กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย
โชว์พระเครื่อง วัตถุมงคล เกจิอาจารย์สายชัยนาท => โชว์พระเครื่อง วัตถุมงคล เกจิอาจารย์สายชัยนาท ทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: ฝุ่นดิน ที่ กรกฎาคม 12, 2009, 09:45:43 pm
-
.
พระอธิการโอ อินฺทโชโต มีนามเดิม ว่า โอ โพธิ์อุไร เกิดปีมะแม พุทธศักราช 2438 ที่บ้านหางน้ำหนองแขม หมู่ที่ ๗ ต.ท่านฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เป็นบุตรนายเทศ นางเพิ่ม โพธิ์อุไร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน จำนวน 4 คน ดังนี้
๑ นายอิน โพธิ์อุไร
๒ หลวงพ่อโอ อินฺทโชโต
๓ นางตี่
๔ นางทำ
ช่วงชีวิตในวัยเยาว์ เมื่อหลวงพ่อโอ อายุได้ ๗ ขวบ ได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้น ซึ่งโรคนั้นก็คือโรค ฝีดาษ ซึ่งหมู่บ้านหางน้ำหนองแขมก็อยู่ห่างไกลความเจริญมาก ถนนหนทางก็ไม่มี การแพทย์สมัยนั้นก็ยังไม่เจริญ หลวงพ่อโอ ก็เป็นคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคนี้ การรักษาเป็นไปด้วย ความยากลำบาก มีแต่หมอชาวบ้าน รักษากันด้วยยาสมุนไพรไปตามมีตามเกิด ประกอบกับฐานะทางบ้านของหลวงพ่อโอ ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก จึงทำให้การรักษาได้ไม่ดีเท่าที่ควร หลวงพ่อเลยตาบอดจากโรคฝีดาษ แต่ก็ไม่ถึงกับบอดสนิท ยังมองเห็นเป็นลางๆ พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และยังสามารถเรียนหนังสือได้ ในสมัยก่อน โรงเรียนยังไม่มี ต้องอาศัยเรียนกับพระในวัดช่วยสอนหนังสือให้ เมื่ออายุประมาณ ๘-๙ ขวบ หลวงพ่อโอก็ได้รับอุปการะจากหลวงพ่ออิน จนฺทสโร ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหางน้ำหนองแขมโดยได้นำมาอยู่ที่วัด คอยปรนนิบัติรับใช้และเป็นลูกศิษย์ พร้อมทั้งได้รับการศึกษาจนอ่านออกเขียนได้ ภาษาขอมภาษาบาลี และก็ฝึกกรรมฐานไปด้วยและเรียนคาถาอาคม จากหลวงพ่ออิน ด้วยสติ ปัญญาอันฉลาดเฉียบแหลม และมีความจำดีเลิศ จึงทำให้หลวงพ่อโอมีความรู้แตกฉาน ทั้งภาษาไทยและขอม บาลีและศาสตร์ต่างๆ ยิ่งนัก จึงเป็นที่รักใคร่ของหลวงพ่ออิน เป็นอย่างมาก เนื่องจากหลวงพ่อโอ เป็นผู้มีดวงตาไม่สมบูรณ์ จึงไม่ สามารถ ที่จะ ไปประกอบอาชีพทำนาทำไร่ได้เหมือนกับชาวบ้านทั่วไป หลวงพ่อจึงอยู่ในวัดไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน มากนัก แต่ด้วยความที่หลวงพ่อเป็นผู้ที่สนใจในวิชาอาคมต่างๆ และวิปัสนากรรมฐาน จึงทำให้หลวงพ่อโอ ได้ขออนุญาต หลวงพ่ออิน เพื่อไปศึกษา วิชาต่างๆกับพระเถระที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น โดยหลวงพ่อจะคอยดูแล ปรนนิบัติพระอาจารย์ต่างๆ เหล่านั้น เพื่อจะได้ขอเรียนวิชาจากท่าน ซึ่งหลวงพ่อได้เคยบอกเล่าให้ฟังเสมอว่า ในสมัยหนุ่มๆ หลวงพ่อก็จะไปเรียนวิชาคาถาต่างๆจากพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะอยู่ไกล หรือใกล้ ต้องไปเรียนให้ได้ ซึ่งในปัจจุบันนั้นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง อาทิเช่น
หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล
หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
หลวงพ่อเงินวัดพระปรางค์เหลือง
หลวงพ่อมี วัดบ้านบน
หลวงพ่อปั้น วัดหาดทะนง
หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
หลวงพ่ออิน วัดหางน้ำหนองแขม
และพระเกจิอาจารย์ อีกหลายรูปจึงทำให้หลวงพ่อโอมีวิชาอาคมที่แก่กล้า และหลังจากนั้นหลวงพ่อโอ ก็เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
-
อุปสมบท
