระเครื่องที่น่าสนใจ ที่หลวงพ่อเกิดสร้างใหม่เร็วๆนี้
ค่าบูชาไม่แพงเหมือนศูยน์พระสร้าง เช่าจากวัดสร้างเองแบบนี้ดีกว่า
ที่น่าสนใจ แบบ300บาท ปิดทองเปลวแท้ ด้านหลังมีฝังพระธาตุและตะกรุดเงิน
<a href="http://pic.free.in.th/id/2d2530817d1515d25199624de8279bf9" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/ib/03fo1.jpg" alt="images by free.in.th" />[/url]
-
.
" พรหมเศรษฐี "
พระเครื่องที่น่าสนใจ ที่หลวงพ่อเกิดสร้างใหม่เร็วๆนี้
ค่าบูชาไม่แพงเหมือนศูยน์พระสร้าง เช่าจากวัดสร้างเองแบบนี้ดีกว่า
ที่น่าสนใจ แบบ300บาท ปิดทองเปลวแท้ ด้านหลังมีฝังพระธาตุและตะกรุดเงิน
ลงรูปใหม่ครับ
(http://image.free.in.th/z/ib/03fo1.jpg) (http://pic.free.in.th/id/2d2530817d1515d25199624de8279bf9)
-
เพิ่มเติม ที่พอหาสะสมได้(อย่างยากลำบาก) ครับ
-
อีกเหรียญ
-
อีกเหรียญ
-
เหรียญสุดท้ายครับ
ประกอบข้อมูลพี่ฝุ่นดินนะครับ :D :D
ขออภัย ฝีมือถ่ายภาพทำได้เท่านี้จริงๆ
-
ลืมแทรกรูป(บ่งบอกถึงวัย)
-
กระทู้เงียบไปนาน ของ Update ด้วย แหวกม่าน หลวงพ่ออีกสักองค์ ครับ ปีที่สร้างผมไม่แน่ใจ พี่ท่านใดทราบบอกทีครับ
-
ขออภัย....คณะศรัทธาทุกท่านครับ ที่ว่างเว้นไปนาน สังขารไม่ค่อยจีรังครับ
แต่ต่อแต่นี้จะพยามเข้าดูและตอบกระทู้ให้บ่อยที่สุด ....
ต้องขอโทษท่าน tiipong และท่าน kmontree ด้วยครับปล่อยให้แขกรอนาน
โดดบาตรท่าน tiipong ตื้นไปหน่อยครับ แต่พรหมงามมากสภาพนี้ตอนนี้หายากแล้วครับ
แหวกม่านของท่าน มนตรี ปีที่ออกยังไม่ค่อยเคลียร์ครับราวปี 19-22
-
ผ้ายันต์สิวลีรุ่นแรก ปี 2519
รูปแบบของผ้ายันต์สิวลีในลักษณะนี้ เป็นแบบผ้ายันต์ตลาดที่มีขายอยู่ทั่วไป หลวงพ่อนำมาปั๊มตราวัดและลงอักขระที่ท่านใช้ประจำเช่น อิสวาสุ สุสวาอิ ติคายะ นะมะพุทธัง
และที่สำคัญของผ้ายันต์ผืนนี้ คือแทนที่จะลงด้วยคาถามหาลาภ เรียกทรัพย์ เรียกคน เช่นหลวงปู่หลวงพ่อท่านอื่นๆ
แต่หลวงพ่อกับลงด้วยพุทธสุภาษิต อุฏฐาตา วินธเต ธนัง(อุ) ผู้มีความเพียรย่อมหาทรัพย์ได้
ซึ่งเป็นคาถาที่ทรงความศักสิทธิ์มากว่า 2500 ปี และย่อมให้ผลแก่ผู้นำไปประพฤติปฏิบัติได้ไม่จำกัดกาล
(แต่อักขระวิธีผิดตัวผิดตำแหน่งอยู่หลายที่ ไม่ทราบเพราะเหตุใด เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลวงพ่อท่านอาจจะลงด้วยดินสอไว้ก่อน แล้วช่างจึงซ้ำด้วยหมึกภายหลัง )
