ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติและประมวลภาพ หลวงพ่อเคลือบ วัดบ่อแร่ จ.ชัยนาท  (อ่าน 35895 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฝุ่นดิน

  • ที่ปรึกษาเว็บไซต์
  • สมาชิก
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 668
  • พลังน้ำใจ 2
  • ฝุ่นดินท้องถิ่นนิยม 084-7208460
Re: ประวัติและประมวลภาพ หลวงพ่อเคลือบ วัดบ่อแร่ จ.ชัยนาท
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 07:00:08 pm »
หลวงพ่อท่านเป็นพระที่มีระเบียบแบบแผนและใส่ใจในรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้ว สมกับเป็นพระเถระผู้ใหญ่ผู้มีรัตตัญญูโดยแท้ แม้กระทั่งเรื่องเบ็ดเตล็ดเช่นการประกอบอาหารท่านจะสามารถกะเกณฑ์ได้อย่างลงตัวเลยว่าแกงถ้วยนึงควรจะใส่หัวหอมปริมาณเท่าใด ควรใส่พริกปริมาณเท่าใด แล้วถ้าหม้อนึงควรจะใส่ในอัตราส่วนเท่าใดจึงจะพอดี ความละเอียดประณีตของท่านนี้ก็ถือว่าเป็นที่สุดได้อีกประการหนึ่ง สังเกตได้จากเมื่อยามว่างนั้นท่านมักจะประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้สำหรับแจกจ่ายให้กับญาติโยมนั่นคือกระจ่าและตะกร้าจีนของทุกชิ้นที่ท่านทำ ท่านจะตั้งใจทำอย่างละเอียดประณีตที่สุด  เช่น กระจ่า ท่านก็จะเลือกเอาเฉพาะกะลามะพร้าวคัดเอาลูกที่มีสัณฐานแบน ต้องตัดให้มีรูปทรงที่สมดุลได้สัดส่วนที่พอดี ส่วนด้ามนั้นส่วนใหญ่ท่านจะเลือกใช้ไม้โมกมันซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อนมีขนาดเบาและเข้ารูปได้โดยง่าย เฉพาะด้ามกระจ่านี้ท่านก็จะบรรจงทำของท่านเป็นอย่างมาก โดยท่านจะเหลาแล้วเหลาอีกอยู่อย่างนั้น พอเหลาไปได้สักพักท่านก็จะเอามือลูบดูบ้าง บางครั้งท่านก็หยุดนิ่งแล้วก็เหลาของท่านต่อ วันหนึ่งจะได้สักใบหนึ่งเท่านั้น กะจ่าของท่านในยุคต้นพอจะได้พบเห็นการสลักเสลาลวดลายไว้อย่างวิจิตรตระการตาอยู่บ้าง มาในระยะหลังโอกาสและธาตุขันธ์คงมิค่อยเอื้อจึงเป็นแต่ด้ามเปลือยเท่านั้นแต่ก็ยังคงความประณีตโค้งงอสอดรับกันอย่างได้สัดส่วน
ส่วนตะกร้าจีนนั้นยิ่งประณีตในรายละเอียดต่างๆเข้าไปใหญ่ เริ่มจากเส้นตอกไม้ไผ่ที่จะนำมาใช้สาน เมื่อท่านจักตอกออกเป็นเส้นๆแล้ว เส้นตอกแต่ละเส้นของท่านจะต้องผ่านการขัดด้วยกระดาษทรายกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบจนกระทั่งเห็นว่าเนียนเรียบเป็นเงางามดีแล้วจึงจะหยิบเอาเส้นต่อไปมาขัดต่อ ทำอยู่อย่างนั้นกระทั่งครบทุกเส้นจึงจะนำมาจักสานต่อไปซึ่งใบหนึ่งใช้เวลาเป็นอาทิตย์ๆเลยเทียว ตะกร้าจีนนี้เท่าที่พบมี ๒ ขนาด คือ ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๗-๘ นิ้ว และขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓-๔ นิ้ว มีทั้งแบบมีหูหิ้วและไม่มีหูหิ้ว