เมื่อหลวงพ่อโอ อายุได้ครบบวช หลวงพ่ออิน ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้นก็ได้นำหลวงพ่อโอเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปยังวัดสระทะเล ซึ่งการเดินทางในสมัยนั้นยังไม่มียานพาหนะ ต้องเดินด้วย เท้าเปล่า ซึ่งในช่วงนั้นพระอุโบสถ วัดสระทะเลได้สร้างและผูกพัทธสีมาเสร็จสิ้นพอดี หลวงพ่ออินจึงได้นำไปหาอุปัชฌาย์เทศเพื่อจะขออุปสมบท อุปัชฌาชย์เทศก็ไม่ขัดข้องอะไร เพราะหลวงพ่อโอก็เป็นศิษย์ท่านอยู่แล้ว และหลวงพ่อโอก็ยังอ่านออกเขียนได้จึงได้ทำการอุปสมบทโดยมีหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล เป็นพระอุปัชฌาชย์ พระอธิการอิน จนฺทสโร วัดหางน้ำหนองแขม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์หมึก วัดสระทะเล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ซึ่ง ได้รับฉายาว่า อินฺทโชโต ซึ่งตรงกับปีขาล พุทศักราช ๒๔๕๗ และหลังจากได้อุปสมบทแล้ว ก็ได้กราบลาอุปัชฌาย์ มาจำพรรษาที่วัดหางน้ำหนองแขมตลอดมา หลวงพ่ออิน จันฺทสโร ได้มรณภาพลง หลวงพ่อโอ อินฺทโชโต ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสในปีพ.ศ.๒๔๗๖ พร้อมทั้งได้รับแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์และเป็นเจ้าสำนักเรียนนักธรรม ก็ได้พัฒนาวัดมาโดยตลอด
หลวงพ่อโอเป็นพระสมถะไม่สะสมสิ่งของทุกอย่าง สิ่งของที่ได้มาก็นำมาสร้างวัดหมด ท่านเป็นพระที่ตาบอดเมื่อท่านอยู่ตามลำพัง หรือเวลารับแขก ท่านมักจะใช้ลูกกุญแจกเคาะกับพื้นกระดานที่ท่านนั่งเหมือนกับนั่งสมาธิอยู่ตลอดเวลา จากคำบอกเล่าของบุคคลทั่วไป มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลวงพ่อเป็นคนปากไว ใจร้อน แต่เป็นคนใจดี โกรธง่ายหายเร็ว และที่สำคัญที่สุดสมองของหลวงพ่อเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปว่า คิดเลขได้เร็วมากมีความจำเป็นเลิศและเป็นพระที่มองการณ์ไกล หวังความเจริญมาสู่วัดและหมู่บ้าน
วัตถุมงคลหลวงพ่อ
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรางของขลังต่างๆของหลวงพ่อคงไม่ต้องพูดถึงว่ามีค่าแค่ไหน มีประสบการณ์เพียงใด สามารถช่วยเหลือผู้ที่นำติดตัวไปหรือผู้ที่เคารพนับถือมานับครั้งไม่ถ้วนจึงทำให้เป็นของที่หายากใครมีไว้ต่างก็รู้ค่า และหวงแหนยิ่งนัก เนื่องจากหลวงพ่อเป็นพระที่มีอาคมแก่กล้าและสมาธิขั้นสูง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระเครื่องของหลวงพ่อทำไมถึงได้ขลังอย่างเอกอุเช่นนั้น ประกอบกับหลวงพ่อโอ ได้จัดสร้างวัตถุมงคลเป็นครั้งแรก ปีพุทธศักราช ๒๕๐๑ ซึ่งได้มีพระเกจิที่มีชื่อเสียงหลายองค์ในยุคนั้นหลายองค์ร่วมนั่งปลุกเสก ในปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงพ่อได้มีค่านิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ และมีศิษย์หลวงพ่อต่างแสวงหากันอย่างกว้างขวางถึงแม้ราคาจะยังไม่ค่อยสูงนัก เนื่องจากของที่ท่านสร้างมีจำนวนน้อยไม่ค่อยแพร่หลาย แต่คนที่รู้จักรู้คุณค่า มักจะพูดว่า "มีของหลวงพ่อโอก็เหมือนมีของหลวงพ่อเดิมเลยทีเดียวเป็นที่น่าสังเกตุ หลวงพ่อโอ และหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นอกจากจะมีใบหน้า ละม้ายคล้ายกัน ไม่พอ แต่ยังมีวัตถุมงคลอยู่หนึ่งรุ่น คือ รูปเหมือนปั๊มรุ่น๒ หลวงพ่อโอ และรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกหลวงพ่อพรหม (นิ้วกระดก) ยังเป็นพระที่ทำมาจากโรงงานเดียวกัน และพิมพ์เดียวบล็อกเดียวกัน ทางโรงงานได้แก้ไขพิมพ์เล็กน้อย ในด้านพุทธคุณก็ไปในแนวทางเดียวกันอีกด้วย ถ้าไม่คำนึงถึงมูลค่าราคา รูปเหมือนปั๊มรุ่น๒ หลวงพ่อโอ นั้นน่าใช้มากทีเดียว วัตถุมงคลของท่านสร้างน้อยหายากมากๆ
-
มรณภาพ
ดังคำสัจจะธรรมที่ว่า "เกิดเท่าไหร่ตายเท่านั้น" หรือดังคำของพระพุทธองค์ที่ได้ตรัสไว้ไว่า "อนิจจัง วัตตสังขารา" "สังขารทั้งหลายย่อมไม่เที่ยงหนอ" เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๐๘ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะเส็ง ความเศร้าโศกได้เข้ามาสู่ชาวบ้านหางน้ำหนองแขม และบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งลูกศิษย์ที่เคารพนับถือท่านเป็นอันมาก เนื่องจากหลวงพ่อได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ คงเหลือแต่ความร่ำไห้และความอาลัยต่อการจากไปของหลวงพ่อที่ไม่มีวันกลับ จึงจำเป็นต้องเก็บสรีระของหลวงพ่อเอาไว้ก่อน เพราะยังอาลัยท่านอยู่โดยได้เก็บสรีระของหลวงพ่อไว้ในสถูปเพื่อให้ผู้ที่เคารพนับถือได้กราบไหว้บูชา กาลเวลาได้ล่วงเลยมาแล้วเป็นเวลา ๓๐ปี ความเศร้าโศกได้จางลงไปบ้างแล้ว ท่านเจ้าอาวาส หลวงพ่อเฉย เขมปญฺโญ หรือพระครูนิทานปัญญาภิรัติ ได้มีการประชุมกับคณะกรรมการวัดว่า จะนำสรีระของหลวงพ่อโอขึ้นมาฌาปนกิจ ตามคำสั่งเสียของหลวงพ่อโอก่อนที่ท่านจะสิ้น
