ผู้เขียน หัวข้อ: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลังจารเฑาะว์ และ นะ มะ อะ อุ  (อ่าน 316918 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #560 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2014, 12:54:38 pm »
เมื่อผมเริ่มเขียนเรื่องใหม่ ๆ วัตถุมงคลที่เหลืออยู่โดยมากเป็นชนิดสั่งทำ ที่ทำเองกับมือคือ ผ้ายันต์นะปัดตลอด ประมาณ ๗-๘ ปีมาแล้ว (๑๘ เมษายน ๒๕๓๙) วัตถุมงคลที่เหลือโดยมากเป็นวัตถุมงคลรุ่นฝังลูกนิมิต มีผ้ายันต์ค่ายกล รูปเล็กเลี่ยมเดิม และไม่ได้เลี่ยม รูปบูชาโปสการ์ด ผ้ายันต์สารพัดดี สารพัดกัน สีขาว ตำราของหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ผ้ายันต์สารพัดดีสารพัดกันผืนเล็ก ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวัณ(เหมือนของสนามทั่วไป) รูปหล่อเล็กรุ่น ๒ แผ่นใบปลิว พ.ศ.๒๕๑๒ (เป็นของเก่า) มีมาก แผ่นยันต์กันภัย ๘ ทิศ มีรูปท่านเป็นกระดาษทำไม่สวยนัก ทำตั้งแต่เสาร์ ๕ พ.ศ.๒๕๑๕ จำหน่าย พ.ศ.๒๕๒๑ ก็ไม่หมด ผ้ายันต์นะปัดตลอดก็จำหน่ายตั้งแต่งานฝังลูกนิมิต แต่คนไม่ชอบ มีนะตัวเดียว ของเลยตกค้างอยู่ สมเด็จสีชานหมากพิมพ์พระครูละมูล วัดสุทัศน์ ด้านหลังบอกชื่อหลวงพ่อชื่อวัด สมเด็จเนื้อสีเกือบดำพิมพ์ขาโต๊ะ ด้านหลังมียันต์บอกชื่อหลวงพ่อบอกชื่อวัด เมื่อผมเริ่มเขียนวัตถุมงคลจำหน่ายได้ดีมาก มีกรรมการวัด ๒ – ๓ คน ได้นำสมเด็จหลังรูปรุ่นสุดท้ายเอามาให้อาจารย์สำรวยจำหน่ายแบ่งกัน บังเอิญพระอยู่ในที่อับชื้นไม่แตกร่อน เหมือนของผมที่เก็บเอาไว้ ผมเลยไม่ได้บูชาเอาไว้ อยู่ต่อมาเขาได้เอาสมเด็จรุ่นสงครามลาวมาให้จำหน่ายอีกผมไม่เคยเห็นผมคิดว่าปลอม และยังได้พบสมเด็จหลังรูปเนื้อผงน้ำมันอีก ๑ องค์ ผมไม่เคยเห็น เลยไม่ได้บูชาไว้

