ผู้เขียน หัวข้อ: อภินิหารรูปถ่ายหลวงพ่อกวย ชุตินธโร ตอน(คุณยายแม่ชีบุณเรือน โตงบุญเติม)  (อ่าน 10105 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ชูศักดิ์

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 29
  • พลังน้ำใจ 0
"คนเมืองกาญฯ"(บ่อพลอย)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 28, 2011, 01:19:02 pm »
เนื้อหา

ออฟไลน์ ชูศักดิ์

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 29
  • พลังน้ำใจ 0
"คนเมืองกาญฯ"(บ่อพลอย)
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 28, 2011, 01:20:57 pm »
ดูอีกที

ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
Re: "คนเมืองกาญฯ"(บ่อพลอย)
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 28, 2011, 02:24:34 pm »
                                  ..."ถึงพี่ชาย "weerawat26" ที่เคารพ"...
 .....เนื่องจากที่พี่"weerawat26" ได้ข้อความมาถาม ข้าพเจ้าในเรื่องการระลึกชาติของข้าพเจ้านั้น พี่"weerawat26" ให้เหตุผลว่ามีความสนใจมากในเรื่องนี้มาก น้องชายคนนี้ ความจริงแล้วก็ลำบากใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้อยู่ เพราะว่าอดีตนั้น ข้าพเจ้าไม่สามารถจะอธิบายให้พี่"weerawat26" ฟังได้ละเอียดเหมือนในรายการ ทีวี ได้. และอดีตบางครั้งมันก็คือความเจ็บปวด จนข้าพเจ้าไม่อยากที่จะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก น้องชายคนนี้ จึงอยากจะขอร้องพี่"weerawat26" ในเรื่องนี้ที่ไม่สามารถให้เหตุผล และ บอกพี่ได้. แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากที่จะบอกกับพี่"weerawat26" ได้เพียงอย่างเดียว ที่มาจากก้นบึ้งแห่งหัวใจน้องชายคนนี้ว่า.สิ่งที่ข้าพเจ้าได้พิมพ์ให้พี่ๆน้องๆนั้นได้อ่านฟังนี้นั้น มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทุกๆประการ.และทำเพื่อบูชาพระคุณของหลวงพ่อ(หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร)พ่อของพวกเราอย่างแท้จริง พี่ชาย คงไม่โกรธ น้องคนนี้นะครับ .ด้วยความเคารพเสมอมา.
                                                                                ..."คนเมืองกาญฯ"...
                                                                                    (บ่อพลอย)

ไม่เป็นไรครับ ถือเป็นเอกสิทธิ์ของคุณชูศักดิ์ครับ

ออฟไลน์ ชูศักดิ์

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 29
  • พลังน้ำใจ 0
"คนเมืองกาญฯ"(บ่อพลอย)
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 28, 2011, 02:52:04 pm »
ขอบคุณพี่ชาย"weerawat26" มากครับที่เข้าใจน้อง ด้วยความเคารพพี่ครับ.
                                 "คนเมืองกาญฯ"(บ่อพลอย)

ออฟไลน์ weerawat26

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 39
  • กระทู้: 1103
  • พลังน้ำใจ 39
กราบสวัสดี พี่ๆน้องๆลูกของหลวงพ่อ กวย ชุตินฺธโร ทุกๆคน

พอดีวันนี้ว่างนิดหนึ่ง ข้าพเจ้าก็เลยแวะ เข้ามาอวยพรปีใหม่ ให้พี่ ๆ น้อง ๆ ทุก ๆ ท่าน ก่อนล่วงหน้า เพราะไม่แน่ใจว่าช่วงปีใหม่นั้นข้าพเจ้าจะว่างหรือเปล่า เนื่องด้วยต้อง ค้าขาย ช่วงปีใหม่จึงอาจจะวุ่น ๆ ครับ

