ปี พ.ศ.2509 ได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นจำนวนหนึ่ง โดยมีหลวงตาตุ่น ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าพานิชย์ อ.วัดสิงห์ เป็นผู้ทำแม่พิมพ์โดยดัดแปลงมาจากพระพิมพ์บัวไขว้ทรงสี่เหลี่ยมของหลวงพ่อนะ วัดหนองบัวโดยตัดขอบด้านข้างทั้งสี่มุมออกให้เป็นทรงรูปไข่ จำแนกได้เป็น 2 พิมพ์ดังนี้คือ
1.พิมพ์เล็บมือ องค์พระจะมีขนาดเขื่องกว่าพิมพ์กลีบบัว ขอบซุ้มด้านบนจะมีลักษณะมนๆคล้ายเล็บมือ
2.พิมพ์กลีบบัว องค์พระจะมีขนาดเล็กขอบซุ้มด้านบนจะแหลมคล้ายกลีบบัวหรือเม็ดแตง
ด้านหลังองค์พระจะอูมเล็กน้อยโดยมากจะประทับอักขระตัว “ยะ”และมีอุณาโลมอยู่ด้านบน อันถือได้ว่าเป็นยันต์เอกลักษณ์ของหลวงพ่อยอด วัดหนองจิก สำหรับยันต์ตัว “ ยะ”นี้ ผู้เขียนขอสันนิษฐานออกเป็น 2 คติคือ
1.เป็นอักขระที่ย่อมาจากคำว่า “ยอด” ชื่อของท่าน ตัว “ยะ” ในบาลีก็เทียบได้กับตัว “ย.ยักษ์” ในภาษาไทย
2.หากถือเอาตาม นะโมพุทธายะ ตัว ยะ ก็หมายถึงพระศรีอาริยะเมตตรัย เป็นพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปในภัทรกัปป์นี้
แต่บางองค์ก็ไม่มียันต์ซึ่งมีไม่มากนักและไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าแบบมียันต์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์กว่า พระชุดนี้เทด้วยเนื้อชินตะกั่ววรรณะออกดำ
พระ ชุดนี้นอกจากจะได้รับการอาราธนาบารมีจากหลวงพ่อยอดแล้ว ยังได้รับการปลุกเสกจากหลวงพ่อเกิด วัดเขาดิน และหลวงพ่อนะ วัดหนองบัวอีกด้วย ด้วยเหตุนี้พระชุดนี้บางส่วนจึงตกอยู่กับ หลวงพ่อทั้ง 2 ใครได้รับจากหลวงพ่อนะ ก็เข้าใจว่าเป็นของหลวงพ่อนะ ใครได้รับจากหลวงพ่อเกิด ก็เข้าใจว่าเป็นพระของหลวงพ่อเกิด แท้ที่จริงแล้วเป็นของวัดหนองจิก เพียงแต่หลวงพ่อทั้ง 2 ท่านมาร่วมปลุกเสกแล้วได้รับถวายกลับไปด้วยจำนวนหนึ่งนั่นเอง
พระพิมพ์ที่ตกอยู่กับหลวงพ่อนะ (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพิมพ์เล็บมือ)คนหนองบัว
จะ เรียกกันว่า รุ่นข้าวฟ่อน เหตุเพราะเมื่อมีผู้ใดนำฟ่อนข้าวเปลือกมาถวายวัด 1 ฟ่อนก็จะได้รับแจกหนึ่งองค์(ฟ่อนละ 1 องค์)แต่ถ้าใครจะทำบุญก็ออกให้ทำบุญองค์ละ 1 บาทในสมัยนั้น
ส่วน พระที่ตกอยู่กับหลวงพ่อเกิด(ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพิมพ์กลีบบัว)หลวงพ่อท่านมัก จะพ่นด้วยสีบรอนซ์เงินบ้าง สีบรอนซ์ทองบ้าง บางส่วนท่านก็นำไปแช่น้ำมนต์เมื่อเวลาผ่านไปน้ำมนต์ก็ระเหยแห้งลง จึงทำให้คราบน้ำมนต์เกาะติดอยู่ที่เนื้อพระขาวโพลนไปหมด
ส่วน หลวงตาตุ่น(นามสกุลเฮงสิ พื้นเพเดิมเป็นคนบ้านดอนแจง)เมื่อสร้างพระชุดนี้เสร็จประมาณสองเดือนก็ล้ม ป่วยลง เพื่อความสะดวกต่อการปรนนิบัติดูแลซึ่งตกเป็นหน้าที่ของนางจำลองลูกสาวท่าน จึงได้ลาสิกขาบทออกไปพักรักษาตัวอู่กับลูกสาวของท่านที่อำเภอหันคา แต่ถึงแม้เมื่อท่านสึกหาลาเพศออกมาแล้วก็ตามแต่ท่านก็คงยังถือปฏิบัติอยู่ เช่นเดิมจนถึงวาระสุดท้ายของท่าน ศพของท่านนำมาทำการฌาปนกิจที่วัดป่าพานิช์ ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันมาจากคุณตาจิตร มีผล ประธานบริษัทพลอยสยามทรานสปร์อต คลองสาน ปทุมธานี ซึ่งเป็นบุตรเขยของหลวงตาตุ่น เนื่องจากก่อนบวชหลวงตาตุ่นท่านมีภรรยาและบุตรสาวอยู่ก่อนแล้ว ในการนี้ต้องขอแสดงความขอบคุณคุณสุริยา หว่านพืช ซึ่งเป็นผู้แนะนำแหล่งข้อมูลไว้ ณ ที่นี้ด้วย