ในปีที่ ๓ ของการเขียนเรื่อง รูปหล่อบูชารุ่น ๒ เหลือตกค้างที่วัด ๓ องค์ คุณพี่เนื่อง แก้วพฤกษ์ ทับทิมบาเบอร์สยามสแควร์ ได้ไป ๑ องค์ ขณะที่อาจารย์สำรวยจำหน่ายวัตถุมงคลรุ่นตกค้าง ผมได้ไปวัดครั้งหนึ่งเจอปลัดตัวเรียบ ๆ มีจารลายมือหลวงพ่อ แต่ไม่ได้เช่าเอาไว้ ผมได้ขอดูวัตถุมงคลของเก่าของหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อทำพระไว้แบบไหน ท่านจะเอาใส่บาตรเอาไว้ อย่างละ ๑-๒ องค์ ผมได้ขอบูชามาเรื่อย ๆ บาตรที่ ๑ เป็นตัวอย่างพระที่เคยทำเอาไว้ บาตรที่ ๒ และบาตรที่ ๓ เป็นพระยังแจกไม่หมด และเป็นเหรียญวัดต่าง ๆ ที่หลวงพ่อเคยได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกแล้วเขาถวายมา พระทั้ง ๓ บาตรนี้ผมได้บูชามาเกือบหมดโดยจุดธูปขอกับหลวงพ่อที่รูปหล่อ ที่ไม่ได้มาคือเหรียญหลวงพ่อต่าง ๆ แต่ได้ขอถ่ายรูปเอาไว้ และจิ๊กเอาไว้ ๑ เหรียญ คือ เหรียญหลวงพ่อปากคลองมะขามเฒ่า ออกที่ไหนไม่รู้เนื้อนวะโลหะ (ผมชอบเนื้อนี้มาก) ด้านหลังเป็นรูปกงจักร เขียนว่าปลุกเสกโดยหลวงพ่อเกษม เขมโก อีกเหรียญหนึ่งบูชาท่านมาเป็นเหรียญเนื้ออัลปาก้า รูปสมเด็จโตเลี่ยมกรอบเปิดหน้าหลัง มีศิษย์ใกล้ชิดบอกว่าท่านเคยบูชาติดตัว พร้อมพระพิมพ์แหวกม่านอกใหญ่ที่ท่านสร้าง เหรียญสมเด็จโตนี้ปลุกเสก ๑๐๘ อาจารย์ออกวัดกัลยา (เนื้อทองแดงก็มี)

พระที่พบในบาตรแรกมีไม่ครบทุกพิมพ์ทรง แต่พอจะคลำทางได้ แต่จะเอา ๑๐๐% นั้นไม่ได้ เพราะบางทีอาจารย์สำรวย เอาพระบาตร ๒ มาใส่บาตร ๑ เอาพระบาตร ๑ มาใส่บาตร ๓ ก็มี ผมได้บูชามาเรื่อย ๆ มีพระกระเบื้องแกะอย่างละองค์ มีพิมพ์พระนารายณ์ พิมพ์พระแม่ธรณี พิมพ์ท้าวเวสสุวัณ พิมพ์พระฤษี พระ ๔ พิมพ์นี้ กำนันชูชาติ มากสัมพันธ์ แบ่งเอาไป พิมพ์พระฤษี คุณเสงี่ยม จิตรักสระนะ ได้แบ่งเอาไป พระหินแกะมีหินชนิดเดียว เป็นหินสีขาวนวล แกะเป็นรูปปางห้ามสมุทร ๒ องค์ พิมพ์สมาธิ ๒ องค์ พิมพ์สมาธิกำนันชูชาติ มากสัมพันธ์ ได้ไป ๒ องค์ พิมพ์ห้ามสมุทร คุณเสงี่ยม จิตรักสระนะ ได้ไป ๑ องค์ คตมะม่วง ผมดูแล้วเหมือนหินเป็นรูปมะม่วงมากกว่า แต่หลวงพ่อถักลวดเอาไว้(จะถักเองหรือให้ใครถักผมไม่รู้) มี ๑ อัน คุณศิริชัย ชีววณิชยกูล บางปูได้ไว้ คตหอยขมเป็นหินดินดานเข้าไปอยู่ในหอยขม มี ๕-๖ อัน หลวงพ่อเก็บเอามาเข้าใจว่าเอามาจากกองทราย ก้อนหินสีสวย ๆ หรือปฐวีธาตุ หลวงพ่อเก็บมาปลุกเสกแจกทหาร นอกนั้นก็มีเหรียญรัชกาลที่ ๕ ที่ ๔ ใช้แล้ว จารมั่งไม่จารมั่ง แต่โดยมากจารมีเหรียญสลึง ๑ อันสวยมาก คนสนามบินน้ำได้ไป คตมะม่วงที่คุณศิริชัยได้ไปภายหลังเอาไปทดลองต้องรุ้งปรากฎว่ารุ้งขาด นอกนั้นก็ยังเจอเมล็ดสำโรงต้นที่หลวงพ่อจารเอาไว้แล้วยิงไม่ออก ลูกพระเจ้า ๕ พระองค์ศิษย์ท่านเป็นพรานป่าเก็บมาถวาย และยังเจอผ้าขอดสีขาวไปได้กลับได้ ๒ อัน ผ้าขอดสีแดง ๆ ขอดไม่ตายใน ๗ วัน คุณศิริชัยได้ไป สีขาวนายทหารอากาศดอนเมืองได้ไป ผ้าขอดขอดเป็นพิรอด ๗ ขอด หรือ ๕ ขอด (จำไม่แน่ชัด) หลวงพ่อเขียนว่าของโผน กิ่งเพชร เขียนใส่กระดาษ เอาเชือกผูกติดไว้ โผนไม่มาเอา เลยเสร็จเฒ่า นอกนั้นก็มีลูกปืนลงอาคม เป็นลูกปืนเอ็ม ๑๖ ลูกอาร์ก้า ด้านยิงไม่ออก ลูก .๓๘ ลูกกรดหัวทองแดง ลูกปืนที่เครื่องบินใช้ยิงปูพรม ลูกโตมาก หลวงพ่อบรรจุทรายเสกคนชื่อเสือ(สักเต็มตัว)ได้ไป ลูกกรดสวยมากคนเมืองนอกได้ไป ลูกเอ็ม ๑๖ ลูกอาร์ก้าหลวงพ่อจะถอดหัวออกบรรจุตะกรุดกันอาวุธ ๑ ดอก จารให้เกือบทุกลูก มีเกือบ ๒๐ ลูก มีชื่อนายทหาร นายพัน นายพล จ่า สิบเอก เขียนชื่อติดเอาไว้ กระดาษเปื่อยแล้ว เจ้าของไม่มาเอาผมเลยขอบูชามา กำนันชูชาติ มากสัมพันธ์ ได้ไป ๒ ลูก จารชัดเจนลึกคมมาก (ผมได้ทดลองจารดูยังจารไม่เข้า) และยังพบมีดหมอด้ามอลูมิเนียมไม่มีฝัก ๑ เล่ม นอกนั้นเป็น แร่ อุกาบาศ ที่บรรจุที่ด้ามมีด หินเขาสารพัดสี(ผมจำได้) น้ำมันจันทน์เสก น้ำมันงาเสก มีอยู่นอกบาตร ผมกินไปครึ่งขวดใหญ่ได้ ผมมี ๓ ขวดโหลใหญ่ ผมทำบุญมาได้ ๑ ขวดโหลใหญ่