ผ้ายันต์สิวลีแบบนี้สรา้งออกมา 2 รุ่น
รุ่นแรกสร้า้งปี 2519 เท่าที่พบทำด้วยผ้าดิบสีขาว ด้านหลังสกรีนรูปหลวงพ่อครึ่งองค์อยู่ในซุ้มเสมาล้อมด้วยอักขระยันต์ ใต้ภาพระบุ พ.ศ.2495 ซึ่งเป็นปีที่หลวงพ่ออุปสมบท หาใช่ปีที่จัดสร้างไม่
รุ่นสองสร้างปี 2538 ทำด้วยผ้าขาวและผ้าสีต่างๆเช่น เหลือง ชมพู แดง เป็นต้นข้อสังเกตด้านหลังจะไม่มีรูปหลวงพ่อประทับเหมือนรุ่นแรก
-
ผ้ายันต์พญาไก่เถื่อน ลายมือหลวงพ่อจารเองทั้งผืน ปั๊มตราวัดชัดเจน หาชมได้ไม่ง่ายครับ
-
ผ้ายันต์ชายธงรุ่นแรกอันลือเลื่องครับ ผืนนี้อลังการด้วยปั๊มยันต์ว่าวซ้อนกันถึง 3 ตัว แถมมีจารมือกำกับเข้าไปอีก สังเกตยันต์ตรงกลาง เป็นเลขหนึ่งไทย แล้วกากบาททับ สัญลักษณ์สายหลวงพ่อเขาสาริกาครับ
-
ผ้ายันต์ชายธงรุ่นแรกคุณตาบุญรอด สว่างวงศ์ น้องคุณวรรณงาม ดารามาศผู้เป็นภรรยาของนายแพทย์เหลี่ยม ดารามาศ ตระกูลที่มีอุปการะต่อวัดเขาดินตั้งแต่หลวงพ่อมาครองวัดเขาดินในยุคแรกๆ เป็นผู้สร้างถวายหลวงพ่อ โดยใช้แบบยันต์ที่หลวงพ่อกำหนดให้ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรูปว่าวจุฬา ให้ร้านชโลกุล ข้างวัดสุทัศน์วราราม กทมฯ เป็นผู้แกะบล๊อค ซึ่งแม่พิมพ์เป็นตรายางตัวแป้นเป็นไม้ ในปี พ.ศ.2516
ด้านหลังของผ้ายันต์ชายธงรุ่นแรกนี้ ถ้าแบบครบเครื่องจะประทับด้วยยันต์ต่างๆที่แกะขึ้นจากบล๊อคหินมีดโกนอีก 2-3 ยันต์ เช่นยันต์พุทธคุณเก้าช่อง ยันต์แม่นางกวัก ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ เป็นต้น ยันต์ต่างๆเหล่านี้หลวงพ่อจะเป็นผู้เขียนยันต์ลงบนหินมีดโกน แล้วให้ลูกศิษย์แกะตาม เป็นบล๊อคแม่พิมพ์หินที่ทำกันเองภายในวัด ไม่ทราบชัดว่าทำตั้งแต่ปีใด แต่ที่สังเกตพระเนื้อดินเผา ที่บรรจุใต้ฐานพระประธานบนยอดเขาเมื่อปี 2508 บางองค์มีรอยใช้ยันต์ชุดนี้กดลงที่ด้านหลังอยู่ด้วย
-
ชายธงรุ่นสองสร้างถัดมาอีกปีคือในปี พ.ศ.2517 ชุดหนึ่งจะมี 3 ผืนคือสีขาว แดง เขียวอ่อน(แทนสีน้ำเงินเนื่องจากสีน้ำเงินโทนสีเข้มทำให้เห็นหมึกสกรีนไม่ค่อยชัดเลยใช้เขียวอ่อนแทนด้วยประการละฉะนี้) ด้านล่างของยันต์ว่าวมีรูปสกรีนหลวงพ่อสมัยยังหนุ่มเป็นรูปครึ่งองค์ห่มคลุมประทับอยู่ด้วย แถมท้ายด้วยการประทับยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ที่ทำจากแม่พิมพ์หินมีดโกนแกะอีกหนึ่งดวง