สำหรับเรื่องราวประสบการณ์ของข้าพเจ้าที่จะพิมพ์เล่าตอนต่อไปในตอนที่ชื่อว่า "อภินิหารรูปถ่ายหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร ตอนที่ 9" นั้น ข้าพเจ้าขออนุญาต โพสต์ให้พี่ ๆ น้อง ๆ ได้อ่านฟังกันต่อในตอนหลังปีใหม่นะครับ แต่วันนี้ก็จะขอเล่า เรื่องประสบการณ์ย่อ ๆ ที่เป็นคติธรรมสอนใจ และความศักดิ์ของพระอริยะเจ้าหญิง องค์หนึ่ง ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า พอดีเห็นว่า มีประโยชน์จึง ขออนุญาตโพสต์ ให้ทุกท่านอ่านฟังกันก่อนครับ

กราบสวัสดีครับ "ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก พร้อมด้วยบารมีแห่ง "หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร"  จงปกปักรักษาอภิบาล ลูกๆของท่านให้ พบเจอแต่สิ่งดีๆ มีโชคมีลาภ คิดอ่านอันใดก็ขอให้สมแต่ความปรารถนาในวาระดิถีปีใหม่นี้ ทุกท่านทุกประการเทอญ ....สา...ธุ...

ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง
"คนเมืองกาญฯ"(บ่อพลอย)



"คุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม" มาเตือนใจ


เรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อหลายวันก่อนนี้ พอดีวันนั้นเป็นวันหยุด ข้าพเจ้าไม่ได้ไปทำงาน ก็เลยดำริกับตัวเองว่า เสาร์-อาทิตย์ นี้ข้าพเจ้าจะขอนอนพักผ่อนให้สบายใจ ให้เต็มอิ่มสักหน่อย ก็ได้ความว่าวันนั้นก็ตื่นมาทำกิจวัตรประจำวัน ไปตามปรกติ หลังจากสวดมนต์ ไหว้พระทำสมาธิ และทำอะไร ๆ จนสบายใจแล้ว ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า มีรายการโทรทัศน์จานดาวเทียม ช่องหนึ่ง ที่เขามีถ่ายทอดรายการที่เกี่ยวกับกฎแห่งกรรม

ข้าพเจ้าจึงไปหยิบ รีโมท แล้วก็เปิดไปยังรายการช่องนั้น แต่ก็สรุปว่า ตอนช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าได้เปิดดูนั้น มันดันไม่ตรงกับ ผังเวลาที่ทางสถานนี้เขาได้กำหนดเอาไว้ ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะปิดทีวี แล้วก็เข้าไปหาอ่านหนังสือ ธรรมมะ ในห้องสักหน่อย แต่พอดีตอนที่จะปิดทีวีนั้น ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียง ดังมาจากในโทรทัศน์ ว่าต่อไปจะเป็นรายการที่เขาจะ นำเซียนพระ ชื่อดัง คนหนึ่ง ให้มาบอกเล่าประสบการณ์ ที่เกี่ยวกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เขานับถืออยู่ ก็เลยคิดไปว่า ลองฟังเขาเล่าดูสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

ก็ได้ความว่า เซียนพระคนนี้นั้น เขาเล่าถึงตอนที่เขานั้นหัดเล่นพระใหม่ ๆ แล้วโดนคนกลั่นแกล้ง ทั้ง ๆ ที่พระของเขานั้นเป็นพระแท้ แต่ก็ออกไม่ได้เพราะโดน เซียนรุ่นใหญ่ ตามสวด เพื่อ หวังจะซื้อกด ประมาณนั้น สาระแก่นสารตรงนี้นั้น เมื่อข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น หรือ รู้สึกประทับใจอะไรสักเท่าไรเลย เพราะข้าพเจ้าก็คิดว่า "ก็นี่มันโลกมนุษย์นี่หน่า ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ที่ปลาใหญ่มันจะกินปลาเล็ก มันเป็นเรื่องปรกติ ๆ ทั่วไป" อยู่แล้ว แต่ข้าพเจ้าก็รู้สึกเห็นใจเขาเหมือนกัน เพราะดู ๆ แล้ว ถ้าใครไม่เจอกับตัวเอง ก็คงไม่เข้าใจ แต่เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังเขา เล่าไปสักพักหนึ่ง ข้าพเจ้าก็รู้สึกถึงน่าประทับใจในตอนหนึ่งที่ว่า เขานั้นเล่าถึง ตอนที่เขานั้นคิดอะไรไม่ออกแล้ว ก็เลยนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หนึ่ง ที่เขานั้นรักและเคารพนับถือมาก ๆ นั้นก็คือ "คุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม" วัดอาวุธฯ แล้วเขาก็ได้ไปกราบบอกเล่าปัญหาของเขาที่มีอยู่ ต่อหน้ารูปเหมือนของ "คุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม" ที่ตั้งอยู่ในวัดอาวุธ ในเชิงปรารภ ว่าปัญหาของเขาเป็นอย่างนี้ ๆ ขอบารมี “คุณยาย ให้ช่วยเหลือ เขาด้วยเทอญ”