ที่มา: ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณศักดิ์สิทธิ์ พระเครื่องเมืองชัยนาท
พี่ลูกพระพรหมเล่าไว้ว่า: คุณพ่อท่านเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อโอเก่งมากที่ว่าเก่งเพราะที่วัดจะมีบ่อน้ำ และท่านแสดงโดยการโยนชะแลงลงบ่อ ผลปรากฎว่าชะแลงที่ทำด้วยเหล็กลอยได้ครับ
ขนาดพวกลิเกที่มาเล่นในงานประจำปี แอบไปหยิบตะกรุดที่วางไว้ในถาดที่เขาตั้งไว้สำหรับให้ผู้คนที่มาเที่ยวงานได้บูชา เพราะเห็นว่าหลวงพ่อตาไม่ค่อยดีและอยู่ในที่ลับตาจะแอบไปหยิบสักดอกสองดอกคงจะไม่มีทางรู้ได้ พวกในคณะลิเก 2 คนจึงชักชวนกัน เจ้าหัวขโมยเห็นตะกรุดดอกใหญ่เทอะทะไปหน่อยแต่อีกแบบเป็นตะกรุดดอกเล็กๆสวยดีจึงหยิบฉวยกันไปตามอำเภอใจ เมื่องานวัดเลิกหลวงพ่อได้ตะโกนเรียกลิเก 2 คนนั่นในทำนองว่า เฮ้ยบอกไอ้ลิเก 2 คนนั่นให้มันเอาตะกรุดมาเปลี่ยนอันนั้นมันตะกรุดคลอดลูก เล่นเอาพวกลิเกพิศวงงงงวยในอำนาจพิเศษของหลวงพ่อ(บทความนี้ข้าพเจ้าลืมไปแล้วว่าได้อ่านหรือได้ยินได้ฟังมาจากไหนจึงต้องขออภัยด้วยที่มิได้อ้างอิงถึงผู้ให้ข้อมูล) หากได้ข้อมูลที่ยิ่งไปกว่านี้จะนำมาเผยแพร่ต่อไปครับ อยากให้บารมีของหลวงพ่อขจรขจายไปในวงกว้างอย่างที่ควรจะเป็น
-
ไม่ลืมแน่ครับเพราะท่านเป็นเกจิท่านเดียวเท่านั้นที่มีชื่อแยกเป็นชื่อท่านจารึกอยู่บนทางหลวงแผ่นดินคือถนนสายเอเชีย แยกหลวงพ่อโอ แน่ไหมละครับ
-
:oเยี่ยมเลยครับพี่สำนักจันทร์
อ่านแล้วชอบครับ ผมอยากได้มั่งอ่ะ
หายากไหมครับ แพงไหมครับ
-
พี่ foondin หาให้ผมซักองค์ได้ไหมครับ :D
-
พี่ foondin หาให้ผมซักองค์ได้ไหมครับ :D
สนใจโทรปรึกษาได้ครับ 084-7208460 ฝุ่นดิน
-
ขอแบ่งบ้างได้ไหมครับ สนใจเหมือนกัน ;D ;D ;D
-
เยี่ยมๆ ครับ
-
นับถือท่านมาก
-
หล่อปั๊มปี 0 กว่าที่ควรแก่ความทรงคุณค่าและสะสม ไม่รู้ตลาดกลับตาลปัตรไปยังไงเกจิหน้าใหม่บางองค์ออกรูปเหมือนตัวเองเมื่อวานแพงกว่า พระหลวงพ่อโอ ที่สร้างเสกมากว่า 50 ปี
-
แต่ละองค์ไม่ซ้ำกันนะครับเพียงแต่สภาพใกล้เคียงกัน
-
รุ่น 3 ครับบางท่านเรียกรุ่นลิเก เพราะบางองค์มีฝังอัญมณีด้วยครับ
-
แหวนเพชรกลับรุ่นแรกก่อนปี2500หายากกว่าเพชรกลับลายธงชาติอีกขอรับ
-
แหนบเสมาวัตถุมงคลต้นก่อนปี2500 อีกชิ้นที่สวยคลาสสิคมากๆ
-
เยี่ยมจริง ๆ ครับ :o :o :o :o :o
-
ขอบคุณน้ำใจfoondin ที่แบ่งแหวนให้ครับ
-
ขอบคุณครับคุณหมูเทอร์โบที่ติดตามผลงานในหลายๆกระทู้ เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ
ขอบคุณพี่ท่านatitเก็บไว้บูชานะขอรับ วัตถุใดก็ตามอยู่กับคนที่เข้าใจคุณค่า วัตถุนั้นย่อมสำเร็จประโยชน์ยิ่งกว่า
-
ไม่เป็นไรครับ ศรัทธาหลวงพ่อโอเหมือนกัน :D :D
-
สี่เกลอเนื้อเมฆพัตร ของหลวงพ่อ แต่พระพิมพ์นี้โรงงานทำออกมาเพียบครับ ตัวช่วยสังเกตให้วงในการพิจารณาแคบลงมาคือกระเช้าในทรงเดิมบบนี้แหฃะครับ
-
พิมพ์คล้าย ๆ หลวงพ่ออี๋เลยนะครับ ;D ;D ;D
-
พิมพ์คล้าย ๆ หลวงพ่ออี๋เลยนะครับ ;D ;D ;D
พระพิมพ์โบราณที่ถือได้ว่าเป็นวัตถุมงคลยุคแรกของท่าน ตามมาด้วยเหรียญ 1-2-3
-
สิงห์และเสือปรอท เครื่องลางชุดเนื้อปรอทที่สร้างก่อนปี 2500 หายากมากๆโดยเฉพาะสิงห์ บางท่านว่ากันว่าท่านให้ครูบาอาจารย์ท่านอย่างหลวงพ่อเดิมเป็นต้นเสกด้วยนะขอรับสำรับพระยุคแรกๆ
-
สำนักจันทร์มีพระหลวงพ่อโอสวยๆ เยอะเลยนะคับ...ผมเป็นคนศรัทราหลวงพ่อโอมากคับ ..และประวัติหลวงพ่อโอในหนังสือประวัติงานฌาปนกิจหลวงพ่อที่นำมาเขียนกันในเวบไซด์ผมเป็นคนเขียนกับพระเสวยรองเจ้าอาวาสวัดหางน้ำหนองแขมฯ ได้ช่วยกันรวบรวมจากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน รวมถึงพระอาจารย์จันทร์วัดเขาแก้วก็ให้ข้อมูลเพราะท่านบวชทันหลวงพ่อโอ ส่วนภาพในหนังสือประวัติหลวงพ่อโอได้รับการอนุเคราะห์จากหลวงพี่เสน่ห์เลขาเจ้าอาวาส ซึ่งหลวงพี่เสน่ห์สะสมพระหลวงพ่อโอไว้จำนวนมาก และมีแต่สวยๆ คับ ใครสนใจติดต่อได้คับแต่ไม่รู้ว่าจะได้ของหรือป่าวนะครับ...