-
มาต่อกันด้วยเครื่องรางอีกชนิดของหลวงพ่อ "แหวนนิ้ว" ลักษณะต่างๆครับ โดยมากจะนำของที่เป็นของงานตลาดทั่วๆไปมาประยุกต์ด้วยตัวท่านเอง ได้อารมณ์พระบ้านนอกเป็นที่สุดครับ ปราศจากระบบนายทุน ใช้สิ่งที่มีอยู่หรือหาได้ง่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่พึ่งพิงการผลิตแบบอุตสาหกรรมพานิชย์ สิ่งที่เห็นชัดที่สุดคือความตั้งใจจริงในการรังสรรค์มงคลวัตถุแต่ละชิ้นขึ้นมาเพื่อตอบแทนต่อคณะศรัทธา ชนิดที่ไม่น้อยหน้าใคร
-
วัตถุธาตุที่หลวงพ่อนำมาทำเป็นหัวแหวน ล้วนเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีฤิทธิ์หรือสรรพคุณในตัวแทบทั้งสิ้นครับ
-
ยังมีอีกหลายแบบหลายชนิดครับ แต่จะนำมาเสนอเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของท่าน แหวนตลาดที่มักขายเป็นหลวงพ่อกันบ้าง พ่อกวยบ้าง พ่อมุ่ยบ้าง หลวงพ่อเกิดก็มีครับ แต่เนื่องจากเป็นแหวนตลาดไม่ใช่เอกลักษณ์ของท่านผู้ใดผู้หนึ่งจึงไม่นำมาเสนอ ตอนต่อไปมาชมเครื่องรางประเภท "มืดหมอ" ของท่านกันครับ...รับรองมันส์อุตลุดจริงๆ
-
มีดหมอเป็นเครื่องรางอีกชนิดหนึ่งที่มีประสบการณ์เป็นที่เลื่องลือและเป็นที่เชื่อถือของศิษยานุศิษย์ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่มาช้านาน สามารถจำแนกมีดหลวงพ่อออกเป็น 2 ประเภทดังนี้คือ
1.มีดที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน
2.มีดตลาดทั่วไปที่รับมาเสก
ในที่นี้จะนำเสนอเฉพาะมีดที่เอกลักษณ์ชัดเจนเท่านั้น
มีดในยุคแรกๆเลยนั้น ทายกย่อนเล่าว่า เป็นมีดเหน็บขนาดพกพาความยาวเกือบๆศอก ทำด้วยวัสดุ 2 อย่างคือไม้งิ้วดำและกระดูกช้าง ปลอกรัดทำด้วยโลหะ 3 กษัตริย์ ทอง เงิน นาค อาจารย์กุมมาเป็นผู้ทำถวาย ซึ่งขณะนี้ผู้เขียนเองก็ยังไม่เคยพบ
-
แก้ไขเพิ่มเติม (๖/๖/๖๐)
มีดด้ามพลาสติกเป็นมีดอีกรุ่นหนึ่งที่มีเอกลักษณ์และแตกต่างไปจากสำนักอื่นๆอาจจะด้วยข้อจำกัดทางด้านต้นทุนการผลิต เพราะสำหรับวัดบ้านป่าผาดอยซึ่งอยู่ในช่วงริเริ่มบุกเบิกด้วยนั้นคงมีกำลังทรัพย์ไม่มากนัก แต่ถ้ามองอีกมุมนึงในสายหลวงพ่อเขาสาริกาและหลวงพ่อโอภาสีก็นิยมใช้พลาสติกเป็นวัสดุในการจัดสร้างวัตถุมงคลอยู่หลายรุ่น