แล้วก็สรุปว่าหลังจากที่เขา ออกมาจากวัดอาวุธฯ อยู่ ๆ ก็มีบุรุษลึกลับคนหนึ่ง เดินมาจากไหนก็ไม่ทราบ มาขอดูพระ แล้วก็บูชาไปในวันนั้นเฉยเลย(เล่าแบบย่อๆ)เล่นเอาเขานั้น งง มาก และก็ยอมรับนับถือในองค์ของ "คุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม" ตลอดเรื่อยมา ข้าพเจ้าเมื่อได้ยินได้ฟัง ก็เกิดความปราบปลื้มใจแทนเขาด้วย(โมทนาบุญ) จึงใคร่อยากที่จะศึกษาประวัติของคุณยายขึ้นมาเลย(เคยได้ศึกษามาแต่คร่าวๆ) เพราะกระนั้น เพื่อที่ข้าพเจ้าจักได้นำปฏิปทาของคุณยาย ไปให้พี่สาวของข้าพเจ้า ได้ประจักเห็นว่า ถึงจะเป็นผู้หญิงก็หาใช่ว่า จะเป็นอุปสรรค์ในการปฏิบัติไม่เลย

จึงคิดดำริไปว่า เรานี้ก็ต้องเดินทางไปเมืองหลวงบ่อย ๆ ถ้าอย่างไรเสีย เรานี่ก็ควรที่จะไปกราบท่านบ้าง เพื่อชะรอยจะได้ขอพรจากท่าน เมื่อคิดใคร่ควรอย่างนี้ข้าพเจ้า ก็มิได้คิดอะไรมาก พอดีได้ยินเสียงแม่เดินออกมาจากในห้องก็เลยหันไปมองดู โอ้โฮ้!! ก็เลยตกใจมาก ปรากฏว่า แม่ของข้าพเจ้า โทรมเลย ข้าพเจ้าก็เลยถามท่านว่าเป็นอะไร ท่านก็บอกว่า ไม่รู้เหมือนกัน ท่าน อ๊วก!ไม่หยุดแล้วก็เวียนหัวมาก ข้าพเจ้าก็เลยถามท่านว่าไหวไหม แม่นั่งก่อน ท่านก็ว่าท่านไหว สักพักหนึ่งข้าพเจ้าพิจารนาดูแล้ว อาการชักไม่ดี ก็เลยบอกท่านให้ไปหาหมอเถอะ อย่างนี้ ความดันขึ้นแน่ๆ ก็ถามท่านว่า แล้วยาหมดหรือยัง ท่านก็ว่าหมดนานแล้ว ข้าพเจ้าจึงนึกโมโห(ไม่ได้โมโหแบบโมโหจริงๆ อธิบายไม่ถูก ประมาณว่า ห่วงท่านมากกว่า ประมาณนั้น)แล้วก็บอกท่านว่า ยาหมดทำไมไม่บอกจะได้พาไปเอาใหม่(แม่ข้าพเจ้าเป็นคนไม่ชอบกินยา)

สรุปว่าตอนนั้นมันก็ตอนเย็นมากแล้ว พอไปถึงโรงพยาบาล หมอกลับกันหมดแล้วเหลือแต่พยาบาล แม่ก็เลยได้เข้าไปนอนดูอาการในห้องฉุกเฉิน  ชั่วโมงกว่า ๆ เห็นพยาบาล ฉีดยาให้แล้วก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วนัดให้วันรุ่งขึ้นมาหาหมอใหญ่อีกที  สรุปว่า ความดันขึ้นจริงๆ ข้าพเจ้า จึงพาแม่กลับไปผักผ่อนต่อที่บ้าน วันนั้นเลยเพลียๆ พอมาถึงบ้านก็เลยอาบน้ำสวดมนต์ แล้วจึงเข้านอน

