ผู้เขียน หัวข้อ: พญาเต่าเลือนหลวงพ่อทรัพย์ วัดอินทาราม (ตลุก) จ.ชัยนาท  (อ่าน 18026 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ saksitlew

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 1321
  • พลังน้ำใจ 2
พญาเต่าเลือนหลวงพ่อทรัพย์
ทั้งสององค์เป็นพญาเต่าเลือนขนาดเท่าเต่านาตัวจริง ของหลวงพ่อทรัพย์ วัดตลุก ครับ มีเสียงกริ่งในตัว  เก็บไว้บูชาเหมาะสำหรับผู้ทำกิจการค้าขาย ร้านค้ากิจการต่างๆ
หลวงพ่อทรัพย์วัดตลุก นั้นเป็นศิษย์เอก หลวงพ่ออ่ำวัดตลุก และเป็นศิษย์รุ่นเดียวกับหลวงพ่อชมวัดตลุก ทั้งหลวงพ่อชมและหลวงพ่อทรัพย์นั้น ต่างก็เป็นศิษย์เอกหลวงพ่ออ่ำทั้งคู่หลวงพ่ออ่ำท่านเก่งขนาดไหนก็ลองคิดดู ท่านเคยประลองวิชากับหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่ามาแล้ว คือเมื่อเรือหลวงปู่ศุขผ่านลำน้ำเจ้าพระยามาถึงบริเวณวัดตลุก นั้น หลวงพ่ออ่ำท่านได้หยุดเรือให้ไปไหนไม่ได้หลวงปู่ศุข เมื่อรู้สึกว่าเรือหยุดท่านก็ แก้วิชาให้เรือไปได้ จนในที่สุดหลวงพ่ออ่ำต้องนิมนต์ หลวงปู่ศุข ขึ้นมาพูดคุยสนทนากัน ในฐานะพระสหธรรมมิก  ในสมัยก่อนเกจิเมืองชัยนาท มีเก่งๆหลายท่านในยุคนั้นทางบ้านห้วยกรด ก็มีหลวงพ่อคงวัดใหม่บำเพ็ญบุญ เป็นอาจารย์ใหญ่ ทางบ้านตลุกก็มีหลวงพ่ออ่ำเป็นพระอาจารย์ใหญ่ครับ  มาสมัยหลวงพ่อชมและหลวงพ่อทรัพย์ นั้น ทั้งสองท่านเป็นเกจิร่วมยุคร่วมวัดเดียวกัน แต่หลวงพ่อทรัพย์ท่านเป็นหลวงตา ท่านถือสมถะ ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ท่านเก่งทางด้านเมตตาค้าขาย วัตถุมงคลอัน โด่งดังของท่านจะเน้นเรื่องค้าขายเป็นหลักครับ เช่น นกคุ้ม คุ้มครองบ้านเรือน และค้าขายดี ส่วนพญาเต่าเรือนนั้น ให้ลาภบันดาลความร่ำรวย

ออฟไลน์ saksitlew

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 1321
  • พลังน้ำใจ 2
อาจจะมีรอยถลอกบ้าง แต่เน้นที่พุทธคุณครับ

ออฟไลน์ saksitlew

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 1321
  • พลังน้ำใจ 2
ตัวที่สอง ทาทองบรอนซ์

ออฟไลน์ saksitlew

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 1321
  • พลังน้ำใจ 2
รอยถลอกเกิดขึ้นได้ครับ เพราะสมัยก่อนชาวบ้านไม่ได้เก็บรักษาอย่างดี นัก

ออฟไลน์ saksitlew

  • สมาชิก
  • *****
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 2
  • กระทู้: 1321
  • พลังน้ำใจ 2
ตำนานความเป็นมาพญาเต่าเรือน
เต่า   นับถือว่าเป็นสัตว์มงคลตามตำราฮวงจุ้ยของจีน อุปนิสัยชอบเดินหน้าอย่างเดียว ถอยหลังไม่เป็น เป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุยืน ความอุดมสมบูรณ์ ความมั่นคง เพราะเต่ามีอายุหลายร้อยปี ในตำนานพระโพธิสัตว์กล่าวว่า พระโพธิสัตว์เคยเสวยพระชาติเป็นพญาเต่าเรือน ได้เสียสละชีวิตของตนเพื่อให้บริวารอยู่รอด พระคณาจารย์ในยุคอดีตทั้งหลายจึงได้จัดสร้างพญาเต่าเรือนไว้ สักการบูชาเป็นเครื่องรางทางด้านค้าขาย เรียกลาภและป้องกันคดีความ เหมาะสำหรับผู้ดำเนินกิจการต่างๆ เปิดกิจการใหม่หรือผู้ที่ธุรกิจกำลังสั่นคลอน มีไว้เพื่อพยุงและสร้างความก้าวหน้าต่อไป นอกจากนี้ยังมีอิทธิคุณด้านคงกระพันเมตตามหานิยมครบเครื่อง
             ในสมัยก่อนเครื่องรางพญาเต่าเรือน นิยมใช้คำว่า "เต่าเลือน"ที่แปลว่าลบเลือนหรือเลือนหายไป มักใช้เครื่องรางนี้ในการทำความให้สูญ ที่เรียกว่า สูญความ เพื่อต่อสู้คดี ให้ได้รับชัยชนะในกรณีที่ถูกใส่ความ แต่ปัจจุบันนิยมเรียกว่า พญาเต่าเรือน ซึ่งก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกันเนื่องจากเป็นเครื่องรางที่ให้โชคลาภหรือบันดาลความร่ำรวย สำหรับไว้บูชาประจำบ้านเรือน

