ผู้เขียน หัวข้อ: นารายณ์แปลงรูป ฝังตะกรุดเงิน เนื้อผงพุทธคุณมหานิทรา สีขาว หลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม  (อ่าน 3789 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ paravatee

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 19
  • พลังน้ำใจ 0
นารายณ์แปลงรูป ฝังตะกรุดเงิน เนื้อผงพุทธคุณมหานิทรา สีขาว หลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม

  "นารายณ์แปลงรูป" เนื้อผงพุทธคุณมหานิทรา  หลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม(วัดจักรวรรดิราชาวาส) ก่อนหน้านั้นลูกศิษย์เคยปรารภว่าอยากให้หลวงปู่ทองทำนารายณ์แปลงรูปให้ ท่านบอกว่าถ้าเป็นองค์นารายณ์แปลงรูปเลยทำยากปลุกเสกยากทั้งเรียกรูปนาม เรียกอาการก็ยาก แต่จะทำให้ นับเป็นสัจวาจาของพระเถระอาวุโส เพราะก่อนหน้าหลวงปู่ทองจะมรณภาพเพียง 33 วัน ท่านได้เสกพระนารายณ์แปลงรูปไว้ให้เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2548

นารายณ์แปลงรูป เป็นวิชาพระเวทย์ที่ถูกนำมาสร้างเป็นเครื่องรางของขลังอันทรงคุณค่ามานับตั้งแต่ในสมัยโบราณ มักจะแฝงอยู่ในรูปพระยันต์บ้าง ตะกรุดบ้าง มีอิทธิคุณเป็นอเนกอนันต์ ที่ช่วยส่งเสริมความเจริญให้กับผู้บูชา ดังตะกรุดนารายณ์แปลงรูปของ พรอาจารย์นอง วัดทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี แต่จะให้เป็นรูปนารายณ์แปลงเลยไม่ค่อยมีใครทำ เพราะทำยาก เสกยาก ตั้งอาการยาก เรียกรูปนามก็ยาก ลักษณะด้านหน้าเป็นองค์พระนารายณ์อวตาร (แสดงฤทธิ์) มี 9 หน้า 18 ตา พันมือ อยู่ในซุ้มเปลวไฟ รูปแบบลักษณะศิลปะขอมโบราณ ด้านหลังเป็นยันต์ผูกหุ่นพยนต์ที่มีอานุภาพทางช่วยเหลือมาก เฉพาะพระพุทธคุณแห่งพระคาถานารายณ์แปลงรูปเป็นมหามงคลในด้านมหาเมตตามหานิยมสูง แคล้วคลาด ป้องกันภัยได้ทุกชนิด หากได้สวดทุกวันจะช่วยหนุนดวงและป้องกันภัยได้เป็นอย่างดี

การจัดสร้างครั้งนี้มี 3 เนื้อ 3 สี คือ เนื้อผงสีขาวเป็นผงพุทธคุณมหานิทรา ดีทางมหานิยมค้าขาย เนื้อผงสีเหลืองเป็นว่านดอกไม้ทอง ดีทางมหาเสน่ห์-เมตตา และเนื้อผงสีแดงเนื้อว่านหมากหลวงปู่ทอง พุทธคุณแคล้วคลาดป้องกันภัย มีสร้าง 2 แบบคือแบบฝังตะกรุดเงินและไม่ฝังตะกรุด

พรหมลิขิต เสริมดวงความรัก ขยัดมารที่รบกวนชีวิตคู่ ของหลวงปู่ทอง พระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าที่ได้รับนิมนต์ร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกแทบทุกงาน ท่านเสกพระรายณ์ได้ขลังมากปัจจุบัน วัตถุมงคลของท่านเป็นของหายากหลวงปู่ทอง เป็นมหาเปรียญ 7 ประโยค เป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าที่ได้รับนิมนต์ร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกแทบทุก งาน มากมายจนนับไม่ถ้วน บวชตั้งแต่อายุ 21 ถึง มรณภาพ 81 พรรษา ท่านเป็นพระที่มีเมตตามาก

นารายณ์แปลงรูปเสริมพรหมลิขิต เป็นวิชาที่เกิดคู่ตำราไสยศาสตร์ไทยมานาน มักจะแฝงอยู่ในรูปพระยันต์บ้าง ตะกรุดบ้าง แต่จะให้เป็นรูปนารายณ์แปลงเลยไม่ค่อยมีใครทำ เพราะทำยาก เสกยาก ตั้งอาการยาก เรียกรูปนามก็ยาก ลักษณะด้านหน้าเป็นองค์พระนารายณ์อวตาร (แสดงฤทธิ์) มี 9 หน้า 18 ตา พันมือ อยู่ในซุ้มเปลวไฟ รูปแบบลักษณะศิลปะขอมโบราณ ด้านหลังเป็นยันต์ผูกหุ่นพยนต์ที่มีอานุภาพทางช่วยเหลือมาก