ขณะที่เข้านอนอยู่นั้นก็นอนคิดอะไรไปเรื่อย นึกถึง "หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร" พ่อของพวกเรา พรรณนานึกถึงความไม่แน่นอนของคนเรา แล้วจู่ ๆ ก็พลันมานึกถึงเรื่อง "คุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม" ขึ้นมาว่า เอ่อ!!ถ้ามีโอกาสก็จะไปกราบท่านสักหน่อย ชะรอยเพื่อว่า จะได้ข้อ ธรรม ดีๆนำมาปฏิบัติ และบอกสอนคนอื่น ๆ เขาบ้าง

ข้าพเจ้าก็นอนมองเพดานไปเรื่อย ๆ แล้วก็เผลอหลับไป ตอนไหนก็ไม่รู้ตัว คืนนั้นปรากฏว่า ข้าพเจ้าได้นิมิตฝันไปว่า ได้เดินเที่ยวเล่นอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ในฝันนั้นเข้าใจว่าเป็นวัด ๆ หนึ่งซึ่งข้าพเจ้า กำลังจะไปทำบุญอยู่ ที่นั้นร่มเย็นมาก ก็ได้เพลิดเพลินจำเริญใจดูนกดูไม้ไป อยู่ ๆ ข้าพเจ้าก็ได้สำคัญตนว่า ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ศาลาใหญ่ เมื่อข้าพเจ้าเดินเข้าไปใกล้ ก็พิจารณาดูว่า สตรีผู้นี้ท่าทางคล้ายนักบวช กิริยางดงามน่าควรค่าแก่การกราบแท้


ข้าพเจ้าจึงเดินเข้าไปหาท่าน ในนิมิตฝันนั้น ตัวของข้าพเจ้าได้สำคัญตนว่า ล่องลอยเบาบาง สุขใจมาก เมื่อเข้าไปถึง ข้าพเจ้าจึงก้มลงกราบท่าน ท่านก็ยิ้มให้ ข้าพเจ้ากับท่านก็ไม่ได้คุยอะไรกันนะ ได้แต่นั่งมองกัน นานมาก(ในนิมิต)ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าข้าพเจ้ารู้สึกอิ่มเอิบใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็พรรณนาว่า แม่ชีท่านนี้คงเป็น "คุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม" หรือเปล่าหนอ คลับคล้ายคลับคราว่าคุ้น ๆ ใจแท้ แล้วอยู่ ๆ ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า เอ๊ะ! นี่เราก็มานั่งนานแล้วคงต้องขอตัวท่านกลับก่อน ข้าพเจ้ายังไม่ทันที่จะพูดอะไรเลย ท่านก็ได้ยืนมือมาที่ข้าพเจ้าพร้อมกับ ยิ้มให้ข้าพเจ้า ประหนึ่งว่า จะให้ของอะไรกับข้าพเจ้าสักอย่าง

เมื่อข้าพเจ้าแบมือรับ ก็ปรากฏว่าเป็น "พระเครื่องสององค์" องค์หนึ่ง สีออกขาว ๆ น้ำตาลนิดๆ (ข้าพเจ้าจำได้ว่าเป็นพระของคุณยาย)อีกองค์เป็นสีขาว ๆ แต่เล็กกว่าหน่อยหนึ่ง ตอนที่ข้าพเจ้านั้นได้รับ ข้าพเจ้านั้นรู้สึกดีใจมากเพราะว่า พระที่ได้รับสวยมาก สององค์ให้แม่กับพ่อคนละองค์พอดีเลย แล้วจู่ๆ ข้าพเจ้าก็ได้คล้ายตกลงมาจากที่สูง แล้วข้าพเจ้า ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น น้ำตางี้ไหลที่ขอบตาเลย ก็ได้ดำริขึ้นมาในใจว่า อืมนะ!!!วันนี้ฝันดีจังเลย ตอนนั้นก็ประมาณ ตี 4 ประมาณนั้น ก็ปรารภ กับหลวงพ่อ(หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร) ว่าวันนี้ฝันดีจังเลย ครับหลวงพ่อ. แล้วข้าพเจ้าก็เลยลุกขึ้นไปเตรียมตัวอาบน้ำ แต่งตัว สวดมนต์ไหว้พระ ต่อวันนั้นใจมันสุขมาก เพราะโบราณเขาว่าถ้าฝันว่าได้พระ