ส่วนพระพบพระขุนแผนเนื้อผงดำผสมผงผี ๑ องค์ พระเนื้อผงขาว ๓-๔ องค์ ทรงพิมพ์แบบวัดบ้านกร่าง ขุนแผนอีกองค์หนึ่งโต มีตราข้างหลัง เข้าใจว่า วัดอื่นให้มา ขุนแผนเนื้อดินได้มาเกือบ ๒๐ องค์ (แม่พิมพ์อยู่ที่วัด) ขุนแผนขี่โหงพราย เนื้อผงผสมผงผี ๑ องค์ ขุนแผนขี่โหงพรายเนื้อผงน้ำมันแบบปรกโพธิ์ ๙ ใบ พระสิวลีเนื้อ

Follow members gave a thank to your post:


ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #561 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2014, 10:59:07 am »
ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๔๖๖

วันที่ ๒๕ ก.ย. – ๕ ต.ค.๒๕๓๙

หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ภาคพิเศษว่าด้วย อภินิหารและปฏิทา




มนต์พญาไก่เถื่อน

ต่อไปจะกล่าวถึงมนต์พญาไก่เถื่อน คำว่าเถื่อนก็คือป่า ไก้เถื่อนก็คือไก่ป่า ไก่ป่ากับไก่แจ้นั้นคล้าย ๆ กันแต่เดิมไก่แจ้นั้นถือกำเนิดมาจากไก่ป่าเมื่อมีการสร้างวัด ในวัดมีอาหารสมบูรณ์และปลอดภัยไก่ป่าเลยมาอยู่อาศัยนาน ๆ เข้าก็เป็นไก่แจ้ อ้วนสมบูรณ์