ออฟไลน์ ฝุ่นดิน

  • ที่ปรึกษาเว็บไซต์
  • สมาชิก
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 668
  • พลังน้ำใจ 2
  • ฝุ่นดินท้องถิ่นนิยม 084-7208460
Re: ประวัติและประมวลภาพ หลวงพ่อเคลือบ วัดบ่อแร่ จ.ชัยนาท
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 07:52:45 pm »
ในด้านการอบรมสั่งสอนพระลูกวัดท่านจะเน้นหนักในเรื่องของการประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ ท่านเคยกล่าวว่าศีลเป็นบาทฐานของกุศลธรรมทั้งปวง กุศลธรรมใดจะบังเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยศีลเป็นเบื้องต้น ความยิ่งยวดในส่วนขององค์ท่านนั้นเล่ากันว่าเมื่อท่านจะออกเดินทางไปไหนมาไหน ด้วยเกรงว่าศีลาจารวัตรของท่านจะด่างพร้อย ท่านเองถึงกับต้องพกพาแผ่นหินติดตัวไปด้วย หลายท่านคงจะงุนงงสงสัยว่าหลวงพ่อท่านจะพกพาเอาแผ่นหินนั้นติดตัวไปไหนต่อไหนด้วยทำไม เหตุผลก็เพียงเพื่อเอาไว้รองในเวลาที่ท่านจะถ่ายเบา ด้วยท่านเกรงว่าจะทำแผ่นดินให้แยก ซึ่งมีระบุในปฐวีขนนสิกขาบท ยกตัวอย่างบางตอนกล่าวไว้ว่า “...แม้จะถ่ายปัสสาวะ ด้วยคิดอย่างนี้ว่า เราจะพังแผ่นดินด้วยกำลังแห่งสายน้ำปัสสาวะ ” ในลักษณะเช่นนี้ถือเป็นอาบัติปาจิตตีย์ จะเห็นได้ว่าท่านละเอียดอ่อนและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมากแม้จะเป็นอาบัติเล็กๆน้อยๆก็ตาม อีกเรื่องที่ท่านเข้มงวดก็คือการท่องบ่นมนต์พิธี และการศึกษาท่องจำหลักธรรมวินัยที่มีอยู่ในหนังสือนวโกวาท หลังจากทำวัตรสวดมนต์ในช่วงเย็น ถ้าลงได้ท่านหันหน้าเข้าหาพระลูกวัดเข้าแล้ว เป็นอันต้องโดนไล่เบี้ยเป็นรายบุคคลจนถ้วนทั่วทุกตัวตนไป โดยท่านจะให้พระลูกวัดท่องมนต์พิธีและธรรมวินัยต่อหน้าท่านทีละรูป หากวันนี้ท่องได้แค่ไหน วันต่อไปต้องได้มากกว่านี้ สอบทวนอย่างนี้เรื่อยไปบางคราวก็กินเวลายาวนานจนถึงห้าทุ่มเที่ยงคืนก็มีอยู่บ่อยครั้ง 
ในการปกครองถึงแม้พระลูกวัดจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่การตักเตือนของท่านก็เป็นไปอย่างละมุนละม่อมท่านมีจิตวิทยาชั้นสูงที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดนั้นเกิดความสำนึกและละอายอย่างแรงกล้า แต่หากสันติวิธีของท่านไม่สัมฤทธิ์ผลท่านก็จะเพิ่มระดับความเข้มข้นขึ้นตามควรแก่โทษานุโทษ และท่านก็มิใช่สักแต่ว่าเป็นผู้สอนให้ทำเพียงอย่างเดียว แต่ท่านยังเป็นผู้ทำให้ดูอีกด้วย ความเข้มงวดของท่านนี้มิได้เลือกปฏิบัติ จะยากดีมีจนมาจากไหน ล้วนแล้วแต่ได้รับการปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกันทั้งสิ้น ด้วยความเคร่งครัดและความเป็นคนจริงของท่านจึงเป็นที่เกรงขามกันหนักหนาทั้งพระ เณรและบรรดาเด็กวัดทั้งหลาย ไม่เว้นวายแม้แต่ชาวบ้านร้านรวง วันไหนลงได้ท่านบิณฑบาตแล้วพบเห็นสิ่งอันไม่เป็นที่เจริญหูเจริญตาแลเห็นเป็นช่องทางแห่งความเสื่อม ถึงวันพระเมื่อไรท่านจะเอาออกมาเทศน์เทียบเคียงอย่างเฉียบคม เล่นเอาเจ้าตูตนผู้นั้นกระอักกระอ่วนปั่นป่วนใจเกิดความละอายภายในจนไม่กล้าจะกระทำการดังกล่าวอีกเลย ความเคร่งครัดจัดระเบียบของท่านอาจจะทำให้คนเจ็บบ้าง แต่ไม่เคยทำลายใคร ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็นยุทธวิธีสร้างคนสร้างสังคมให้ดำเนินไปสู่หนทางแห่งความเจริญเสียด้วยซ้ำ สังเกตเห็นได้จากความเป็นปึกแผ่นและความมีวัฒนธรรมของชุมชนบ้านบ่อแร่ที่ยังมีให้เห็นตราบถึงปัจจุบัน
แม้แต่การเดินเหินของพระเณรตลอดจนลูกศิษย์วัดจะเดินบุ่มบ่ามตามใจตนไม่ได้ ด้วยทั้งกุฏิ ศาลาและหอสวดมนต์ ล้วนแต่ปูพื้นด้วยไม้ ใครเผลอเดินลงส้นให้เกิดเสียงแม้เพียงสัก “กึก”นึง เป็นอันต้องโดนไม้เคาะกะปอม อย่างน้อยก็ต้องซัก ๓ ทีเป็นอย่างต่ำ ตามระดับความดังของเสียง เวลาทานอาหารก็มีกฎเหล็กไม่ต่างกัน ไม่ว่าเสียงช้อนจะกระทบกับจาน ทานเสียงดัง หรือแม้ในที่สุดการวางจานอาหารถึงขนาดที่จะต้องใช้มือรองก้นจานไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ก้นจานกระทบกับพื้น แล้วจึงค่อยๆดึงมือออก ถ้ามีเสียง “แก๊ก” มาจากใคร ผู้นั้นจะต้องใช้มือเขกกระดานอย่างน้อย ๓ ครั้งเช่นกัน แม้จะเป็นการลงโทษด้วยตนเองก็ต้องซื่อสัตย์ปฏิบัติต่อตนเองด้วยความจริงใจ จะสงวนท่าทีด้วยเกรงว่าเจ้าของจะเจ็บหนักนั้นเป็นไม่ได้ หากกระทำเช่นนั้นแล้วไซร้ซ้ำร้ายจะได้โทษสถานหนักขึ้นเป็นทวีคูณ