-
ขออภัย คนที่โพสหลวงพ่อโอเป็นคุณฝุ่นดิน ...ขอให้บารมีหลวงพ่อโอจงคุ้มครองคุณฝุ่นดินให้เจริญๆ นะครับที่นำประวัติและพระเครื่องของหลวงพ่อมาเผยแพร่ รวมถึงคุณสิทธิพยุหะ ด้วยที่ผมอ่านเจอหลายๆ เวบ..ขอให้รวยๆๆ และแคล้วคลาดปลอดภัยตลอดกาล..
-
;D ครับพี่อธิปผมไม่มีเลยครับ ขอบคุณทุกท่านครับข้อมูลหลวงพ่อโอผมไม่ค่อยทราบพอมาทราบท่านเป็นผู้ทรงวิทยาคุณจริงๆครับ
-
เข้ามาศึกษาครับ ชอบแหวนกับแหนบจัง
-
...สุดยอดครับท่าน...
-
แหนบอัลปาก้าสวยมากครับเปิดรือเปล่าครับแหวนหัวกลับด้วยครับถ้าเปิดโทรบอกด้วยนะครับศรัทธาหลวงพ่อเหมือนกัน
-
พระชุดเนื้อครั่งพิมพ์ต่างๆที่ทุกองค์มีแผ่นจารฝังอยู่ด้านในทุกองค์และบางองค์ก็เคยพบเพชรหน้าทั่งฝังอยู่ด้วยครับ ในส่วนของเพชรหน้าทั่งนี้มีทั้งฝังลงไปทั้งเม็ดและป่นเป็นผงคลุกเคล้าอยู่ในเนื้อก็มีครับ
-
พิมพ์หลวงพ่อโต ซึ่งที่ฐานระบุชื่อท่านไว้ชัดเจนว่า หลวงพ่อโอ วัดหางน้ำ
-
รูปหล่อเนื้อตะกั่วรุ่นแรกพิมพ์หน้าหล่อ หายากนักแล
ตามด้วยรูปหล่อเข่ากว้างกะไหล่เงิน ซึ่งหายากกว่า
และรูปหล่อรุ่นสองพิมพ์หน้าหนุ่ม หายากก่วาพิมพ์เข่ากว้างเนื้อทั่วๆไป
-
ชุดรูปถ่ายกันบ้างครับเรียงตามวิวัฒนาการกันเลย คงเอาเค้าโครงของรูปถ่ายในแต่ละยุคนำมาเป็นเกณฑ์พิจารณาว่ารูปใดเป็นรูปต้นแบบของการจัดสร้างวัตถุมงคลแต่ละยุคแต่ละรุ่นได้
-
น่าจะรูปในสมัยบั้นปลายของท่านแล้วครับ ลองพิจารณาดูว่ารูปหน้าน่าจะเป็นรูปต้นแบบของเหรียญดีดน้ำมนต์หรือป่าว
ตามมาด้วยเครื่องรางชุดแหวนรูปแบบต่างๆกันครับ
และพระทรงนักษัตร เนื้อชินตะกั่วซักองค์ พระชุดนี้น่าสนใจครับเพราะเป็นพระพิมพ์ที่สร้างและปลุกเสกในปี 2506 ซึ่งตรงกันกับพิธีเสาร์ห้าเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่และเป็นพิธีที่ดูเป็นทางการของหลวงพ่อครั้งสุดท้าย ในปีนี้ได้ออกเหรียญอัลปาก้านั่งเต็มองค์รุ่นแรกของท่าน นอกจากนี้ก็ยังมีวัตถุมงคลอีกหลายประเภทเช่น พระทรงนักษัตรเนื้อตะกั่ว พระเนื้อครั่งพิมพ์ต่างๆ พระพิมพ์ขุนแผนเนื้อตะกั่ว เสือหมอบเนื้อตะกั่ว แหวน ตะกรุด ผ้ายันต์ เรียกกันว่าเต็มอัตราศึกว่างั้นเหอะ
-
พลาดครับ..ที่ว่ารูปในช่วงบั้นปลายของท่านอยู่นี่ครับลองพิจารณาดูครับ
-
พระพิมพ์ทรงนักษัตร อีกพิมพ์ที่น่าสนใจ เพราะหลวงพ่อท่านจัดสร้างด้วยความตั้งใจพิถิถันสังเกตได้ว่าพระทรงนักษัตรของหลวงพ่อทุกองค์จะฝังแผ่นจารคาถาหัวใจนักษัตรหนุนดวงในแต่ละปีนักษัตรนั้นๆทุกองค์บางองค์ก็พบผงแร่ข้าวตอกพระร่วงผสมรวมเข้าไปด้วย บางองค์ฝังทั้งเม็ดก็มี
ที่สำคัญพระเนื้อครั่งพิมพ์ต่างๆของท่านจัดสร้างและปลุกเสกในพิธีเสาร์ห้าในปี 2506 ซึ่งเป็นพิธีใหญ่และเป็นพิธีสุดท้ายของท่าน
วันนี้นำเสนอ ทรงแพะ(ปีมะแม)
-
:o :o :oสวยครับผมชอบเข่ากว่างครับผม :o :o :o
-
สมเด็จปรกโพธิ์พิมพ์จิ๋ว แปลกตาไปอีกแบบ
-
ฝากตัวด้วยครับน้องใหม่สดๆๆ ชอบหลวงพ่อโอครับ...ชอบทุกองค์เลยครับ... ;D ;D
-
สีหราช เนื้อชินตะกั่วสวยกว่าตัวเดิมครับ พบน้อยที่สุดในบรรดาวัตถุมงคลของท่านเท่าที่ผมเก็บมา
-
(http://vlovepeugeot.com/forum/Smileys/default/Emo_korea_076.gif)สวยครับ!(http://vlovepeugeot.com/forum/Smileys/default/Hoho.gif)
-
ชุดรูปหล่อและเหรียญตอนนี้ไปไกลแล้วครับ เลยซุ่มเก็บเครื่องรางคลาสสิคๆที่ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องรางเมืองชัยนาทอีกชิ้นหนึ่งเลยละครับ เก็บมานานปีก็ได้แค่ 4 เองครับ ตอนนี้ถูกแบ่งไปแล้ว 3
-
ตามมาด้วยรองแชมป์ ซึ่งเจ้ากรมหลวงพ่อโอท่านหนึ่งซึ่งเป็นคนต่างถิ่น แต่ศรัทธาแนบแน่นนิมนต์เข้าชุดสะสมไปแล้ว อยู่กับผู้ที่เห็นค่า ย่อมเกิดประโยชน์ครับ