หลวงพ่อท่านเลี้ยงหมาไว้ ๕-๖ ตัว อ้วนสมบูรณ์ใหญ่โต มันรักท่านมาก ถ้าจะเปรียบเทียบ คือให้ผมเปรียบเทียบ แต่เปรียบเทียบด้วยความเคารพน่ะครับ มันรักท่านเหมือนมันรักลูกอ่อนของมัน ใครจะแตะต้องท่าน ของ ๆ ท่านเป็นไม่ได้ เวลาเข้าไปหาท่าน มันจะหมอบใกล้ ๆ เหมือนในรูปที่ผมเคยนำมาลงให้ดูเห็นในรูปแล้วอดคิดถึงเพลง“เลิฟ มี เลิฟ มาย ด็อก”ไม่ได้ เพลงนี้มีความว่า เมื่อรักท่านก็ควรต้องรักหมาท่านด้วย ทีนี้ท่านเลี้ยงแมวไว้ด้วย แต่รู้สึกว่าแมวเขาจะไม่ค่อยมีบทบาทอะไร แต่แมวท่านก็ดุ เวลาแมวท่านมาอยู่ใกล้ ๆ ท่าน หมาต้องลงไปหมอบชั้นล่าง คือแมวอยู่สูงกว่าประมาณ ๑ ฟุตได้ คือกุฏิท่านทำไม่เสมอกัน แต่มันก็ไม่เคยทะเลาะกันให้ท่านเห็นหรือให้ใครเห็นเลย แถมเวลากินข้าวมันยังกินสำรับเดียวกันอีก แต่ข้าวในจานที่ท่านฉันเมื่อท่านฉันพอแล้วท่านจะหยิบกับข้าวดี ๆ คลุกกับข้าวเอาใส่ไว้ในจาน หมาและแมวท่านจะเข้ามากินตอนที่ท่านฉันอิ่มแล้ว ขณะที่ท่านฉันมันจะไม่เข้ามากวนเลย มันจะหมอบกันสงบเสงี่ยมเรียบร้อย เมื่อท่านฉันเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ให้หมาและแมวท่านกินกันในสำรับท่านเลย หมาและแมวท่านก็กินกันวันละ ๑ มื้อเท่าท่านเช่นกัน

ทีนี้จะกล่าวถึงมนต์หรือคาถาพญาไก่เถื่อนที่ท่านเสกให้แมวและหมารักกัน เล่ากันว่าคาถานี้ใช้เสกหญ้าเสกอาหารให้สัตว์ดุร้ายกินแล้วเชื่องได้คาถาว่าดังนี้

“เวทา สากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ ตะสายะทา สาสาทิกุ กุทิสาสา กุตะกุภู ภูกุตะกุ”

เห็นว่าคาถานี้สมควรบันทึกเอาไว้ไม่อยากให้เสื่อมสูญ ไม่รู้ว่าถ้าจะนำไปเสกข้าวให้ภรรยาคนโตอายุ ๓๕ กับภรรยาคนเล็กอายุ ๑๘ กิน ไม่รู้ว่าใช้ได้หรือเปล่า

ว่าจะจบก็จบไม่ลงด้วยอำนาจมนต์ และคาถาของท่านที่ได้เสกข้าวให้หมาท่านกิน วันหนึ่งหมาท่านชื่อไอ้หลง หรือกาหลง เกิดเป็นบ้าหรือโรคกลัวน้ำ โรคนี้เกิดจากไวรัสชนิดหนึ่ง ไอ้หลงได้อาละวาดได้กัดอาจารย์ตั้ว บาดแผลเริ่มอักเสบเรื้อรังและมีสีเขียว แสดงว่าติดเชื้อ จิตใจไม่ค่อยดี ได้เข้าไปหาหลวงพ่อ เล่าอาการและเอาแผลให้ท่านดู ท่านได้ให้อาจารย์ตั้วไปรักษากับหมอเหลียว คือหมอเหลียวหรือหมอเฉลียวเขาได้ตำราการรักษาโรคหมาบ้าจากท่านไป เมื่อท่านให้ไปแล้วใครเป็นอะไรท่านก็ให้ไปหาศิษย์ท่าน ปรากฎว่ารักษาหาย ไม่น่าเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้สำหรับแพทย์แผนปัจจุบันจะพูดว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดน่าเสียดายหมอเฉลียวปัจจุบันอพยพไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว

ทีนี้ไอ้หลงเมื่อมันบ้า คือจิตใจมันคงไม่ค่อยดี มันกระวนกระวายแต่ก็ไม่กัดใครอีก ศิษย์ท่านชื่อรวมได้เห็นว่าถ้าปล่อยให้อาละวาดอาจไปกัดคนมาทำบุญได้ ได้ไปขออนุญาตท่านเพื่อฆ่าให้ตาย ท่านก็ไม่ได้พูดอย่างไรคือก็ไม่ได้บอกอนุญาต ท่านคงจะสะเทือนใจท่านเบือนหน้าหนี แล้วพูดว่า“ไปดีเถอะหลงเอ๊ย ไปเกิดใหม่” แล้วท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย จนกระทั่ง

เมื่อนายรวมได้บอกหลวงพ่อแล้วก็เอาปืนลูกซอง บรรจุลูกโดดลงมาด้านล่างมาดักยิงไอ้หลง ผลคือยิงออกดังปัง ปรากฎว่ายิงไม่เข้าจะยิงกี่นัดก็ไม่เข้า บังเอิญไอ้หลงอาการย่ำแย่เลยทุบซะตาย เมื่อตายแล้วก็ไปบอกหลวงพ่อ หลวงพ่อได้ให้หาฟืนมาเผา เผาหมดฟืนไปสามกองไอ้หลงก็ไม่ไหม้ไฟ ได้แต่ดำไปเฉย ๆ นายรวมได้ขึ้นไปบอกหลวงพ่อให้ลงมาดู หลวงพ่อท่านคิดอย่างไรของท่านไม่รู้ ท่านได้นิมนต์พระในวัดมาสวดบังสุกุลให้หมาท่าน พระที่สวดให้หมาท่านตอนนั้นเท่าที่จำได้มีพระทวาย พระกริ่ง พระป๋อง อาจารย์ตั้ว ท่านได้ถวายปัจจัยองค์ละ ๕๐ บาท เมื่อสวดเสร็จท่านได้ใส่ฟืนเอง คราวนี้ไหม้

เรื่องที่ไอ้หลงเผาไม่ไหม้นี่เข้าใจว่าเป็นเพราะอาคมท่านที่เสกข้าวให้มันกิน ภายหลังเมื่อหมาท่านตายอีกท่านให้ขุดหลุมฝังทั้งหมด


สวาหะ สวาหาย

เรื่องของอาคมนี้ เป็นเรื่องของจิต หรืออำนาจจิต โดยเฉพาะคาถารักษาโรค เป็นคาถาที่เป็นไปด้วยจิต คือ ปรารถนาให้หายทั้งสิ้น ตัวคาถาแทบจะไม่มีอะไรเลย แต่คนไข้หายได้เข้าใจว่าหายด้วยจิตใจของครูบาอาจารย์ จะขอยกตัวอย่างของคาถาของหลวงพ่อ เช่น คาถาพ่นป่วง โรคป่วงคือโรคท้องเดิน ปวดท้อง เวลามีคนมาหาให้รักษาให้คน ๆ นั้น ตักน้ำมา ๑ ขัน ทำน้ำมนต์ให้คนที่มาหากิน คนไข้อยู่ทางบ้านจะหาย คาถานี้ให้ชุมนุมเทวดาก่อน แล้วว่าคาถาดังนี้

“อม มะ ป่อง อม มะพ่วง สวาหาย”

น้ำมนต์ต้องให้คนที่มาหากินให้หมด

คาถาพ่นบุ้ง “อมตุกตุ๋ย ครุกครุ่ย สวาหะ”

ใช้มือหยิบ เวลาหยิบ ว่าคาถานี้

“โยนิ กะ ระ หิ มา เอหิ มะ มะ”

เรื่องคาถาพ่นต่าง ๆ นี้ มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ ถ้าไม่ลงด้วยสวาหะ ก็จะลงด้วยสวาหาย หรืออาจลงท้ายด้วยสวาหะ สวาหาย อ่านว่า สะ-หวา แม้ภายหลังหลวงพ่อได้ทำตะกรุดคลอดบุตร ทำผ้ายันต์หรือผ้าประเจียดกันผี กันคน กันกระทำ กันอาถรรพณ์ หลวงพ่อยังนิยมปลุกเสกด้วยคาถารักษาด้วย คือเพื่อว่าศิษย์จะนำพาเอาไปทำน้ำมนต์รักษาโรค รักษาไข้เจ็บต่าง ๆ ปลุกเสกยั้นคาถามหาเถรตำแย คาถาถอนโบสถ์ ถอนเสมา และคาถาปัดรังควาน