และก็ปรากฎว่ามีความกายสิทธิ์ไม่ต่างจากวัตถุมงคลที่ทำจากวัสดุมีราคาแต่อย่างไรเลย วัตถุใดใดจะทรงอานุภาพได้ก็ด้วยกำลังของจิตเป็นสำคัญ ส่วนวัตถุุนั้นเป็นเพียงแต่สิ่งรองรับแม้องค์หลวงปู่ศุขผู้เป็นปรมาจารย์ใหญ่ก็ยังใช้ตะกั่วเป็นวัสดุหลักในการสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของท่านเป็นส่วนมากไม่เห็นจำเป็นจะต้องใช้เงินทองของมีค่าอันใดไม่
มีดรุ่นด้ามพลาสติกนี้สืบทราบจากคุณอรุณ สินเพ็งว่าบิดาของท่านคือช่างยี สินเพ็งหรือที่ชาวตลาดวัดสิงห์รู้จักกันในนาม"โกหย่ง"เป็นผู้รับทำให้หลวงพ่อ โกหย่งเป็นช่างซ่อมนาฬิกาและเลี่ยมพระในตลาดวัดสิงห์ร้านอยู่ตรงข้ามวัดหลวงปู่สีซอยตลาดสดวัดสิงห์เก่า พี่อรุณเล่าว่าโกหย่งรับมาทำเฉพาะด้ามและฝักโดยใช้พลาสติกสีเป็นวัสดุหลัก เมื่อทำเสร็จแล้วจึงนำไปให้หลวงพ่อซึ่งหลวงพ่อท่านจะทำการเข้าด้ามและรัดปลอกเอง อัตราค่าจ้างในสมัยนั้นสอบถามจากภรรยาโกหย่งเล่าว่าเล่มละไม่เกินสิบบาท แต่จะเท่าไรแน่นั้นจำได้ไม่ชัด
มีดชุดที่โกหย่งทำนี้มีอยู่ ๒ ขนาดคือ
๑.ขนาดใหญ่ (ยาว๗นิ้ว) ใช้พลาสติกสีขาวแบบงาช้าง ที่ด้ามบรรจุรูปหลวงพ่อและสิงห์งาแกะ ใบมีดทองเหลืองตอกอักขระ ไม่ตอกลาย
๒.ขนาดเล็ก (ยาว๕นิ้ว) ใช้พลาสติกสีเหลืองสะท้อนแสง ที่ด้ามบรรจุรูปหลวงพ่ออย่างเดียว ใบมีดแสตนเลส ตอกลายใบเสมา ส่วนอักขระพบทั้งที่ตอกและไม่ตอก
-
ส่วนปลายด้าม หลวงพ่อเจาะช่องว่างเอาไว้ บรรจุรูปท่านไว้ช่องบน และบรรจุสิงห์งาแกะไว้ช่องล่าง
ท่านเล่าว่าเทคนิคนี้ท่านทำขึ้นมาก่อนใคร ภายหลังวัดอื่นเห็นดีจึงทำตามกัน ที่ผู้เขียนเห็นก็มีวัดบ้านเชี่ยนวัดหนึ่งที่ทำแบบหลวงพ่อ
-
ฝั่งซ้าย โคนใบลงเฑาะว์ขนาบด้วยพุท-โธ
อักขระตามแนวนอนช่วงโคนใบด้านบนลง สวาสุอิ
อักขระตามแนวนอนช่วงโคนใบด้านล่างลง สุสวาอิ
ช่วงกลางใบลง เฑาะว์ อีกหนึ่งตัว
ขนาบด้วย อิสวาสุ และ ติฆายะ
ช่วงปลายลง อิอะปิปะทา
กลั่นมีดลง สัพพะสัตรูวินาส
-
ใบมีดฝั่งขวา โคนใบลงองค์พระที่ฐานลงตัว เห
อักขระตามแนวนอนช่วงโคนใบด้านบนลง อิกะวิติ ติวิกะอิ สุกะสะกะสุอิ
ช่วงกลางใบลง เฑาะว์
ขนาบด้วย กะขะมะนิ และ วิเนสุติ (ตามความคิดของข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเพี้ยนมาจาก วินาสสันติ )
ช่วงปลายลง วิทะปะปิ
กลั่นมีดลง วินาสสันติ