วันนั้นก็มักจะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามา พอสายๆหน่อย ก็จะไปทำงาน พอดีนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้ แม่ ต้องไปหาหมอ เพราะพยาบาล นัดเอาไว้ให้เมื่อวาน แต่วันนี้เราต้องไปทำงาน ก็ถามพี่ ๆ น้อง ๆ ว่าใครอาสาจะพาแม่ไป สรุป ด้วยเหตุผลก็ได้ความว่า ข้าพเจ้าเป็นคนพาไป(เรื่องแม่ต้องมาก่อน) ข้าพเจ้าก็ถามแม่ว่า แม่เตรียมบัตรพร้อมหรือยัง ท่านก็ว่าเตรียมหมอแล้ว ก็ไปจองคิวกันตอน 7 โมงกว่าๆ ตอนแรกแม่ของข้าพเจ้า ก็จะให้ข้าพเจ้านั้นไปทำงานเลยไม่ต้องรอท่านหรอก เดี๋ยวท่านนั่งรถเมล์เครื่องกลับเองได้ ข้าพเจ้าก็บอกท่านไปว่า ไม่เป็นไรหรอกแม่ ข้าพเจ้าจะรออยู่ที่นี้จนกว่าจะตรวจเสร็จเรียบร้อย นะแหละ แม่ไม่ต้องกังวล เรื่องงานสายสักวันจะเป็นไรไป ท่านก็ยิ้มๆ สรุปว่า จะ 10โมง ก็ยังไม่ได้ตรวจเลย(งานข้าพเจ้าเข้า 8 โมงครึ่ง)ไม่ได้ลาด้วยซิ

ก็นั่งไปลุกลี้ ลุกลนไป มองนาฬิกาไป ประกอบกับเมื่อวานนี้ก็เพลียๆด้วย ข้าพเจ้าก็ได้ผลอ สัปปะงก!ไป ตอนไหนไม่ทราบ แหละ!!ทันใดนั้นเองอยู่ ๆ ขณะที่ข้าพเจ้าเคลิ้ม ๆ อยู่นั้นข้าพเจ้า ก็ได้เห็นภาพของ "พระเครื่อง" สององค์พร้อมด้วยภาพของคุณยายยิ้มลอยปรากฏขึ้นอยู่ในภวังค์ ตอนแรกข้าพเจ้าคงเพลินก็ได้เหลือบมองเฉย แต่พอสติเริ่มมา ก็นึกตกใจ!!!พร้อมกับสะดุ้งตัวตื่น ขึ้นจากอาการ สัปปะงก!!แล้วสายตาของข้าพเจ้าก็ได้หันไปมองหยั่งด้าน ของ แม่ของข้าพเจ้านั้นนั่งอยู่ ก็ปรากฏว่า เห็นแม่ของข้าพเจ้านั้นท่านหันมามองจ้องอยู่ ว่าข้าพเจ้าทำอะไรอยู่