-
อ้าว..ตัวแชมป์ยังไม่ได้ถ่ายรูปครับ ไว้ฤกษ์งามยามดีค่อยได้ยล
-
วันนี้มาตั้งข้อสังเกต เหรียญหล่อเม็ดแตงรุ่นแรกของหลวงพ่อกันครับ จากการพิจารณาทำให้เห็นข้อแตกต่างดังนี้ครับ
องค์ที่ 1 อกตั้ง ขาซ้ายทับขาขวา องค์พระค่อนข้างบาง วงพระพักตร์เล็กเรียบปรากฎพระเนตรและนาสิกแต่เพียงผิวเผิน พระเกศเล็ก
องค์ที่ 2 อกตั้ง ขาซ้ายทับขวา องค์พระค่อนข้างบาง เช่นเดียวกับองค์ที่ 1 ซึ่งน่าจะเป็นแม่พิมพ์เดียวกัน แต่ถูกแต่งพิมพ์เพิ่มเติมในภายหลัง จึงทำให้องค์ที่ 2 นี้มีข้อแตกต่างจากองค์ที่ 1 อยู่บ้างเช่น วงพระพักตร์ใหญ่ขึ้น ปรากฎพระเนตรและพระนาสิกชัดเจนขึ้น พระเกศใหญ่
องค์ที่ 3 อกกลม ปรากฎเส้นริ้วจีวรและสังฆาฏิ ขาขวาทับขาซ้าย องค์พระค่อนข้างหนา ปรากฎพระเนตรและพระนาสิกเด่นชัด พิมพ์นี้น่าจะเป็นคนละแม่พิมพ์กันกับองค์ที่ 1 และ 2 ดูจากศิลปะการแกะก็ไม่ใช่ช่างแกะคนเดียวกัน กายวิภาคต่างกัน
ด้วยเหตุฉะนี้จึงเป็นประเด็นขึ้นมาว่าพระพิมพ์นี้อาจจะมีมากกว่า 3 พิมพ์ เพราะเมื่อปรากฎฝีมือช่างถึง 2 ฝีมือทำให้คิดต่อไปได้ว่าการสร้างพระชุดนี้น่าจะเน้นในด้านปริมาณด้วยจึงทำแม่พิมพ์สำหรับเทพระมากกว่า 1 พิมพ์ แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครพิจารณาแยกแยะให้เป็นกิจจะลักษณะเสียที คงต้องช่วยๆกันครับ นักอนุรักษ์นิยมสายชัยนาทท่านใดมีพิมพ์นี้อยู่ลองสังเกตแล้วแสดงความเห็นกันครับ
-
ตัวนี้มาพร้อมเลี่ยมเงิน แสดงว่าเจ้าของเดิมให้ความสำคัญพอสมควรครับ ที่สำคัญช่วยในการรักษาเนื้อและรายละเอียดให้ยังคงอยู่ บางตัวได้จากชาวบ้านร้อยไว้กับสายตะกรุดบางเชียบ เพราะคนรุ่นเก่ามีความเชื่อว่าเนื้อพระจะต้องสัมผัสกับเนื้อหนังอานุภาพจึงแทรกซึมคุ้มครองร่้างกายได้ ด้วยความเชื่อเช่นนี้เอง ทำให้เครื่องรางหลายๆชิ้นของหลวงพ่อไม่ค่อยเหลือสภาพเดิมให้ได้ชมมากนัก
-
สิงห์หลวงพ่อโอชุดนี้ เคยพบทางแถบวัดหนองโพ ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่ก็ยืนยันว่ารับมาจากหลวงพ่อเดิม จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งที่สิงห์ชุดนี้ซึ่งสร้างก่อนปี 2500 จะได้รับการปลุกเสกเพิ่มเติมจากหลวงพ่อเดิมผู้เป็นอาจารย์ของท่านอีกสำทับหนึ่ง ต่อมาหลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาครผู้เป็นศิษย์ได้สร้างทั้งสิงห์ล้อรูปแบบสิงห์รุ่นแรกของหลวงพ่อโอผู้เป็นอาจารย์ แต่เป็นนวัตกรรมฉบับโรงงานในสมัยนั้น ซึ่งมีรายละเอียดและสวยงามยิ่งกว่า แต่ในมุมของข้าพเจ้าเองมองว่าไม่คลาสสิคเท่าแฮนด์เมดแบบชาวบ้านๆอย่างของหลวงพ่อโอซึ่งดูแล้วได้อารมณ์แบบลูกทุ่งๆดี เปรียบเทียบให้เห็นวิวัฒนาการกันแบบชัดๆครับ
-
เอาเม็ดแตงสภาพล้มแชมป์มาให้ชมกันครับ งามที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา แต่ตอนนี้ถูกอาราธนาเข้าคลังหลวงพ่อโอโดยขุนคลังคนเดิมไปแล้วครับ
-
ใครมีพิมพ์แปลกๆที่มาชัดเจน ร่วมแจมได้ครับ เพื่อความเป็นปึกแผ่นในสายหลวงพ่อโอ
-