ตัวอักขระคาถาหลายๆตัวแทบไม่คุ้นหูเลย หลวงพ่อท่านชอบจับเอามาจากเจ็ดตำนานตามวิจารณญาณของท่านเท่าที่เห็นควร
-
เล่มนี้เล่มเล็กครับ
พลาสติกสีเหลือง ใบแสตนเลส พบทั้งตอกและไม่ตอกอักขระ
แต่เล่มที่ตอกก็เป็นการตอกคนละฝีมือกันกับเล่มใหญ่
ในส่วนของใบมีดนั้นดูจากงานแล้วน่าจะเป็นการสั่งทำสำเร็จมาจากร้านทำมีด
เล่มนี้เดิมทีเป็นของท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในตลาดวัดสิงห์
ผู้เขียนพยามขอแบ่งซื้อ ด้วยการไล่เสนอราคาตั้งแต่ 3000 3500
พอถึง 4000 เจ้าของยิ้มอย่างใจเย็นแล้วถามว่าจะเอาไปทำอะไร
ก็อรรถาธิบายความในใจออกไปแบบตรงไปตรงมา
แกฟังเสร็จแล้วก็ยื่นมีดให้ "เอ้างั้น..ฉันให้ ไม่ต้องจ่ายตังค์"
โอ้...ความรู้สึกยิ่งกว่าได้มีดหลวงพ่อเดิม เพราะมีดหลวงพ่อเดิมอาจจะแพงจริงแต่ก็ผ่านมือข้าพเจ้าหลายเล่ม
ตรงกันข้ามกับมีดพลาสติกของหลวงพ่อซึ่่งแทบจะไม่มีราคาค่างวดอะไรในส่วนกลาง แต่ผ่านตาข้าพเจ้าสัก ๒-๓ เล่มเท่านั้นเอง
-
ใบแสตนเลสแบบนี้สอบถามเพื่อเทียบเคียงกับสายนครสวรรค์แล้ว ว่ากันว่าเริ่มใช้กันตั้งแต่ราวๆปี 2505 เป็นต้นมา
-
ด้ามบรรจุรูปหลวงพ่อหน้าหนุ่ม ยังไม่ทราบชัดครับว่ารูปนี้ถ่ายครั้งแรกเมื่อปีใด
-
สวยๆทั้งนั้นเลยครับ พี่ฐา
-
สวยๆทั้งนั้นเลยครับ พี่ฐา
แหม..รู้จักชื่อด้วย ขอบคุณครับที่เยี่ยมชม
-
มีดรุ่นฉลองพัดยศครับ ด้ามงาฝักงารูปแบบแปลกตามีเอกลักษณ์ด้วยการตอกลายเป็นลักษณะพัดยศไว้ที่โคนใบ จัดสร้างเนื่องในงานฉลองพัดยศชั้นตรี ที่พระครูอุดมชัยกิจ ปี พ.ศ.2528
มีดรุ่นนี้ได้ยินครั้งแรกจากการกล่าวถึงของท่านสำนักจันทร์ ว่าน้องหรือพี่ชายของท่านก็เหน็บกระเป๋าเสื้ออยู่เล่มเดียว เรียกว่ารุ่นฉลองพัดจะมีรูปพัดยศตอกไว้ที่ใบมีด ได้ยินดังนั้นแล้วก็เสมือนไปจุดประกายไฟฝันให้โชติช่วง และนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ในที่สุดก็สมปารถนา
-
เล่มนี้ด้ามกระดูกฝักกระดูก รัดปลอก 3 กษัตริย์ ตอกยันต์ตอกชื่อ "ล.พ.บุญเกิด" ไว้ชัดเจน ง่ายต่อการสะสม น่าจะออกราวๆปี 2530 ขึ้นมาไม่ทราบวาระที่แน่นอนครับ
ปัจจุบันเล่มนี้ไปประกาศเกียรติคุณที่อ่างทองครับ ปลัดอำเภอวิเศษฯนิมนต์ไปเป็นมรดกประจำตระกูลไปแล้ว...อนุโมทนาต่อศรัทธาที่ท่านมีต่อหลวงพ่อครับ
-
โฮ เห็นแล้วตาโตเลย ทำไงจะสมได้ขนาดนี้ เดี๋ยวนี้หายากครับ