ตำนานเต่าโพธิสัตว์
               ตำนานกล่าวว่า พญาเต่าเรือน จำศีลอยู่บนยอดเขาเห็นนายพาณิช(พ่อค้า) และบริวารมาติดอยู่บนเกาะ อดอยากหิวโหย แทบว่าจะฆ่ากันเพื่อกินเป็นอาหาร ด้วยความที่เกิดมาเป็นเต่าโพธิสัตว์ จึงอุทิศชีวิตเป็นทานโดยกลิ้งมาจากยอดเขา จนกระดองของพญาเต่าเลือนกระแทกโขดหินจนแตก เพื่อให้มนุษย์เหล่านั้นอาศัยเนื้อของตนเป็นอาหาร นับเป็นความเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่ผู้อื่นทำได้ยาก หลังจากอุทิศเลือดเนื้อและกายเป็นทานแล้วกระดองเต่าโพธิสัตว์ ยังใช้เป็นประโยชน์ให้พวกเขาเหล่านั้นกลับมาตุภูมิได้ โดยสวัสดิภาพและมีชีวิตและอายุที่ยืนยาว กลับมาประกอบอาชีพร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีต่อมา
               ในชาดกที่เรียกกันว่า พระเจ้า500ชาติกล่าวถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรด พระสาวกและพุทธบริษัท ให้ ได้ประจักษ์ถึงบารมีที่พระองค์ทรงเสด็จมาเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ในลักษณะของสัตว์ที่เปี่ยมไปด้วยศีลและทานบารมี ก่อนถึงทศชาติ หรือสิบชาติสุดท้าย ที่จะเสด็จลงมาอุบัติบนโลก จนบรรลุเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีร่างกายเติบใหญ่โตเท่าบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของมนุษย์ โดยทรงปีนขึ้นไปจำศีลอยู่ ณ ยอดเขาบนเกาะร้างกลางทะเล และมีความสงบสุขตลอดมา
                             วันหนึ่งมีสำเภาพาณิชแล่นมาประสบพายุทำให้สำเภาแตก นายพาณิชและลูกเรือที่รอดตายจึงพากันว่ายน้ำมาอาศัยอยู่บนเกาะ อดอยากหิวโหยเป็นอย่างยิ่ง ผลหมากรากไม้ที่มีก็เก็บกินประทังชีวิต มีคนตายคราวใดก็เอาศพมาเชือด เอาเนื้อมาเป็นอาหาร เพื่อให้รอดตาย จนที่สุดไม่มีอะไรจะกิน จนร่ำๆ จะฆ่ากันเองเพื่อเอาเนื้อมากิน เต่าพระโพธิสัตว์ทรงทราบด้วยญาณสมาธิโดยตลอด รู้สึกเวทนาและบังเกิดความเมตตาอย่างสุดประมาณ ต่อบรรดาสัตว์โลกผู้ยากไร้ที่กำลังหิวโหยอยู่ข้างล่าง จึงอธษฐานว่า
                       "ข้าพเจ้าไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้อดอยากหิวโหยเหล่านั้นได้ นอกจากร่างกายของข้าพเจ้า ขออุทิศชีวิต และร่างกายเพื่อช่วยให้เพื่อนมนุษย์เหล่านั้นพ้นจากความตาย ด้วยเดชะบารมีที่ข้าพเจ้าได้เคยทำมานี้ จงเป็นพละปัจจัย ให้ข้าพเจ้าได้พบกับพระนิพพานในกาลอนาคตข้างหน้าด้วยเถิด"
                       อธิษฐานแน่วแน่แล้ว พญาเต่าจึงคลานมาที่หน้าผา เลือกเอาโขดหินผาที่แหลมคมด้านล่าง เป็นที่เจริญเมตตาจิตเป็นที่ตั้ง พุ่งตัวลงจากหน้าผา กระดองกระแทกกับหินผาได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระดองแตก ถึงแก่ความตายอยู่ที่พื้นด้านล่าง นายพาณิชและลูกเรือจึงได้อาศัยเนื้อ เต่าพระโพธิ์สัตว์กินเป็นอาหาร ตราบจนกระทั่งมีเรือสำเภาลำอื่นผ่านมารับแลละรอดตายได้ทั้งหมด เมื่อมนุษย์เหล่านั้นกลับสู่บ้านเรือนตน ก็ระลึกถึงบุญคุณ เต่าพระโพธิ์สัตว์ จึงทำรูปเคารพของพญาเต่าไว้บูชา ณบ้านเรือนสถานถิ่นของตน เพื่อระลึกถึงและสั่งสอนสืบต่อกันมาว่า "พญาเต่าเรือนคือ เอกลักษณ์แห่งเมตตาบารมีที่จะคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม ให้พ้นจากการเบียดเบียนของเหล่าอธรรมในกาลทุกเมื่อ "

กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย


 


Facebook Comments