พี่ๆน้องๆครับ ถ้าพี่ๆน้องๆเป็นข้าพเจ้าแล้ว โอ้โฮ้!!แทบจะเดินเข้าไปกราบเท้า แม่ตอนนั้นเลย !lสายตาของท่าน ที่มองข้าพเจ้า ยากนักที่ข้าพเจ้าจะพรรณนาได้ ท่านชั่งประกอบด้วยพรหมวิหารเหลือเกิน ละแล้ว!อยู่ ๆ ธรรมมะปีติ ก็เกิดขึ้นมายังใจของข้าพเจ้า และ พร้อมกันนั้น ข้าพเจ้าก็ขนลุกไปทั้งตัว เข้าใจแล้วๆ เข้าใจแล้วๆ ข้าพเจ้าเข้าใจแล้วคุณยาย ที่เมื่อคืนนี้ ข้าพเจ้า ฝันว่าข้าพเจ้านั้นได้รับ พระสององค์มาจากมือ คุณยาย แล้วเมื่อกี้นี้ ที่ข้าพเจ้านั้นเห็นภาพนั้นขึ้นมาอีก แท้ที่จริงแล้วคุณยาย นั้นมีความหมายเป็นปริศนา ธรรม ที่จะสอนข้าพเจ้าอย่างนี้นี่เอง "ลูกเอ๋ยเจ้าไม่ต้องมาหายายที่ วัดอาวุธฯหรอกนี่ก็ได้ ของดี ของวิเศษ ของที่ควรค่าแก่การเคารพบูชา กราบไหว้ ก็อยู่ที่บ้านของลูกอยู่แล้ว พระองค์ที่ 1 ที่ยายให้คือพระแม่ พระองค์ที่ 2 ที่ยายให้คือพระพ่อ เจ้าจงดูแลพระอรหันต์ สององค์นี้ให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกนั้นจะทำได้เถิดนะ

ถ้าลูกนับถือยายจริง ๆ ล่ะก็ ลูกก็จงหารูปของยายมาบูชาที่บ้าน ก็เหมือนกัน ข้าพเจ้าน้ำปิ่มอยู่สองตาเลย พี่ๆน้องๆครับ เชื่อไหมว่า อาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย แล้วก็ลุกลี้ลุกลนของข้าพเจ้า หายหมดไปเลย แล้วข้าพเจ้าก็ได้หันไป ยิ้มให้กับแม่ของข้าพเจ้า ท่านก็มอง เหมือนจะหัวเราะ ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารอจนแม่ตรวจและรับยาเสร็จ เวลาก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง ก็ได้พาแม่กลับบ้าน พอถึงบ้านข้าพเจ้าก็ได้บอกแม่ว่า ให้ท่านกินข้าวแล้วก็กินยานอน ผักผ่อนมากๆ ถ้ามีอะไรก็ให้โทรหาได้ทุกเวลา

แล้วข้าพเจ้าก็ไปขอตัวแม่ไปทำงานต่อ บอกตรงๆวันนั้น รู้ว่าไปทำงานสาย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ข้าพเจ้ากลับไม่รู้สึกกังวลใจใดๆเลย ว่าจะโดนเจ้านาย ตำหนิ พอไปถึง ที่ทำงาน เจ้านายก็ไม่ถามข้าพเจ้าเลยสักคำ ว่าทำไมเพิ่งมา แกก็ทำงานของแกไป ทุกๆคนก็ทำงานของตัวเองไป ข้าพเจ้าก็ งง ๆ ก็ชีวิต ตัวเองวันนั้นเหมือนกัน คล้ายกับว่า เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พอนั่งเก้าอี้ทำงาน ข้าพเจ้าก็อดไม่ได้ ที่จะหยิบ "รูปถ่ายหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร" รูปประจำตัวขึ้นมา แล้วก็ปรารภกับท่านว่า หลวงพ่อครับ วันนี้ "หลวงพ่อครับ!วันนี้คุณยายมาสอนธรรมมะให้ผมครับ "คุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม" แล้วข้าพเจ้าก็ได้สำคัญตนไปว่า ได้ยินเสียงของหลวงพ่อ ท่านหัวเราะฮึๆ ข้าพเจ้าเมื่อมองไปหยั่งรูป ของหลวงพ่อ(หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร) คล้ายท่านกำลังยิ้มอยู่นั้น ยิ่งทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกดีมาก ๆ เลย สู้ๆ (ใจข้าพเจ้าคิดอย่างนั้น)"ความสุขใด เสมอความสงบไม่มีเลย"กราบสวัสดี

ด้วยความเคารพเป็นอย่าสูง
"คนเมืองกาญฯ"(บ่อพลอย)

กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย


 


Facebook Comments