บทความดังต่อไปนี้เป็นบทความที่โพสต์โดยท่าน สจ.อธิปพงษ์ จัทร์ครุธ ซึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา จึงขออนุญาตนำมาบันทึกไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ผมกับหลวงพี่เสวย รองเจ้าอาวาส เป็นผู้รวบรวมประวัติของท่านเพื่อจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจ ของท่าน ส่วนภาพวัตถุมงคลได้รับการเอื้อเฟื้อจากหลวงพี่เสน่ห์ (ท่านสะสมวัตถุมงคลของหลวงพ่อโอมากที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก) ..ประวัติของหลวงพ่อในหนังสือมีความถูกต้องชัดเจน 80% ครับ ได้สอบถามจากคนเฒ่าคนแก่ ที่ยังมีชีวิตอยู่ คนใกล้ชิด ลูกศิษย์หลวงพ่อ มัคถายก ผู้ที่เคยบวชในสมัยท่าน ต่างคนต่างจดจำในสิ่งที่ตนเองพบเห็นมาแล้วก็นำมาประมวลเขียนในประวัติของหลวงพ่อ ซึ่งจริงๆ แล้วมีเรื่องที่เป็นอภินิหารอีกมากมายแต่ไม่สามารถจะนำมาลงในประวัติของหลวงพ่อได้ เนื่องจากไม่เหมาะสม..แต่ผมจะนำมาเผยแพร่ให้ท่านที่เคารพและนับถือได้ทราบในเวบนี้ครับ..(โปรดใช้วิจารณญานในการรับชมครับ)......
ผม สจ.อธิปพงษ์ จันทร์ครุธ ปัจจุบัน (2552) ดำรงตำแหน่ง เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ผมได้มีโอกาสมารู้จักหลวงพ่อโออย่างจริงจังเมื่อสมัยที่ผมมาบวชที่วัดหางน้ำหนองแขมครับ ปกติผมจะเป็นคนชอบนั่งสมาธิ และชอบเรียนคาถาอาคมมาตั้งแต่เด็ก..ผมมาบวชที่วัดหางน้ำหนองแขม เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2534 ผมบวชอยู่ 9 เดือน ในช่วงนี้ผมได้มีโอกาสศึกษาประวัติหลวงพ่อโอ หลวงพ่ออิน หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อเทศ หลวงพ่อกัน และอีกหลายๆ รูปที่เป็นศิษย์สายเดียวของหลวงพ่อเทศ (พระอาจารย์ใหญ่) แต่ก่อนผมก็เหมือนกับหลายๆ คนที่ใกล้เกลือกินด่างไปนิยมแต่พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพุฒาจารย์โต หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน (พรรษาแก่กว่าหลวงปู่ศุข แต่ไม่ยอมเรียกหลวงปู่) หลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ หลวงพรหมวัดช่องแค ฯลฯ แต่หารู้ไม่ว่า ที่อยู่ใกล้ตัวนั้นคือเพชรที่เจียรไนอย่างสวยสดงดงามแล้ว....
ผมได้รับข้อมูลของหลวงพ่อโอมากที่สุดจากปู่ลี (อายุ 80 ปี แข็งแรง สดใส ความจำดีมาก ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ซึ่งเป็นน้องชายต่างบิดาของหลวงพ่ออิน วัดหางน้ำหนองแขม (ต่างบิดาหรือมารดา ข้อนี้ต้องขออภัยไม่รู้ว่าจำสลับกันหรือเปล่าแล้วจะมายืนยันในภายหลัง) ปู่ลีเป็นคนที่เรียนวิชาจากหลวงพ่อเทศ หลวงพ่อเดิม หลวงพ่ออิน และอีกหลายๆ รูปในยุคนั้น เนื่องจากปู่ลีเป็นน้องชายหลวงพ่ออินได้ติดตามคณะของหลวงพ่อเดิม หลวงพ่ออิน ไปสร้างโบสถ์ทั่วจังหวัดนครสวรรค์ ปู่ลีเป็นคนวาจาสิทธิ์ด่าหรือแช่งคนไม่ได้เลย มักจะเป็นไปตามปากเหมือนกับหลวงพ่ออินพระพี่ชาย โดยส่วนตัวปู่ลีเป็นคนชอบเรียนคาถาอาคมอยู่แล้ว และสมัยนั้นถ้าไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ศิษย์ดูได้ถือว่าไม่ใช่ของจริง และลูกศิษย์ต้องทำให้เป็นด้วย ปู่ลีจึงมีโอกาสมากกว่าคนอื่นที่ได้ใกล้ชิดกับอาจารย์ที่มีอาคมแก่กล้าในยุคนั้น
ผมได้มีโอกาสไปเรียนวิชา(คาถาอาคม สายหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล)กับปู่ลี ในช่วงที่บวชเป็นพระที่วัดหางน้ำหนองแขม เป็นเวลา 1 พรรษา ในช่วงแรกที่ไปเรียนนี้ ปู่ลีจะไม่ยอมสอนคาถาอาคมเลย จะสอนแต่การนั่งสมาธิ พอสมาธิเราเป็นที่พอใจท่านแล้วถึงเริ่มสอนคาถาอาคม โดยถามว่าอยากได้อะไรวันนี้ ผมก็จะบอกว่าอยากได้คาถานั้นคาถานี้มีหรือป่าว ถ้ามีปู่ลีก็จะเล่าเรื่องหรือที่มาของคาถา (หมายถึงประวัติพระอาจารย์ของปู่ลี) ให้ฟังก่อนแล้วก็จะสอนคาถาในช่วงท้าย 1 วันจะได้คาถากลับวัด 1 คาถาหรือ 1 วิชา บางวันก็ไม่ได้กลับ แต่ผมก็จะไปทุกวัน ตลอด 1 พรรษา ...ต่อไปนี้เป็นประวัติและปาฏิหาริย์ของคณะหลวงพ่อเทศวัดสระทะเล (โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม) เป็นคำบอกเล่าของปู่ลีจอมขมังเวท และนักปฏิบัติธรรมชั้นครู