ออฟไลน์ ฝุ่นดิน

  • ที่ปรึกษาเว็บไซต์
  • สมาชิก
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 668
  • พลังน้ำใจ 2
  • ฝุ่นดินท้องถิ่นนิยม 084-7208460
Re: ประวัติและประมวลภาพ หลวงพ่อเคลือบ วัดบ่อแร่ จ.ชัยนาท
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 09:38:06 pm »
นอกจากความเคร่งครัดและปฏิปทาอันเข้มข้นอาจหาญแห่งองค์ท่านดังที่กล่าวมาแล้วนั้น  เรื่องวาจาสิทธิ์ก็เป็นอีกเรื่องที่เหล่าลูกศิษย์และชาวบ้านยำเกรงกันนักหนา ด้วยว่าท่านเป็นคนพูดน้อยก็จริง แต่อะไรที่หลุดปากท่านออกมาแล้วล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น แม้แต่เรื่องที่เราๆท่านๆเห็นว่าไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้ก็กลับกลายเป็นไปตามคำของท่านอย่างน่าอัศจรรย์ ถึงกับกล่าวว่า หลวงพ่อท่านปากพระร่วง พูดเช่นไรเป็นเช่นนั้น  บางครั้งเวลาที่ท่านรู้ว่าอารมณ์โกรธเกิดขึ้นท่านจะข่มอารมณ์นั้นด้วยการนั่งนิ่งหลับตา เพื่อไม่ให้พลั้งปากพูดในทางตำนิออกไป   ด้วยเกรงว่าผู้นั้นจะต้องมีอันเป็นไปตามคำท่านปรากฎการณ์ที่เกี่ยวกับเรื่องวาจาสิทธิ์นี้มีอยู่มากซึ่งล้วนแต่มีประจักษ์พยานและหลักฐานยืนยันชัดเจน  อย่างเช่นเรื่องดังต่อไปนี้
นายเทียมลูกน้องของขุนหลวงศรีสิทธิกรรม (รองอำมาตย์เอกเปล่ง วิสูตรชัย อดีตนายอำเภอวัดสิงห์ ผู้ให้การอุปถัมภ์คนสำคัญอีกท่านหนึ่งของวัดบ่อแร่) เพิ่งเข้ามาบวชใหม่ โดยหลวงพ่อเคลือบเป็นพระอุปัชฌาย์ให้และพักจำพรรษาอยู่ที่วัดบ่อแร่ จะด้วยความคึกคะนองของคนหนุ่มหรือจะด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ นายเทียมผู้บวชเป็นพระใหม่รูปนี้จึงเล่นพิเลนวิ่งไล่เตะเพื่อนพระด้วยกัน ที่สำคัญพระที่ถูกไล่เตะนั้นเป็นพระที่คอยปรนนิบัตินวดเฟ้นให้กับหลวงพ่อเสียด้วย เรื่องทราบถึงหลวงพ่อท่านก็กล่าวออกมาว่า “ไอ้พระองค์นี้มันท่าจะบ้า” หลังจากหลวงพ่อท่านลั่นวาจาออกไปไม่นาน พระเทียมก็เริ่มออกอาการเพี้ยนๆนับวันอาการยิ่งหนักขึ้นเป็นทวีคูณจนกระทั่งเมื่อสึกออกไปจึงได้บ้าถาวร ฝ่ายหลวงศรีสิทธิกรรมเมื่อทราบเรื่องดังกล่าว ก็เข้าใจในทันทีว่าเป็นเพราะอำนาจวาจาสิทธิ์ของหลวงพ่อ หลวงศรีสิทธิกรรมจึงออกกุศโลบายให้นายเทียมคนของท่านกลับไปปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อ โดยกำชับให้นายเทียมคอยฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของหลวงพ่อทุกคำอย่างเคร่งครัด หลังจากนั้นนายเทียมก็ปฏิบัติตามคำสั่งของหลวงพ่อทุกประการจนกระทั่งหลวงพ่อท่านออกปากชมว่า “เดี๋ยวนี้เทียมมันดีนะ”บางวันท่านก็ว่า “เทียมมันตรงเวลาดีนะ” ยิ่งหลวงพ่อพูดคำว่า “ดี”มากเท่าไรอาการของนายเทียมก็ยิ่งดีขึ้นๆโดยลำดับ ในคราวนั้นหลวงพ่อท่านอาพาธเป็นมะเร็งหลอดอาหารจึงต้องผ่าตัดเปลี่ยนหลอดอาหารเป็นหลอดพลาสติกใส่ไว้แทน จึงมักมีเสมหะไหลออกมาอยู่บ่อยครั้ง เวลาที่ท่านบ้วนลงกระโถนท่านก็จะบ่นออกมาว่า “เสลดนี่มันเหนียวจังว่ะ” นายเทียมพอได้ยินคำว่า “เหนียว”จากปากหลวงพ่อเท่านั้นแหละ เสลดที่มีอยู่ในกระโถนเท่าไรนายเทียมยกมาดื่มกินจนหมด และก็ปรากฏว่านายเทียมนี่หนังเหนียวจนขึ้นชื่อ เป็นที่โจษขานกันมากในแถบนั้น จนกระทั่งมีอยู่คราวหนึ่งลูกน้องของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หมู่บ้านกุดจอกทำการทดลองด้วยมีดโกน ทั้งกรีดทั้งเถือกันแบบไม่ยั้ง จนกระทั่งใบมีดโกนหลุดออกจากฝัก เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งไปหมดแต่ก็ไม่ปรากฏรอยเลือดให้แมลงวันกินได้ซักหยดเดียว
ตกเย็นท่านมักจะเดินสำรวจบริเวณวัดเพื่อสอดส่องดูแลความปกติเรียบร้อยของภูมิทัศน์และวัตรปฏิบัติของเหล่าอันเตวาสิกเป็นประจำ มีอยู่คราวหนึ่งก่อนที่ท่านจะออกไปธุระนอกวัด ท่านเห็นว่ากิ่งไม้มันยื่นยาวออกมาพาดอยู่เหนือหลังคากุฏิพระ ท่านพูดออกมาสั้นๆว่า “กิ่งนี้มันไม่ดีนะ”พอท่านละหลังออกจากวัดไป ปรากฎว่าใบที่อยู่บนกิ่งนั้นเริ่มเหี่ยวเฉาและเป็นเฉพาะไม้กิ่งนั้นอยู่กิ่งเดียวในที่สุดมันก็แห้งตายของมันไปเองอย่างน่าประหลาด
ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโบสถ์อยู่นั้น ท่านเห็นว่ากิ่งมะม่วงกะล่อนขนาดใหญ่กิ่งหนึ่งมันยื่นออกมาบดบังทัศนียภาพ ทำให้มองเห็นโบสถ์ไม่โดดเด่นนัก ท่านจึงกล่าวขึ้นว่า “กิ่งนี้นี่ จะมาบังเขาทำไม ไม่เหมาะหรอก”ตกเย็นกิ่งมะม่วงกะล่อนขนาดใหญ่ที่ไม่มีท่าทีว่าจะหักลงได้ กลับหักลงมาอย่างไม่มีสาเหตุ ด้วยความใหญ่โตมโหฬารของมันถึงกับต้องเกณฑ์พระลูกวัดทั้งหมดมาช่วยกันขนย้าย