ขอบคุณ ชอบ ๆๆ
-
ครับ คุณฝุ่นดินมีดฉลองพัดยศเหมือนกันกับที่ผมบอกเป๊ะเลยเป็นของน้องชายครับ ลูกอา อยู่ที่หนองมะโมงแหละครับเขาพกอยู่ เลยขอแจมมีดที่มีอยู่บ้างได้ข้อมูลเพิ่มเติมคนที่เลี่ยมพลาสติกสีเหลืองทำด้ามทำฝักมีดคือ คุณพ่อของ พี่อรุณ สินเพ็ง พื้นเพอยู่วัดสิงห์ย่านเดียวกับร้านค้าของหลวงพ่อมหาโพธิ์เก่าครับตอนนี้ยกครัวไปอยู่ สากเหล็ก พิจิตร เพิ่งเจอแกตอนงานไหว้ครูหลวงพ่อมหาโพธิ์และหลวงปู่ศุขที่วัดคลองมอญ เมื่อ 23 พ.ค 2556 ที่ผ่านมา พี่อรุณศึกษาสรรพวิชามากทั้งสายมะขามเฒ่าและสายพิจิตร เขียนยันต์เขียนขอมอย่างคล่องเก่งจริงๆ แกมีพระหลวงพ่อเกิดเยอะด้วย เดี๋ยวแบ่งได้จะมาอวดครับ
-
อีกเล่มครับคุณฝุ่นดิน ผมซื้อได้ในกรุงเทพฯ เป็นแบบพระขรรธ์ มีจารที่ฝักด้วย น่าจะเป็นหลวงพ่อเกิดใช่ไหมครับฟอร์มนี้
-
ครับท่านสำนักจัน ได้พบและคุยกับพี่อรุณแล้วได้รายละเอียดการทำมีดพอสมควร ได้นำข้อมูลที่ได้แก้ไขเนื้อหาไว้แล้วในหน้าที่ ๑๓ เข้าไปศึกษาได้ครับ
ส่วนมีดที่เป็นแบบพระขันธ์ ยังไม่เคยพบครับ ดูจากงานของโกหย่งผู้ที่ทำมีดด้ามพลาสติกให้หลวงพ่อก็ไม่พบงานลักษณะนี้ ต้องดูที่ตัวจารและอักขระคาถาอีกทีครับ เพราะหลวงพ่อใช้คาถาไม่มากนักคงไม่หนีกันไปสักเท่าไร ว่างๆลองเขียนใส่กระดาษให้ดูคงจะวิเคราะห์ได้ชัดเจนขึ้นครับ
-
มีดของโกหย่งผู้ทำมีดด้ามพลาสติกให้หลวงพ่อครับ ปัจจุบันเป็นสมบัติตกทอดมาถึงพี่อรุณ ด้ามทำด้วยกระดูกช้าง ฝักไม้ ใบมีดทำด้วยทองเหลืองอย่างเดียวกันกับใบมีดของรุ่นพลาสติกสีงาช้าง จารอักขระที่ใบมีดด้วยเหล็กจารลายมือหลวงพ่อ แต่ไม่ได้ตอกลงไปในเนื้อ มีดด้ามกระดูกช้างนี้ไม่ใช่ฝีมือของโกหย่ง แต่ไปสอดคล้องกับที่ทายกย่อนเล่าให้ฟังว่ามีดรุ่นแรกจริงๆอาจารย์ภุมมาเป็นผู้ทำให้หลวงพ่อมี ๒ ชนิดคือด้ามกระดูกช้างและไม้งิ้วดำ (ซึ่งมีดรุ่นของอาจารย์ภุมมานี้ข้าพเจ้าก็็ยังไม่เคยพบว่ามีลักษณะเช่นไร) ส่วนเล่มนี้จะเป็นของอาจารย์ภุมมาหรือไม่ ยังไม่แน่ชัดในขณะนี้ เพียงแต่ตั้งเป็นข้อสันนิษฐานเอาไว้ในเบื้องต้นเท่านั้น
-
ใบหาเสียงเก้าคณาจารย์ ของ ส.ส.สรายุทธ์ครับ เลี่ยมโชว์เฉพาะรูปหลวงปู่ศุขกับกรมหลวงฯดูเหมาะดีครับ ฝีมือเลี่ยมของโกหย่ง เครื่องยืนยันประสบการณ์อันไม่ธรรมดาของใบปลิวหาเสียงท่านสรายุทธ์ในยุคนั้น
-
พระธาตุเลี่ยม เป็นของแจกในยุคต้นๆอีกอย่างของหลวงพ่อครับ ด้านในจะเป็นพระธาตุบ้าง เม็ดแร่บ้าง ข้าวสารหินบ้าง ชนิดที่เรียกว่าเป็นของทนสิทธิ์ในตัว แล้วก็เลี่ยมหุ้มทับด้วยพลาสติกสีต่างๆ ฝีมือโกหย่งครับ
-
แบบยังไม่ได้เจียครับ ประกอบด้วยพลาสติก ๕ แผ่นประกบเข้าด้วยกันคือ ๓ แผ่นกลางจะเป็นพลาสติกสีเจาะรูสำหรับใส่พระธาตุหรือของมงคลอื่นๆ ประกบข้างด้วยพลาสติกใสทั้ง ๒ ข้างข้างละแผ่น เสร็จแล้วเจียให้เข้ารูป ลักษณะคล้ายเจดีย์ปลายแหลม
-
แหวนพลาสติก หัวแหวนเป็นสมเด็จพิมพ์จิ๋วเนื้อตะกั่ว สมเด็จจิ๋วนี้เท่าที่พบมี ๒ เนื้อครับคือตะกั่วกับเนื้อผง คนทำช่างตั้งอกตั้งใจเสียจริง นอกจากหัวสมเด็จแล้วแหวนพลาสติกหัวสิงห์งาแกะก็เคยพบครับ ดังนั้นถ้าพบแหวนที่ทำด้วยพลาสติกที่ไหนควรพิจารณาครับ
-
ขอบคุณภาพชุดนี้ที่เอื้อเฟื้อโดยคุณอรุณ สินเพ็ง ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ปิดท้ายด้วยด้ามและฝักมีดพลาสติกฝีมือของโกหย่งที่เหลือไว้เป็นตัวอย่างครับ
จากตัวอย่างที่มีอยู่นี้สังเกตว่ารูปแบบของด้ามมี ๒ ลักษณะคือแบบเอวคอดกับแบบเป็นด้ามตรง
-
พระบูชาขี่เต่าเนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์ รุ่นนี้เป็นรุ่น ๒ ครับรุ่นแรกให้ญาติกันไปแล้ว เพราะคิดว่าวัดอยู่ไกล้ไปเอาเม่ือไรก็ได้ ในที่สุดหมด เท่าที่จำได้นั้นรุ่นแรกจะมีชื่อที่บัลลังค์ที่หลวงนั่ง เนื้อหาละเอียดมีความงดงามกว่ารุ่น ๒
-
พระบูชาเนื้อโลหะรุ่นแรกปี๔๓ มี๒ ขนาดคือขนาด ๕ นิ้วและ ๙ นิ้ว ออกในคราวหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริงของหลวงพ่อและรูปเหมือนหลวงปู่ศุขยืนถือไม้เท้าเท่าองค์จริง พร้อมกันนี้ยังมีเหรียญรูปไข่นั่งเต็มองค์อีกด้วยแต่แกะรูปหลวงพ่อออกมาไม่ค่อยสวยนัก อ้อ..แล้วก็มีภาพถ่ายที่ถ่ายเพื่อเป็นต้นแบบให้ช่างปั้นรูปเหมือนเท่าองค์จริงด้วย ขนาดประมาณกระดาษเอสี่หลวงพ่อลงยันต์พระพุทโธไว้ตรงกลางอกสำหรับแจกให้กับทุกท่าน
-
เหรียญหล่อพิมพ์พระปิดตามหาอุด ไม่ทราบว่าของสำนักไหนแต่เป็นต้นแบบที่หลวงพ่อนำมาถอดพิมพ์แล้วกดด้วยเนื้อดินเผาในปี ๒๕๐๘
-
และเหรียญหล่อนี้ก็มีลักษณะคล้ายกับเหรียญปั๊มพระปิดตาเหรียญนี้อีกด้วย (ขออนุญาติเจ้าของภาพทั้ง๒องค์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยเพื่อประกอบการศึกษาครับ)