เรื่องจริง หรือบังเอิญลองมาอ่านดูครับ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองซูโจว และเมืองอู๋ซี เป็นเวลาทั้งหมด 5 วัน ซึ่งภารกิจที่ผมต้องเดินทางไปคือเป็น หัวหน้าทัวร์ พาคณะท่องเที่ยว จำนวน 20 ท่าน เดินทางท่องเที่ยวตามโปรแกรมทัวร์ ไปยังเมืองต่างๆข้างต้น เป็นเวลาทั้งหมด 5 วัน 4 คืน
ระหว่างเดินทางเราต้องย้ายไปนอนตามเมืองต่างๆ โดยคืนแรกนอนที่ เซี่ยงไฮ้ ต่อไปยัง ซูโจว และอู๋ซี จนคืนสุดท้ายกลับมานอนที่เซี่ยงไฮ้อีกครั้ง
โรงแรมที่คณะเดินทางไปพัก จะเป็นระดับ 3 ดาว - 4 ดาว ซึ่งในคืนวันแรก และวันที่สอง ก็เป็นการไปพักตามปรกติ เหตุการณ์สงบ นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์
จนกระทั่งในคืนที่สาม ที่เมืองอู๋ซี ผมนำคณะเข้าที่พักเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม เมื่อแจกกุญแจห้องพักแล้ว ต่างคนก็แยกย้ายเข้าห้องนอนของใครของมัน ซึ่งในแต่ละห้องจะมีผู้เข้าพักจำนวนห้องละ 2 ท่าน ยกเว้นห้องพักของผม เป็นห้องพักหัวหน้าทัวร์ เป็นห้องพักคนเดียว หรือที่เรียกว่าพักเดี่ยว
ก่อนแต่ละท่านผมได้แจ้งหมายเลขห้องของผม รวมทั้งการกดโทรศัพท์มาที่ห้องพักของผมก่อนว่าทำอย่างไร คือต้องกดหมายเลข 8 นำหน้าเลขห้องของผมเอง หากว่ามีปัญหาอะไรจะได้โทรหาผมได้ ซึ่งทุกท่านเข้าใจดี
ห้องที่ผมเข้าพักเป็นห้องหัวมุม ซึ่งห้องตรงข้ามห้องของผม เป็นห้องของลูกค้าที่เดินทางมากับผม 2 ห้อง รวมทั้งห้องที่ติดกับผมด้วยก็เป็นห้องของลูกค้าในคณะเดียวกัน รวมความแล้วห้องของผมล้อมรอบไปด้วยห้องของลูกค้า ยกเว้นฝั่งที่ติดกับมุมติกซึ่งทำให้เห็นวิวของเมืองได้อย่างชัดเจน
คืนนั้นผมนอนหลับโดยไม่อาบน้ำเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นเหลือเพียงอุณหภูมิ ตัวเลขเพี่ยงตัวเดียวประมาณ 4-6 องศา และหลับสนิท โดยถอดพระ และเครื่องรางที่นำติดตัวมาไว้หัวเตียง
ก่อนหลับ มีลูกค้าที่ลืมกล้องไว้บนรถโทรมาตามให้ช่วยเรียกคนขับรถไปเปิดรถให้เพื่อหยิบกล้องที่ลืมไว้ ผมก็ทำหน้าที่ไปตามปรกติ ทุกอย่างเรียบร้อย แล้วจึงเข้านอน
เช้าผมตื่นมาด้วยเสียง คนคุยกันอยู่หน้าห้อง จับใจความไม่ได้ จนกระทั่งได้อาบน้ำลงไปรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม
มีลูกค้าท่านหนึ่งถามผมว่าเคยมานอนโรงแรมนี้ไหม ซึ่งผมก็บอกไปตามความจริงว่าไม่เคยนอน ถึงแม้ว่าจะเคยมาเมืองนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยมาพักที่โรงแรมนี้ และผมก็ถามกลับไปด้วยความสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้น ได้ใจความว่า