ออฟไลน์ ฝุ่นดิน

  • ที่ปรึกษาเว็บไซต์
  • สมาชิก
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 668
  • พลังน้ำใจ 2
  • ฝุ่นดินท้องถิ่นนิยม 084-7208460
Re: ประวัติและประมวลภาพ หลวงพ่อเคลือบ วัดบ่อแร่ จ.ชัยนาท
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 09:42:02 pm »
คุณตากิ่ง พาดปรีดา ปู่ของอาจารย์สังวาล (อดีตพระเลขาฯของหลวงพ่อพระครูศักดิ์)เมื่อคราวจัดงานวัดประจำปี ปู่กิ่งเป็นอีกท่านหนึ่งที่มีความเคารพนับถือหลวงพ่อเป็นที่สุดและมีจิตใจเอาใจใส่ในการบุญ งานวัดคราวใดปู่กิ่งมักมาช่วยอยู่เสมอมิได้ขาด คราวนั้นก็เช่นกัน เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจในวันนั้นแล้ว ปู่กิ่งก็นอนค้างที่วัด พอตื่นขึ้นมาปรากฎว่า ผ้าขาวม้า และมีดเหน็บของแกหาย แกจึงโวยวายเอ็ดตะโลไล่หาคนผิด ความทราบถึงหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านบอกกับปู่กิ่งว่า “อย่ากังวลใจไปเลย ถึงมันจะเอาไปได้ แต่มันก็ไปไหนไม่ได้หรอก” หลังจากงานวัดเลิกผู้คนแยก
ย้ายกลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือแต่เด็กคนหนึ่งเดินวนเวียนอยู่ภายในบริเวณวัดด้วยอาการที่มีพิรุธ  เมื่อจับตัวมาไต่ถามก็ปรากฏว่าเป็นผู้ที่ขโมยผ้าขาวม้าและมีดเหน็บของปู่กิ่งไปนั่นเอง เด็กคนนั้นเล่าว่าเมื่อขโมยของได้แล้วก็พยายามหาทางออกจากวัด แต่ไม่ว่าวิ่งออกไปทางไหนปรากฎว่ามืดตื้อไปทุกทิศ พยามวิ่งวนอยู่หลายเที่ยวแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งแข้งขาเริ่มหมดแรง ส่วนภายในใจนั้นก็ทั้งงุนงง และตื่นกลัวความรู้สึกมันช่างสับสนอลหม่านไปหมดจึงได้แต่เดินวนเวียนไปมาเป็นไก่ตาแตกอยู่อย่างนี้
   ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ บ้านเมืองต่างได้รับความเดือดร้อน โจรผู้ร้ายชุกชุม ทำการปล้นไม่เว้นแม้แต่ละวัน สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านถึงกับไม่เป็นอันกินอันนอน ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงหอบเอาทรัพย์สินเงินทองไปฝากไว้กับหลวงพ่อด้วยหวังพึ่งบารมี เมื่อพวกโจรมันรู้ว่าทรัพย์สินเงินทองของชาวบ้านมารวมกันอยู่ที่หลวงพ่อ มันจึงคิดรวบหัวรวบหางปล้นวัดเสียทีเดียวจะได้ไม่เสียเวลา หลวงพ่อท่านหยั่งทราบได้ ท่านจุดกองไฟไว้กลางลานวัด แล้วหยิบก้อนดินวางไว้ทั้ง ๘ ทิศ เมื่อฝ่ายพวกโจรมันเข้ามา ปรากฏว่าเห็นเป็นผู้ชายหุ่นก้านกำยำมีอาวุธครบมือนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่รอบๆกองไฟ เมื่อเห็นดังนั้นแล้วมันก็ถอยล่นไปก่อนกะว่ารอให้ค่อนแจ้งมนุษย์ยามพวกนี้คงจะกลับไปหลับไปนอนกันบ้าง แต่เมื่อพวกโจรหวนกลับมาอีกครั้งมันก็ยังพบเห็นว่ายังเป็นอยู่เช่นเดิม พวกโจรลองพยายามอยู่อีกหลายครั้งหลายคราแต่ทุกครั้งก็ยังเห็นว่าพวกมนุษย์กลเหล่านั้นยังทำท่าพร้อมรบอยู่ตลอดเวลาไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเหงาหาวซึมบ้างเลย จึงทำให้พวกโจรเหล่านั้นหมดท่าถอดใจถอยล่าไปในที่สุด ความกายสิทธิ์ของท่านนี้แม้แต่ที่นั่ง ที่นอน หรือแม้แต่ส้วม ที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำ ใครแผลงไปนั่ง ไปนอนหรือไปใช้ของท่านเข้าต้องเป็นขี้กลากขี้เรื้อนทุกคนไป วิธีแก้หลวงพ่อก็จะใช้น้ำลายของท่านนั่นแหละเอามาทาไม่ช้าก็หายไปเอง
       ยามว่างท่านมักจะเหลาไม้ทำกระจ่าและจักตอกสานตะกร้าจีน แจกจ่ายให้กับชาวบ้านวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวบ้านไว้ใช้สอยให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน แต่ชาวบ้านกลับมีความเชื่อว่าเป็นของดีมีสรรพคุณในด้านเมตตาค้าขายเรียกโชคเรียกลาภไปตามประสา ทั้งๆที่ท่านก็มิได้บอกว่าเป็นของมงคล อีกทั้งยังไม่ปรากฎอักขระเลขยันต์หรือมีพิธีการปลุกเสกแต่อย่างใด ซึ่งก็เป็นข้อที่น่าสรรเสริญอยู่อีกประการหนึ่งว่า ทั้งๆที่เป็นพระผู้ใหญ่ที่ได้รับความเคารพศรัทธาจากเหล่าสาธุชนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ( พ.ศ.๒๔๘๑- ๒๔๘๔ ) ซึ่งบรรดาเกจิคณาจารย์โดยมากในสมัยนั้นมักนิยมทำเครื่องรางของขลังหรือไม่ก็ประสิทธิ์ประสาทวิชาอาคมให้กับบรรดาลูกศิษ์ลูกหา แต่หลวงพ่อยังคงไว้ซึ่งความดุษณียภาพมิได้ทำตัวโอ้อวดเสมือนตนเป็นผู้วิเศษแต่ประการใด