-
หลวงพ่อโอ อายุห่างจากหลวงพ่ออินมากพอสมควร แต่หลวงพ่อโอก็จะเรียกหลวงพ่ออินว่าหลวงพี่ หลวงพ่ออินนำหลวงพ่อโอมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก มาเป็นลูกศิษย์วัด คอยรับใช้หลวงพ่ออิน หลวงพ่ออินรักและเอ็นดูหลวงพ่อโอมาก เนื่องจากหลวงพ่อโอพิการทางสายตายเพราะโรคฝีดาษระบาด แต่ตาก็ไม่ถึงกับบอดสนิทพอเห็นลางๆ หลวงพ่ออินมีอะไรก็จะให้และดูแลหลวงพ่อโออยู่เสมอ ไปเรียนวิชาหรือได้อะไรมาก็จะนำมาสอนต่อให้แก่หลวงพ่อโอโดยไม่ปิดบัง ซึ่งมีบางครั้งที่หลวงพ่ออินนำมาสอนแล้วหลวงพ่อโอทำไม่ได้ หลวงพ่อโอเคยพูดเหน็บๆ ว่า "ตัวเองทำได้หรือยังก็ไม่รู้นำมาสอนคนอื่น" แต่หลวงพ่ออินก็ไม่ถือสาอะไร คณะหลวงพ่อเทศจะเก่งเรื่องกรรมฐานมาก เก่งกสิณ และที่สำคัญปากพระร่วงพูดอะไรไม่ได้เลย หลวงพ่อโอได้คาถาปากพระร่วงของหลวงพ่อเทศ จากหลวงพ่ออินอีกทีหนึ่ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง (จากการบอกเล่าของนายทอง เพ็ชรอินทร์ ปัจจุบัน 2552 อายุ 66 ปี ) หลวงพ่อโอเป็นพระที่ใจไว ปากไว เมื่อมีปากพระร่วงจึงทำให้เป็นภัยกับคนใกล้ตัวและจะเป็นบาปติดตัวถ้าไปแช่งใครถึงตาย หลวงพ่ออินจึงแกล้งบอกว่า "ท่านโอ ผมขออะไรอย่างหนึ่งได้หรือป่าว" หลวงพ่อโอรับปากว่า "ได้ครับหลวงพี่" หลวงพ่ออินจึงบอกว่า "ขอให้ปากของท่านศักดิ์สิทธิ์ลงครึ่งหนึ่ง" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาความศักดิ์สิทธิ์เรื่องปากพระร่วงของหลวงพ่อโอก็ลดลงตามที่หลวงพ่ออินขอ หลวงพ่อเดิม กับหลวงพ่ออินเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเทศด้วยกัน แต่หลวงพ่อเดิมแก่พรรษาว่าหลวงพ่ออิน หลวงพ่ออินเรียกว่า "หลวงพี่" หลวงพ่อเดิมจะเรียก "ท่านอิน"
เวลาวัดหนองโพมีงาน หลวงพ่อเดิมจะนิมนต์หลวงพ่ออินไปคุมงานทุกปี เนื่องจากสมัยก่อนนักเลงดีมีวิชากันเยอะ เสือก็มาก มีงานวัดทีไร มีเรื่องกันทุกที แต่ถ้าหลวงพ่ออินไปคุมงาน ไม่มีนักเลงหน้าไหนกล้าก่อเรื่องเลย เพราะเกรงปากหลวงพ่ออิน ในงานวัดหนองโพปีหนึ่งปู่ลีเล่าให้ฟังว่า ทางวัดกำลังตำดินปืนเพื่อทำตะไล (บั้งไฟ)จุดในงาน โดยใช้กระทะใบบัวใบใหญ่คั่วดินปืน เมื่อพักเที่ยงคนงานก็นำสากไปตั้งพิงต้นมะขามใกล้กับกระทะใบบัว หลวงพ่ออินเห็นก็ทักขึ้นว่า "เอ้าไปพิงไว้อย่างนั้นเดี๋ยวก็ล้มฟาดกระทะแตกหรอก" พอหลวงพ่ออินหันหลังเดินกลับเท่านั้น สากล้มฟาดกระทะกระจายเลย หลวงพ่อเดิมเลยต่อว่า "รู้ว่าปากไม่ดีละ ชอบพูดจัง"
-
เหริยญดีดน้ำมนต์
ประสบการณ์เหรียญดีกน้ำมนต์ของหลวงพ่อโอ
เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์และเป็นที่นิยมของคนในท้องถิ่นมากที่สุด ครั้งแรกที่ดัง เหรียญดีดน้ำมนต์มีประสบการณ์ช่วยเด็กตกบ่อน้ำไม่จม เมื่อประมาณ30 กว่าปี (หลวงพ่อโอ มรณภาพปี 2508 ล่วงมาแล้ว 44 ปี) เด็กชายทองหยด พวงทอง (ปัจจุบันอายุ 40 กว่าปีแล้ว) ขณะนั้นมีอายุ 4-5 ขวบได้ตกบ่อน้ำ (บ่อน้ำที่ขุดสำหรับดื่มกิน ที่มีความกว้างเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 เมตร ลึกประมาณ 20 เมตร) เนื่องจากบ่อไม่มีที่ปิดกั้น เวลาตักน้ำต้องใช้ถังน้ำ ผูกเชือกหย่อนลงไปแล้วดึงเชือกขึ้นมา ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า การโพงน้ำ เด็กชายทองหยด ได้พลัดตกลงไป คนที่ไปด้วยตกใจจึงรีบวิ่งมาตามคนไปช่วย ระยะจากบ่อถึงบ้านประมาณ 300 เมตร ชาวบ้านรีบวิ่งไปช่วยกัน พอมาถึงบ่อน้ำทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเด็กชายทองหยด นอนลอยน้ำเหมือนกับกบ น้ำลึกประมาณ 10 เมตร แต่ไม่จม พอช่วยขึ้นมาได้โดยการใช้เชือกหย่อนลงไปทำเป็นบ่วงให้จับ พอขึ้นมาก็ดูกันใหญ่เลยว่าคล้องพระอะไร ปรากฏว่าเป็นพระหลวงพ่อโอดีดน้ำมนต์องค์เดียว จากวันนั้น ทำให้ข่าวดัง ทุกคนเริ่มสนใจที่จะเก็บเหรียญนี้กันมากขึ้นซึ่งขณะนั้นราคาองค์ละไม่กี่ร้อยบาท พอจะหาได้ แต่ปัจจุบันสวยๆ ก็อยู่ที่ 2,500 - 3,000 บาท ด้วยความเคารพและศรัทราต่อหลวงพ่อโอจึงขอนำประสบการณ์วัตถุมงคลของหลวงพ่อที่พบเห็นมาเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานแด่คนที่นับถือหลวงพ่อโอครับ(โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม)
-
หลวงพ่อโอปลุกสาลิกาให้ลอยน้ำ
หมอเรืองแป (มือพิการ) เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อโอคอยปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อโอ หลวงพ่อโอจึงสอนวิชาต่างๆ ให้ หมอเรืองแปได้มีโอกาสเล่าให้ผม (ขณะนั้นผมบวชเป็นพระที่วัดหางน้ำหนองแขม) ว่าหลวงพ่อโอได้ปลุก สาลิกา (สาลิกาของหลวงพ่อโอคือ ตะกรุดทองแดง ดอกจิ๋ว ขนาดความยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ใช้ด้ายผูกติดกัน 2 ดอก เป็นคู่กัน) ในวันนั้นเป็นเวลากลางคืนหลวงพ่อโอได้ใช้บาตรไม้สาน (ใช้ไม้ไผ่มาสานเป็นรูปบาตรพระ แล้วใช้ชันทาไม่ให้รั่ว ปัจจุบันพระเสน่ห์เก็บรักษาไว้) นำบาตรไม้สานมาทำน้ำมนต์ แล้วกำสาริกาแผ่นทองแดงม้วนดอกจิ๋วที่เตรียมไว้ ใส่ลงในบาตรไม้สาน ตะกรุดก็จมน้ำอยู่ก้นบาตร หลวงโอบอกกับหมอเรืองแปว่าถ้าดอกไหนลอยขึ้นมาให้ช้อนขึ้นมาวางไว้เป็นคู่ๆ จากนั้นหลวงพ่อโอก็เข้ามาสมาธิ สักครู่ตะกรุดม้วนแผ่นทองแดงก็เริ่มลอยขึ้นมาทีละดอก 2 ดอก หมอเรืองแป ตื่นเต้นมาก แต่ก็ไม่ลืมคำสั่งนั่งช้อนออกมาเป็นคู่ๆ จนหมดบาตร แล้วก็ช่วยหลวงพ่อใช้ด้ายผูกเป็นคู่ๆ คู่ใครคู่มัน แล้วหลวงพ่อโอก็เก็บเข้าไปลุกเสกของท่านอีกที หมอเรืองแป บอกว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรู้สึกตื่นเต้นและศรัทราในตัวหลวงพ่อโอมาก ด้วยความเคารพและศรัทราต่อหลวงพ่อโอจึงขอนำประสบการณ์วัตถุมงคลของหลวงพ่อที่พบเห็นมาเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานแด่คนที่นับถือหลวงพ่อโอ ขออย่าได้มีโทษใดๆ ถ้าหากว่าข้อมูลที่รับรู้มามีความผิดพลาดหรือคาดเคลื่อน (โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม)
อภินิหารชะแลงลอยน้ำ เรื่องนี้ข้าพเจ้าเคยได้อ่านข้อความจากโพสต์ของคนในพื้นที่ท่านหนึ่งใช้ยูสเซอร์เนมว่า”ลูกพระพรหม” โพสต์เล่าไว้ว่า: คุณพ่อท่านเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อโอเก่งมากที่ว่าเก่งเพราะที่วัดจะมีบ่อน้ำ และท่านแสดงโดยการโยนชะแลงลงบ่อ ผลปรากฎว่าชะแลงที่ทำด้วยเหล็กลอยได้ครับ “
และข้าพเจ้ายังได้ยินมาอีกว่าพวกลิเกที่มาเล่นในงานประจำปี แอบไปหยิบตะกรุดที่วางไว้ในถาดที่เขาตั้งไว้สำหรับให้ผู้คนที่มาเที่ยวงาน ได้บูชา เพราะเห็นว่าหลวงพ่อตาไม่ค่อยดีและอยู่ในที่ลับตาจะแอบไปหยิบสักดอกสองดอกคง จะไม่มีทางรู้ได้ พวกในคณะลิเก 2 คนจึงชักชวนกัน เจ้าหัวขโมยเห็นตะกรุดดอกใหญ่เทอะทะไปหน่อยแต่อีกแบบเป็นตะกรุดดอกเล็กๆสวย ดีจึงหยิบฉวยกันไปตามอำเภอใจ เมื่องานวัดเลิกหลวงพ่อได้ตะโกนเรียกลิเก 2 คนนั่นในทำนองว่า เฮ้ยบอกไอ้ลิเก 2 คนนั่นให้มันเอาตะกรุดมาเปลี่ยนอันนั้นมันตะกรุดคลอดลูก เล่นเอาพวกลิเกพิศวงงงงวยในอำนาจพิเศษของหลวงพ่อ(บทความนี้ข้าพเจ้าลืมไป แล้วว่าได้อ่านหรือได้ยินได้ฟังมาจากไหนจึงต้องขออภัยด้วยที่มิได้อ้างอิง ถึงผู้ให้ข้อมูล)