ตั้งแต่ต้นปี 2552 มานี้ คนที่ทำธุรกิจร้านเกมส์ ก็ถือว่าเหนื่อยกันมากขึ้น ซึ่งก็มีหลายสาเหตุ เช่น เรื่องคู่แข่งขันที่มีมากขึ้น, ข้อกฎหมายที่เข้มงวด และปัญหาพวกลิขสิทธิ์ ฯลฯ ส่วนตัวผมก็ยังถือว่าพออยู่ได้ไม่เหนื่อยเหมือนรายอื่นๆ ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการบริการจนลูกค้าผูกพันกับเราไม่มีหนีไปไหนง่ายๆ
อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ คือ เวลามีปัญหา พอผมอธิษฐานถึงหลวงพ่อกวย ชุตินธโร ลูกค้าก็พากันเข้าร้านมาเป็นอย่างนี้แทบทุกครั้ง เป็นเรื่องที่ผมถือว่าโชคดีกว่าใครเพื่อน และผมก็มั่นใจว่าหลวงพ่อช่วยผมได้จริงๆ และช่วยผมมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
อย่างเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานจวนตัวผมครั้งหลังสุด เมื่อกลางปี 2552 ที่ผ่านมา ขณะที่ ผมกำลังเข้าไปต่องานลูกน้องเพื่อเตรียมปิดร้าน ประมาณ 21.00 น. ปรากฏว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 10 กว่าคน ลักษณะเหมือนพวกคนในเครื่องแบบ บอกผมว่าเป็นตัวแทนมาจากค่ายเพลงหนึ่ง จะขอเข้ามาตรวจลิขสิทธิ์ภายในร้าน
ผมก็ยินดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นปัญหา คนพวกนี้ใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 5 นาที เสร็จก็แล้วหันมาบอกพร้อมกับชี้ให้ผมดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ว่า มีสิ่งผิดกฎหมายอยู่ 2-3 รายการที่เป็นปัญหา
พอรู้ว่าโดนจับลิขสิทธิ์ ผมนึกถึงหลวงพ่อกวยขึ้นมาทันที ตัวแทนลิขสิทธิ์บอกผมว่าต้องไปคุยกันที่โรงพัก ให้ผมถอดเครื่องคอมฯ ที่พบข้อมูลเอาไปด้วย ผมตกอยู่ในภาวะกดดันอย่างหนัก ทั้งเครียดและกังวล แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะไม่เลวร้าย พร้อมกับท่องคาถานะโมตาบอดของหลวงพ่อตลอดเวลา ขออย่าให้มีปัญหาเหมือนที่เพื่อนๆ ผมเคยเจอ
เพราะที่ผ่านมา ถ้าโดนจับลักษณะนี้ ต้องโดนปรับประมาณ 40,000 บาท และถ้าตกลงกันไม่จบในคืนนั้น ก็ต้องถึงขั้นนอนห้องขังอย่างน้อย 1 คืนก่อนแล้วค่อยไปขึ้นศาล เพื่อนผมบางตนต้องปิดกิจการไปเพราะปัญหาพวกนี้
หลังจากอธิษฐานจิตถึงหลวงพ่อ ผมได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนหนึ่ง แต่ก็โชคร้ายเพื่อนเดินทางไปต่างจังหวัดเข้ามาช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แต่ก็ได้เบอร์โทรของเพื่อนอีกคนหนึ่งมา ผมก็ลองติดต่อไปตามนั้น
ระหว่างนั้น พวกลิขสิทธิ์เดินเข้ามาตามให้ผมรีบเดินทางไปเจรจากันที่โรงพัก แต่ผมยังติดคุยโทรศัพท์อยู่ ดูสีหน้าเขาไม่พอใจ แล้วเดินออกไป
ผ่านไปพักหนึ่ง พวกลิขสิทธิ์ก็เดินเข้ามาตามอีก เมื่อยังเห็นผมคุยโทรศัพท์ ก็ถามผมอย่างไม่พอใจว่าคุยอยู่กับใคร คนที่เป็นหัวหน้าทีมเหมือนอยากจะคุยกับเพื่อนผม เพราะไม่อยากรอ ผมเลยยื่นโทรศัพท์ให้เขาเดินออกไปคุยอยู่นอกร้าน
เหมือนปาฏิหาริย์ เพราะใช้เวลาพูดคุยกันไม่ถึง 10 นาที เขาก็เดินกลับเข้ามา เอาโทรศัพท์มาคืนผม เสร็จแล้วสิ่งที่แทบไม่เชื่อสายตา คือ พวกเขารีบพากันขับรถออกไปอย่างรวดเร็วทันที ปล่อยให้ผมงงกับกับเหตุการณ์อยู่ครู่ใหญ่ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นผมเกือบจะต้องไปเป็นผู้ต้องหาอยู่แล้ว
ผมไม่รู้ว่าเพื่อนคนนั้นคุยอะไรกับตัวแทนลิขสิทธิ์บ้าง แต่ในส่วนของผมขณะนั้น ถือว่าเหตุการณ์มันจบลงโดยไม่ต้องสูญเสียอะไร ทั้งอิสรภาพ และเงินก้อนใหญ่ ถ้าผมไม่ใช่ลูกศิษย์หลวงพ่อกวย ชุตินธโร ผู้วิเศษแห่งเมืองสรรค์ วัดโฆสิตาราม จ. ชัยนาท สถานการณ์จะพลิกจากผู้ร้ายมาเป็นพระเอกได้อย่างนี้หรือ
แม้จะนับว่าเป็นปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่ ในสถานการณ์ที่เป็นปัญหาใหญ่สุดตั้งแต่ผมทำธุรกิจด้านนี้มาก็ตาม แต่ก็ทำให้ผมไม่อยากทำธุรกิจนี้อีกต่อไป คิดว่าจะทำยังไงดี ระหว่างขาย หรือปิดกิจการ ?
นะตันโต นะโมตันติ ตันติตันโต นะโมตันตัน
ศิษย์แพร่ง