ออฟไลน์ ฝุ่นดิน

  • ที่ปรึกษาเว็บไซต์
  • สมาชิก
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 668
  • พลังน้ำใจ 2
  • ฝุ่นดินท้องถิ่นนิยม 084-7208460
Re: ประวัติและประมวลภาพ หลวงพ่อเคลือบ วัดบ่อแร่ จ.ชัยนาท
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 09:48:11 pm »
  ด้วยเหตุที่ว่าท่านไม่ค่อยนิยมในการถ่ายรูป ภาพถ่ายของท่านทั้งขนาดห้อยคอและขนาดบูชา จึงจัดว่าเป็นของหายากและเป็นที่หวงแหนของคนในพื้นที่เป็นที่สุด ผู้เขียนได้พยายามแสวงหาและรวบรวมภาพถ่ายในอิริยาบถต่างๆ ของท่าน จนกระทั่งพอที่จะเรียบเรียงเป็นวาระต่างๆ ได้ ๗ วาระดังนี้
๑.วาระแรกตั้งแต่สมัยท่านยังเป็นพระใบฎีกาเคลือบ พระฐานานุกรมของพระครูสิงหชัยสิฌช์ (ฉะอ้อน) เจ้าคณะแขวงฯในขณะนั้น

กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย

Re: ประวัติและประมวลภาพ หลวงพ่อเคลือบ วัดบ่อแร่ จ.ชัยนาท
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 09:48:11 pm »

 


Facebook Comments