การจัดสร้างครั้งนี้มี 3 เนื้อ 3 สี คือ เนื้อผงสีขาวเป็นผงพุทธคุณมหานิทรา ดีทางด้านเสริมดวงความรัก มหาเสน่ห์ มหานิยมค้าขาย อานุภาพของนารายณ์แปลงรูปมีในตำราว่า พระนารายณ์เล่นฤทธิ์เทวโองการเปลี่ยนแปลงได้สารพัดทั้งหาคู่ ฝืนสชะตา เมตตามหานิยมกันภัย มหาอำนาจปราบศัตรูหัวใจ อุปสรรคความรัก  อุปมาว่า พระนารายณ์แปลงรูปช่วยได้ในทุกโอกาสใครบูชาไว้สมหวังในรัก รวย

‘หลวงปู่ทอง’วัดสามปลื้ม

อายุยืน102ปี-เกจิ5แผ่นดิน

                ทุกครั้งที่เอ่ยถึงวัดจักรวรรดิราชาวาส เขตสัมพันธวงศ์ กทม. หรือวัดสามปลื้มแล้ว บรรดานักเลงพระต่างนึกถึง พระพุฒาจารย์มา หรือ “ท่านเจ้ามา” อดีตพระคณาจารย์องค์สำคัญของพระอารามแห่งนี้  ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา และเป็นเจ้าตำรับการสร้างพระกริ่งไทยที่ถ่ายทอดไปสู่สมเด็จพระสังฆราช(แพ ติสสฺเทวมหาเถร) วัดสุทัศน์ ในกาลต่อมา
                ส่วนยุคปัจจุบันที่รู้จักกันดีก็คือ “หลวงปู่ทอง”  เกจิอาจารย์ดังที่มีอายุยืนยาวถึง 5 แผ่นดิน แต่น่าเสียดายที่ท่านถึงกาลมรณภาพไปเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 48 ที่ผ่านมา หลังจากประสบอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำจนซี่โครงหักทะลุปอด กะโหลกร้าวและเข้ารับการรักษาตัวที่ ร.พ.จุฬาภรณ์ประมาณ 2 เดือน สิริอายุรวม 102ปี ซึ่งอีกเพียงไม่กี่วันก็จะครบวันคล้ายวันเกิดครบ 103ปีในวันที่ 20พ.ย. 48
                นับเป็นการสูญเสียพระดีแห่งเมืองกรุงไปอีกหนึ่งองค์ส่งท้ายปีระกา                ชาติภูมิหลวงปู่ทองเป็นชาวบ้านกุดน้ำใส หมู่ที่ 2 อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด เกิดในสกุล “จันทรศิริ”  เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2447 ตรงกับขึ้น 11 ค่ำ เดือน 12 ปีมะโรง บุตรของนายจันทบาล และนางจ่อย
                อายุ 17 ปี บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2464 ณ วัดสระกุดน้ำใส อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด และอุปสมบทเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2468 ณ วัดจักรวรรดิราชาวาส โดยมี พระมงคลเทพมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาปั้น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประสิทธิสมณการ เป็นพระอนุสาวนาจารย์  ได้ฉายาว่า “โสณฺตฺตโร”
                ในช่วงที่เป็นพระหนุ่มนั้น ได้สนใจพระปริยัติธรรมบาลีโดยไปเป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์จนมีความรู้แตกฉาน และเป็นครูสอนไปในตัวด้วยในหลายสำนักทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด   โดยมีความก้าวหน้าในด้านวิทยฐานะตามลำดับคือ ปีพ.ศ.2466 สอบได้นักธรรมตรี ปีพ.ศ.2467 ได้นักธรรมโท ปีพ.ศ.2470 สอบได้ป.ธ.3 ปีพ.ศ.2471 สอบได้ป.ธ.4 ปีพ.ศ.2472 สอบได้ ป.ธ.5 ปีพ.ศ.2480 สอบได้ป.ธ.6 และปีพ.ศ.2480 สอบได้นักธรรมเอก
                นอกจากนั้น ยังได้รับการศึกษาพิเศษในด้านภาษาอังกฤษและภาษาจีน ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ชำนาญในการสอนภาษาบาลีด้วย
                ในด้านการปกครองได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆคือ ปีพ.ศ.2490 เป็นเจ้าคณะ 14 ปีพ.ศ.2500 เป็นเจ้าคณะ 5 ปีพ.ศ.2531 ได้รับพระบัญชาแต่ตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิ์
                ในด้านการศึกษานั้น หลวงปู่ทองได้ชื่อว่าเป็น “ครู”ของแผ่นดินที่ดีท่านหนึ่ง คือในปีพ.ศ.2470 เริ่มเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกธรรมประจำสำนักเรียน
                ระหว่างปีพ.ศ.2472-2474 ได้ไปเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมที่แผนกธรรมและบาลี สำนักเรียนคณะจังหวัดปราจีนบุรี แผนกธรรม ที่วัดใหม่กรงทอง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มีลูกศิษย์ ที่เป็นกำลังของพระพุทธศาสนา เป็นเจ้าคณะ พระสังฆาธิการระดับอำเภอ และจังหวัดหลายรูป อาทิ พระครูศรีมหาโพธิคณารักษ์ (สวาส ป.ธ.6) วัดใหม่กรงทอง จ.ปราจีนบุรี ,พระราชธรรมภาณี (เอิบ ป.ธ.6) อดีตเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี และพระปราจีนบุรี (วิรัช ป.ธ.5) วัดหลวงปรีชากุล อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
                ปีพ.ศ.2474 ไปเป็นครูสอนปริยัติธรรม ที่วัดเฉลิมพระเกียรติ อ.เมือง จ.นนทบุรี ปีพ.ศ.2482 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ประจำสำนักเรียนวัดจักรวรรดิ์
                ด้านงานเผยแผ่ ปีพ.ศ.2504 เป็นพระธรรมทูตสายที่ 6 รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสให้เป็นหัวหน้าจัดการแสดงพระธรรมเทศนา ในวันธรรมสวนะ 8 ค่ำ 15 ค่ำและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา,วันวิสาขบูชา,วันอาสาฬหบูชา และเป็นกรรมการจัดบวชชีพราหมณ์ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
                ปีพ.ศ.2516-2522 สมเด็จพระธีรญาณมุนี แม่กองงานพระธรรมทูต และหัวหน้าอำนวยการงานพระธรรมทูต สายที่ 6 มอบหมายให้ออกไปติดตามผลงาน และออกจาริกปฏิบัติงานในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค 10 และภาค 11 เป็นประจำทุกปี
                ส่วนงานสาธารณูปการ ท่านได้ปฎิบัติมาอย่างสม่ำเสมอโดยปรากฏผลงานมากมาย อาทิ ปีพ.ศ.2489 เป็นประธานหาเงินสร้างเพิ่มเติมโบสถ์วัดสระกุดน้ำใส,ปีพ.ศ.2500 สร้างศาลาการเปรียญวัดสระกุดน้ำใส ปีพ.ศ.2529 ควบคุมดูแลการสร้างกุฎิคณะ 5 วัดจักรวรรดิ์ ปีพ.ศ.2533 ควบคุมดูแลการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ วัดจักรวรรดิ ปีพ.ศ.2534 ควบคุมดูแลการก่อสร้างศาลาบำเพ็ญกุศล วัดจักรวรรดิ์
                แม้ขณะนั้นท่านจะสูงถึง 87 ปีแล้ว แต่ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งร่วมกิจกรรมของวัดจักรวรรดิ์เสมอ ได้ช่วยเหลืองานวัดตลอดมา ลงทำวัตรสวดมนต์เช้า-เย็นเป็นประจำมิได้ขาด เว้นแต่ออกไปปฏิบัติกิจนอกวัด  ชาวบ้านในต่างจังหวัด ทั้งส่วนราชการบ้านเมืองและคณะสงฆ์ ได้ขอความอนุเคราะห์อุปถัมภ์ ท่านก็หยิบยื่นเมตตาให้อย่างเต็มที่
ด้วยคุณงามความดีที่บำเพ็ญประโยชน์แก่ประเทศชาติ และพระพุทธศาสนาจึงได้รับพระราชทานได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระมงคลวุฒิ”เนื่องในวโรกาสมหามงคลที่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ 72 พรรษา เมื่อวันที่ 12 ส.ค.47พร้อมกับพระมงคลสิทธิการ หรือหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ซึ่งเป็นสหธรรมิกที่สนิทสนมกันอย่างมาก และมรณภาพไปก่อนหน้าเมื่อเดือนพ.ค. 48
                ก่อนหน้าที่จะละสังขาร หลวงปู่ทองยังคงรับกิจนิมนต์ไปร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่องวัตถุมงคลอยู่เนืองๆ ล่าสุดก็คือ พระพุทธชินราชหมื่นยันต์ ที่ระลึกครบ 72 ปีพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ที่ร่วมพิธีมหาหัตถบาสพร้อมกับพระเกจิคณาจารย์รวม 139 รูป
            วัตถุมงคลทุกรุ่นที่ท่านอธิษฐานจิต เป็นที่กล่าวขานในหมู่ศิษย์ถึงเรื่องพุทธคุณ และประสบการณ์ ทั้งนี้ ก็เพราะเชื่อในพลังจิตอันบริสุทธิ์ และบารมีอันสูงส่งของท่านโดยแท้??

กระดานสนทนาเว็บไซต์ ศิษย์หลวงพ่อกวย


 


Facebook Comments