ห้องที่อยู่ตรงข้ามผม ซึ่งเป็นผู้หญิงสองคนพักด้วยกัน ไม่สามารถนอนหลับได้ด้วยเหตุว่า ทั้งสองคนเมื่อหลับตาแล้ว พอเคลิ้มๆ จะเห็นเงาคนร่างใหญ่ยืนอยู่ริมเตียง หรือเดินวนอยู่รอบๆห้อง จนไม่สามารถนอนหลับได้ จนต้องเปิดโทรทัศน์นั่งคุยกันจนเช้า
ส่วนห้องข้างๆของห้องที่อยู่ตรงข้ามผม ได้กลิ่นธูปตลบไปหมด ซึ่งก็ได้แต่แปลกใจว่าทำไม มีกลิ่นธูปรุนแรง
และห้องที่อยู่ข้างๆห้องผม ประตูเปิดไม่ได้เมื่อออกมาจากห้อง แล้วเปิดเข้าไม่ได้โดยใช้คีย์การ์ด ตัวเดิมซึ่งก่อนเข้าห้องครั้งแรกก็เปิดเข้าไม่ได้ จนผมต้องนำคีย์การ์ดไปแจ้งทางโรงแรมให้แก้ไขแล้ว ซึ่งก็เรียบร้อยดี จากนั้นเมื่อออกมาเดินเล่นก็ไม่สามารถเปิดได้อีก ถึง 2 ครั้ง แต่เมื่อพนักงานโรงแรมมาทำการเปิดให้ ก็สามารถเปิดได้ตามปรกติ ซึ่งจะคิดว่าทั้งสองคนนี้ใช้คีย์การ์ดไม่เป็นก็คงไม่ใช่ เนื่องจากทั้งสองคืนที่ผ่านมา โรงแรมก่อนหน้านี้ก็ใช้คีย์การ์ดแบบนี้
และที่แปลกใจทั้งห้องตรงข้ามผม และห้องข้างๆผม ทั้งสองห้องพยายามติดต่อผมโดยการโทรเข้ามาที่ห้อง มาเคาะ กดออดเรียกอย่างไรผมก็ไม่ตื่น ซึ่งตามปรกติผมเป็นคนตื่นนอนง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเดินทางมาทำงาน ผมยิ่งตื่นง่ายเพราะกังวลว่า หากลูกค้ามีปัญหาจะได้ช่วยเหลือได้ ยิ่งโทรศัพย์ผมจะได้ยินอย่างง่ายดาย เช่นลูกค้าหัวค่ำโทรเข้ามาเรื่องลืมกล้องผมก็ได้ยิน ตอนเช้าโทรศัพย์ของโรงแรมที่เป็น MORNING CALL ก็ได้ยิน แต่ทำไมกลางดึกที่ทั้งสองห้องเรียกมาเพื่อขอความช่วยเหลือทั้งสองห้องผมไม่ได้ยิน
และทั้งสามห้องที่เจอเรื่องแปลกๆ อยู่ล้อมรอบผมทั้ง 3 ห้อง แต่ห้องผมกลับเหตุการณ์ปรกติ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมอะไรมารบกวน แม้กระทั่งการพยายามมาปลุกผมของลูกค้า
ที่หัวเตียงนอนผมวางสร้อยคอ มีรูปถ่ายครึ่งองค์ตระกรุด 3 กษัตริย์ และเทียนไขที่ใช้ในพิธีปลุกเสกพระปี 21 ของหลวงพ่อ ผมปั้นรวมกับ ทรายเสก เศษจีวร เกศา และเศษผ้ายันต์เก่าๆ ในสายนี้ เลี่ยมพลาสติกไว้ พร้อมทั้ง ปลัดอาจารย์เตี้ย วัดสามเอก แหวนรุ่น 2 โล่ฝรั่ง และแหวน หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ในเป้ยังมีผ้ายันต์ อะ ปะ จะ คะ อีก 1 ผืน
ที่ผมหลับสนิทไม่มีอะไรรบกวนเพราะผมเหนื่อยเพลีย หลับสนิท ขี้เซา หรือ ไม่มีอะไรมารบกวน หรือสิ่งแปลกปลอม มารบกวนผมไม่ได้ ด้วยบารมีหลวงพ่อ
ท่านคิดว่าอย่างไรครับ
?