วันหนึ่งศิษย์ของหลวงพ่อเป็นทหารอยู่ลพบุรี ได้ไปพบชีปะขาวคนหนึ่งที่ลพบุรี ได้พูดคุยกันและได้นำผ้ายันต์กันผีกันกระทำกันอาถรรพณ์ให้ชีปะขาวดู ชีปะขาวคนนี้เป็นคนดีมีวิชาได้เห็นผ้ายันต์แล้วชอบใจ เพราะผ้ายันต์มีอาคมรุนแรงมาก ชีปะขาวได้นั่งทางในตรวจสอบดู ได้พูดว่า“พระองค์นี้มีอาคมแก่กล้า มีวิชาดี แต่ยังไม่ยอมหยุดศึกษาหาความรู้”ได้พูดกับทหารคนนั้นว่า“ถ้าเอ็งไปหาอาจารย์ของเอ็ง เมื่อไรให้ถามปริศนาธรรมกับเขาสัก ๑ ข้อ”ปริศนาธรรมว่าดังนี้“สระ(สะ) อะไรเอ่ย มี ๒ สระ(สะ) แต่มีทางลงทางเดียว ให้ถามปริศนาธรรมกับเขาถ้าเขาตอบได้เขาจะพ่นจะรักษาได้แทบทุกโรค”เมื่อทหารคนนั้นมากราบหลวงพ่อ ตอนนั้นหลวงพ่อมีกิจนิมนต์ ที่วัดหนองอีดุก ทหารได้เข้าไปกราบหลวงพ่อ และเล่าเรื่องให้ฟัง แล้วได้ถามปริศนาธรรมกับหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อกลับมาวัด ได้กลับมาตีปริศนาคาถานี้อยู่ ๑ วัน ๑ คืน ได้ตีปริศนาออกและไม่ได้เรียนคาถาเพิ่มเติมอีกเลย ปริศนาคาถานี้ได้ตีบอกหมอเฉลียว เดชมา เอาไว้ นับแต่นั้นเป็นต้นมาหลวงพ่อสามารถใช้คาถาพ่นรักษาโรคได้เกือบทุกชนิด

ป.ล.เฉลย คือสวาหะ สวาหาย มี ๒ สระ มีทางลงทางเดียวคือ หาย คือให้หายจากโรคนั่นเอง คาถาบางบทก็ลงท้ายด้วยสวาหะ สวาหาย เช่น คาถาพ่นแมงป่อง“อม แมงงอน มะแมงงอน มึงอยู่ใต้ขอน ถึงนอนใต้ไม้ เดชะคุณครู บันทิญาย ให้กูมาหยิบพิษมึง สวาหะ สวาหาย”

Follow members gave a thank to your post:


ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #562 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2014, 11:02:20 am »


เรื่องราวที่ผมมีอยู่ทั้งหมดก็หมดลงพอดี

Follow members gave a thank to your post:


ออฟไลน์ anon

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 45
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 501
  • พลังน้ำใจ 2
  • หลวงพ่อกวย คือพระในดวงใจ
Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #563 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2014, 08:59:39 am »
ขอบพระคุณมากเลยครับ ตามอ่านตลอด

ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #564 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2014, 10:26:51 am »
ขอบพระคุณมากเลยครับ ตามอ่านตลอด


ยินดีด้วยนะครับที่ตามอ่านมาตลอด เรื่องราวทั้งหมด นั้น ใครเอาไปเก็บเอาไว้จะได้ไม่หาย และทำเป็นเล่มก็จะดีมาก

Follow members gave a thank to your post:


กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย

Re: ประสบการณ์เสียว ๆ กับพระสมเด็จหลั
« ตอบกลับ #564 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2014, 10:26:51 am »

 


Facebook Comments